องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เปิดให้เยาวชนระดับนักเรียนเท่านั้นมาแข่งขันถึง 12 ครั้ง
แต่ในปี 2557 จะเปิดแข่งขันจรวดขวดน้ำแบบมืออาชีพ เพราะเด็กที่เข้าแข่งขันต้องการจะสร้างสถิติยิงให้ไกลที่สุด ไม่ใช่แค่ 200 – 250 เมตรแบบที่ผ่านมา โดยปีนี้ อพวช.ร่วมกับกองทัพอากาศ เปิดสนามบินเล็กกองทัพอากาศ(ทุ่งสีกัน) เป็นสนามแข่งขัน
ที่สำคัญ การแข่งขันจรวดขวดน้ำ อายุไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ขึ้นอยู่กับ “ศาสตร์” และ “ศิลป” ในการคำนวณทางวิทยาศาสตร์ กลศาสตร์ คณิตศาสตร์ ผสมผสานกันไป งานนี้ ผู้ใหญ่อาจจะแพ้ให้กับเด็กก็ได้ ใครจะไปรู้
“อพวช.จัดแข่งจรวดขวดน้ำมา 11 - 12 ปี ติดต่อกัน ถามว่า ทำไมต้องแข่ง เพราะอยากให้เด็กมีเวทีการแข่งขันทางวิทยาศาสตร์ วิธีการแข่งขันเหมือนวิ่งเร็ว 5 วินาทีเสร็จแล้ว แต่ถามว่านักกีฬา 100 เมตรกว่าจะวิ่งเร็วได้ต้องเตรียมตัว 3 – 4 ปี การแข่งขันจรวดขวดน้ำก็เหมือนกัน ผู้เข้าแข่งขันจะต้องมีเวลาเตรีวมตัว 3- 4 ปีหรือ 3 – 4 เดือนได้ ที่สำคัญ การแข่งขันที่ผ่านมา อพวช.จะจำกัดเด็ก คือ เด็กคนหนึ่งจะจำกัดแรงลมใม่ให้เกินแรงดันที่ 40 psi หรือ 40 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เวลาแข่งจะอัดลมเอาไปแค่นั้น ใครเกินนั้นไม่ได้ เพราะจรวดจะไปไกลเกิน 200 เมตร ไปตกใส่รถ ใส่บ้าน ใส่หัวคน อันตราย พอเราจำกัดแรงอัด วันหนึ่งมีเด็กหลายคนมาบอกว่าแข่งยิงจรวดขวดน้ำแบบไกลกว่านี้ได้ไหม เพื่อให้เป็นอันดับของโลกเลย เราก็เห็นด้วย เพราะไม่อยากจะไปปิดกั้นการพัฒนาการของเด็ก แต่ไม่มีสถานที่ ที่ผ่านมาแข่งในสนามบอลก็ได้ไกลแค่ 250 เมตร เลยไปหาสนามแข่งเป็นแบบมืออาชีพ ไม่จำกัดแรงอัด เพื่อให้เกิดนวัตกรรมสร้างสรรค์เกินขึ้น จึงร่วมกับกองทัพอากาศ แข่งที่สนามบินเล็กกองทัพอากาศ ที่นี้ยิงได้เต็มที่เลย” นายสาคร ชนะไพฑูรย์ รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการ อพวช.กล่าว
และนั่นจึงเป็นที่มาของ การแข่งขันจรวดขวดน้ำระดับมืออาชีพ ครั้งที่ 1 (Thailand Water Rocket Professional Competition #1) ชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 450,000 บาท พร้อมโล่รางวัล
แบ่งประเภทการแข่งขัน ออกเป็น 3 แบบ คือ1.จรวดความไกล (Long Distance) 2.จรวดลอยนาน (Safety Landing) และ3.จรวดออกแบบเทคโนโลยีสร้างสรรค์ (Fancy)
“การแข่งขันแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ 1.ประเภทเทคโนโลยีสร้างสรรค์ ที่เน้นให้ผู้แข่งขันสร้างสรรค์จรวดขวดน้ำที่ดูตื่นตาตื่นใจ โดยนำเทคนิคต่าง ๆ มาผสมผสาน เช่น การทำจรวด 2-3 ตอนการทำจรวดแยกส่วน การปล่อยน้ำสี หรือจรวดกางร่ม ซึ่งจะมีการกำหนดพื้นที่ในการตกเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสิน โดยการแข่งขันจรวดประเภทเทคโนโลยีสร้างสรรค์จะตัดสินจากการให้คะแนนของคณะ กรรมการและผู้เข้าชม 2. การแข่งขันประเภทลอยนาน ตัดสินโดยการวัดเวลาที่จรวดขวดน้ำลอยในอากาศได้นานที่สุดและตกในพื้นที่ที่ กำหนด และ 3.ประเภทยิงไกล โดยปกติ อพวช. จะจำกัดความดันอากาศที่ 40 ปอนด์ต่อตางรางนิ้ว ซึ่งค่าเฉลี่ยที่จรวดขวดน้ำไปได้ไกลประมาณ 300เมตร แต่สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ อพวช. จะไม่กำหนดแรงดัน ฐานปล่อยจรวดขวดน้ำ รวมถึงรูปแบบ แต่จะวัดระยะขั้นต่ำที่ 270 เมตรขึ้นไป”นายสาคร กล่าว
การแข่งขันครั้งนี้ ผู้เข้าแข่งขัน ไม่จำกัด อายุ เพศ และการศึกษา ไม่จำกัดอาชีพ
โดยแต่ละทีมสามารถสมัครได้ ทั้ง 3 ประเภทและแต่ละทีม ประกอบด้วยสมาชิกทีมละ ไม่เกิน 5 คน และผู้สมัคร 1 คน สามารถเป็นสมาชิกได้เพียง 1ทีม เท่านั้น หากพบว่าสมาชิกท่านใดเป็นสมาชิกมากกว่า 1 ทีม ขอตัดสิทธิ์การเข้าร่วมการแข่งขันของทีมนั้นๆ
“การแข่งรวดขวดน้ำ มีวิทยาศาสตร์ อยู่ในนั้น ผู้แข่งขัน ต้องเรียนรู้ว่าแรงคืออะไร เพราะเวลาเราปาขวดไป ปาได้ไม่ไม่เกิน 10 – 15 เมตร แต่เวลาเราอัดลมเข้าไปจะไปได้ไกลกว่า แต่อัดอย่างไรก็ไม่เกิน 40 เมตร แต่ถ้าเราเอาน้ำใส่เข้าไป จะไปไกลขึ้นเพราะเราทำให้พลังงานมันออกช้าลง น้ำที่อยู่ในขวดจะทำให้ลมออกช้าขึ้น แต่ก็ไม่เกิน 50 เมตร ใส่น้ำมากก็หนักตก ดังนั้น ต้องเรียนรู้เทคนิคว่าน้ำต้องสัมพันธ์กับตัวจรวดว่าใส่เท่าไหร่จึงจะดี”นายสาคร ระบุ
ที่สำคัญจะต้องเข้าใจศูนย์กลางของมวลหรือน้ำหนักให้ดี แล้วจึงใส่ปีกใส่หาง คราวนี้จรวดสามารถยิงขึ้นไปไกล 200 เมตรเลย และต้องจะต้องมีมุมยิงด้วย การยิงที่องศา 10 องศา 20 องศา 30 องศา ระยะทางก็ต่างกัน ดังนั้น ผู้เข้าแข่งขันจะต้องเอาทุกอย่างมาผสมกัน ไม่ว่าเรื่องโมเมนตัม หมายถึง ความสามารถในการเคลื่อนที่ของวัตถุ ซึ่งมีค่าเท่ากับผลคูณระหว่างมวลและความเร็วของวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโปรเจกไตล์หรือการเคลื่อนที่ของวัตถุเป็นแนวโค้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแอร์โร ไดนามิกส์ หรือแรงที่เกิดจากการไหล เรื่องการคำนวณมวลและน้ำหนักของจรวด เรื่องของหาง ทิศทาง เป็นต้น นี่คือการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
“ที่ผ่านมา เคยมีการสร้างสถิติการยิงจรวดขวดน้ำได้ไกลถึง 500 เมตร ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยทุกปีองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่นหรือแจกซา (Japan Aerospace Exploration Agency: JAXA) จะจัดการแข่งขันจรวดขวดน้ำชิงแชมป์โลกในกลุ่มประเทศเอเชีย 18 ประเทศ ประเทศไทยเคยได้ที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มาหมดแล้ว แต่ระยหลังๆ ประเทศสิงคโปร์ ได้แชมป์ไป มีการยิงสาธิตโดยมืออาชีพยิงจรวดขวดน้ำได้ไกล 500 เมตร” นายสาคร กล่าว
จรวดขวดน้ำ ประกอบด้วย 1.ขวดน้ำอัดลม เหตุที่ต้องเป็นขวดน้ำอัดลม เพราะทนแรงอัดลมได้ ทนได้ถึง 120 psi 2.หัวจรวด สำคัญต้องมีการถ่วงน้ำหนัก จะทำให้เกิดโมเมนตั้ม เวลาไปจะนำไป อะไรก็ได้ที่หนัก ไม้ก็ได้ เหล็กก็ได้ กระดาษ ก็ได้ 3.ผังอากาศคือตัวขวดที่เราจะบรรจุอากาศเข้าไป เราใส่อะไรก็ได้ที่ทำให้ลมออกช้า บางที่ใส่แป้ง ใส่น้ำ 4.หาง แต่ในตัวจรวด จะมีรายละเอียดต่างกันไป มี 2 ท่อน 3 ท่อน มีร่มอยู่ด้วย
“คนทุกคนมีความฝันอยากแข่ง เด็กรอแข่งขัน เราต้องจัดเวทีให้เขา ปีหนึ่งมี 5 พันคนมาแข่ง ไม่ใช่น้อยๆ น่ะ แต่ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ จะแข่งแบบมืออาชีพ ไม่มีการจำกัด ไม่มีกติกาเข้มงวด ปีนี้ถ้าสถิติไกล เกิน 500 เมตร จะเชิญกินเนสบุ๊กมาบันทึก” นายสาคร ระบุ
การจัดการแข่งขันจรวดขวดน้ำระดับมืออาชีพในครั้งนี้ อพวช. หวังเป็นเวทีให้ผู้มีความสนใจในจรวดขวดน้ำได้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และ เทคนิคต่าง ๆ รวมถึงการนำความรู้พื้นฐานทางฟิสิกส์เกี่ยวกับแรงและการเคลื่อนที่มาสร้าง สรรค์เป็นชิ้นงานสิ่งประดิษฐ์ ที่ให้ความสนุกสนาน ท้าทายแก่ผู้ร่วมกิจกรรมและการนำความรู้มาพัฒนาสู่การสร้างสรรค์เป็น เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่อไป
โดย อพวช. จะเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2557 สำหรับผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดใบสมัครและดูรายละเอียด กฎ กติกาการแข่งขันได้ที่ เว็บไซด์ www.nsm.or.th สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2577 9999 ต่อ 1411 และ 1414
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี