'ชวลิต'ชำแหละแนวคิด'พงศ์โพยม' ย้ำลต.ผู้ว่าฯยุบกำนัน-ผญบ.ขัดกม.
วันเสาร์ ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557, 17.06 น.
Tag :
26 เม.ย. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รอง ลธ. พท. ให้สัมภาษณ์กรณี กปปส. โดยนายพงศ์โพยม วาศภูติ อดีต ปล. มท. เสนอแนวคิดปฏิรูป มท. ด้วยการจัดทำร่าง พ.ร.บ. การบริหารจังหวัดปกครองตนเอง เมื่อ 24 เม.ย. 57 ณ สำนักงานคณะ กก. ปฏิรูปกฎหมาย ว่าเมื่อปี 2553 ผมเป็นอดีตนายอำเภอที่ผันตัวเองมาเป็น ส.ส. ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ รมว. มท. ในสภา ฯ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีข้าราชการและป้องกันการทุจริตงบประมาณของ มท. มาปีนี้ปี 2557 ต้องมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายพงศ์โพยม ฯ นอกสภา ฯ ที่นำม็อบ กปปส. มายึดมท. และเสนอแนวคิดให้มีการเลือกตั้ง ผวจ. ยุบภูมิภาค ยุบกำนันผู้ใหญ่บ้าน ฯ ซึ่งทำลายหลักคิดของบูรพาจารย์ของ มท. โดยสิ้นเชิง เฉพาะอย่างยิ่ง เป็นการดำเนินการที่ทวนกระแสพระราชดำรัสเมื่อปี ๒๕๓๕
ผมไม่เชื่อว่านายพงศ์โพยมฯ ซึ่งเป็นอดีต ปล.มท. จะไม่เคยเห็นบันทึกของนายนิพนธ์ บุญญภัทโร อดีตรอง ปล.มท. และผอ. ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ในขณะนั้น (ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาประธานพรรค ปชป. นายชวน หลีกภัย)
นายนิพนธ์ ฯ ได้ทำหนังสือเรียนปล.มท. (นายอนันต์ อนันตกูล) ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2535 มีสาระนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2535 ณ ศาลาบุหลัน พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ซึ่งได้พระราชทานแก่ ผวจ. 14 จังหวัดภาคใต้ รวมทั้งนายนิพนธ์ ฯ พลเอกวิมล วงษ์วานิช ผบ.ทบ. รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ประมาณ 1000 คน มาเพื่อ ปล.มท. ทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
สาระของพระราชดำรัส สรุปว่า “การที่จะให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นเป็นการไม่ถูกต้อง ขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ประเทศไทยเป็นรัฐเดี่ยว ไม่ใช่หลายรัฐ หากมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ก็จะกลายเป็นว่า จังหวัดต่างๆ จะเป็นจังหวัดที่มีอิสระ มีผู้บริหารของตนที่มาจากการเลือกตั้ง ก่อให้เกิดความแตกแยกความสามัคคีในจังหวัดใกล้เคียงกัน หากผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่คนละพรรคและพวก การที่เราไปเรียกชื่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้ว่าราชการ นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ชื่อที่ถูกต้อง คือ ลอร์ดแมร์ ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิด คิดว่าเมื่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมาจากการเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ต้องมาจากการเลือกตั้งด้วยเช่นกัน”
ผมอัญเชิญพระราชดำรัสมา เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติแก่ทุกฝ่าย โดยผมได้พินิจพิเคราะห์ ด้วยเหตุ ด้วยผลแล้ว เห็นว่าพระราชดำรัสดังกล่าวทรงคุณค่าอย่างยิ่งที่จะทำให้ประเทศไทยของเรามีเอกภาพ เพราะประเทศไทยเป็นรัฐเดี่ยว มิใช่สาธารณรัฐ หรือมลรัฐ
นอกจากนี้ เมื่อดูรายละเอียดของร่างพ.ร.บ. การบริหารจังหวัดปกครองตนเองของ กปปส. แล้ว ในบทเฉพาะกาลมาตรา 134 ได้บัญญัติให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯ ดำรงตำแหน่งอยู่ต่อไปจนกว่าจะครบวาระ ซึ่งก็หมายความว่า เมื่ออยู่ครบวาระแล้ว ก็สิ้นสภาพไป ผมจึงแปลกใจมากว่า การปฏิรูปของ กปปส. ด้วยการให้มีการเลือกตั้ง ผวจ. ซึ่งนอกจากจะทวนกระแสพระราชดำรัสดังกล่าวข้างต้น ยังคิดจะล้มล้างสถาบันกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานกำเนิดสถาบันกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯ มาตั้งแต่ปี 2435 เป็นเวลาร้อยกว่าปีมาแล้ว และสถาบันดังกล่าวยังเป็นหลักของตำบล หมู่บ้านมาตราบเท่าทุกวันนี้ ผมจึงเห็นว่าแนวคิดปฏิรูปของ กปปส. เป็นไปไม่ได้ เพราะจะไม่ได้รับความร่วมมือหรือเห็นชอบจากประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะจากข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านฯ เฉพาะอย่างยิ่งแนวคิดดังกล่าวเป็นการทวนกระแสพระราชดำรัส ซึ่งเป็นการพลาดครั้งสำคัญอีกครั้งของ กปปส. นอกเหนือจากความคิดตั้งตนเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งทำให้กปปส. เสียศูนย์มาครั้งหนึ่งแล้ว