2 ต.ค.58 นายจักรพงษ์ แสงมณี อดีตกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษาหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากข้อมูลการส่งออกเดือน ส.ค.ปรากฏว่า เป็นการลดลงต่อเนื่อง 8 เดือนติดต่อกัน หากพิจารณาเฉพาะสินค้าส่งออกที่ไม่รวมทองคำ พบว่า การส่งออกในเดือน ส.ค.ติดลบถึงร้อยละ 9.5 โดยมีกลุ่มสินค้าส่งออกที่หดตัวมากคือ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และสินค้าเกษตร ทั้งนี้ การที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม และอดีตเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ออกมาเตือนว่าภาวะเศรษฐกิจน่าเป็นห่วง และหากการส่งออกยังติดลบต่อเนื่องไปอีกในปีหน้า ประเทศจะเข้าสู่วิกฤตนั้น ย่อมเป็นที่เข้าใจได้
"ผมรู้สึกเห็นใจ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ต้องพยายามให้ความหวังว่าเศรษฐกิจยังไม่วิกฤต และจะไม่วิกฤต เพื่อผู้คนทั่วไปจะได้มีกำลังใจ แต่ถ้าหากท่านจะไม่หลอกตัวเองไปด้วย และหมั่นถามไถ่ชาวบ้านร้านตลาด โดยไม่เพียงแต่สนทนาอยู่กับเจ้าสัวใหญ่ๆ ท่านจะทราบว่า ภาวะเศรษฐกิจปากท้องทั่วไปในปัจจุบัน ถือว่าอยู่ในภาวะพิเศษแล้ว และท่านก็มีเวลาในการทำงานไม่มาก และต้องถูกวิธีเท่านั้น ภาวะเศรษฐกิจจึงจะไม่เป็นอย่างที่นายอาคมแสดงอาการเป็นห่วง มาตรการอัดฉีดเงินทุนหมุนเวียนต้นทุนต่ำแก่ภาคการผลิตของผู้ประกอบการขนาดย่อมของท่าน ในขณะที่ยังไม่มีคำตอบว่ากำลังซื้อจะมาจากไหน ทั้งจากภายนอกคือการส่งออก และจากภายในคือกำลังซื้อของผู้คนในประเทศ น่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นความพยายามขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ไม่ครบวงจร และจะทำให้เวลา 3 เดือน ที่หัวหน้ารัฐบาลกำหนดเป็นเส้นตายไว้ให้ท่านแสดงผลงาน หมดลงไปอย่างเปล่าประโยชน์ ถ้าท่านไม่อยากจะฟังผม ก็น่าจะฟังรุ่นพี่ของท่านคือ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่ห่วงใยและเตือนไว้ตั้งแต่วันแรกๆ ที่ท่านมาแตะมือรับหน้าที่ต่อว่า ผู้ประกอบการในขณะนี้เขาไม่ได้ต้องการเงินทุนหมุนเวียน แต่เขาต้องการใบสั่งซื้อสินค้า" นายจักรพงษ์ กล่าว
นายจักรพงษ์ กล่าวอีกว่า อยากวิงวอนให้ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลปัจจุบันเปิดใจรับฟังให้มากๆ โดยไม่ด่วนกล่าวหาใครต่อใครว่าจะมาสะเออะแนะนำทำไม และเร่งแก้ไขภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่อย่างเร่งด่วนเพื่อคลายทุกข์ของประชาชน ก่อนที่จะสายเกินไป เพราะถ้าทำได้เป็นผลสำเร็จอย่างรวดเร็ว เราอาจจะรอดจากภาวะวิกฤติที่มาจ่ออยู่หน้าประตูบ้านแล้วก็ได้ อย่างไรก็ตาม ตนขอไม่พูดถึงประเด็นความยากของการบริหารเศรษฐกิจในภาวะไร้ประชาธิปไตย เพราะประเด็นนี้ท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจมานานพอสมควรแล้ว มิฉะนั้นคงไม่รับเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจให้รัฐบาลมาตั้งแต่แรก และก็ปรากฏชัดว่ารัฐบาลไม่พอใจที่จะฟังเรื่องนี้ ตนขอเสนอให้ท่านมีความหวังในสมมุติฐานเอาว่า ภาวะการเมืองแบบนี้ยังมีประชาคมเศรษฐกิจและธุรกิจเขาให้การยอมรับอยู่ และมุ่งสำรวจดูว่าสิ่งที่จะควบคุมได้โดยรัฐบาลเองนั้น ทำงานกันเต็มที่ทุกเรื่องแล้วหรือยัง ทั้งนี้ ตนเห็นว่าต้องไม่ละเลย 3 เรื่องที่สำคัญ คือ
1.ดูแลรายได้ของภาคเกษตร โดยใส่ใจกับราคาสินค้าเกษตรในพืชหลักได้แก่ ข้าว ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ถ้าท่านกลัววิธีการรับจำนำท่านก็ควรใช้วิธีการใดก็ได้ที่ท่านเชื่อว่าจะเป็นผล โดยไม่ต้องไปหวั่นเกรงว่าจะมีรัฐบาลใจสกปรกในอนาคตมาฟ้องร้องเอาผิดกับท่าน เพราะนอกจากท่านจะเป็นรัฐาธิปัตย์แล้ว ท่านก็ยังไม่เป็นประชานิยมด้วย เพราะท่านใช้คำว่าประชารัฐแทนอยู่แล้ว
2.การติดตามประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณทั้งงบฯ ประจำ และงบฯลงทุน ไม่ให้ล่าช้าเหมือนกับทีมบริหารเศรษฐกิจชุดก่อน และ 3.ประสานงานกับฝ่ายนโยบายการเงินอย่างใกล้ชิด ให้อัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนเอื้ออำนวยกับศักยภาพในการส่งออก ความสนใจลงทุน และการดึงดูดการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยพิจารณาเปรียบเทียบอัตราแลกเปลี่ยนกับประเทศคู่แข่ง และคู่ค้าอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่พิจารณาแต่เพียงอัตราแลกเปลี่ยนที่เทียบกับสกุลเงินของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
"หากทำได้ทั้ง 3 เรื่องหลักดังกล่าว มาตรการทางเศรษฐกิจจึงจะครบวงจร และน่าจะประคองเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไปได้ แม้ความอยู่รอดของทีมเศรษฐกิจอาจไม่เป็นที่พอใจของคนรักประชาธิปไตย แต่ถ้าท่านอยู่รอด คงหมายถึงเศรษฐกิจไทยก็รอดด้วย โปรดเอาใจใส่ ในขณะที่เราเอาใจช่วยก่อนที่จะสายเกินไป แต่ถ้าทำงานหนักจนครบถ้วน ครบวงจรแล้ว แต่ยังไม่เป็นผลสำเร็จก็ไม่ใช่ความผิดท่านหรอก ความไม่เป็นประชาธิปไตยคืออุปสรรคของความมั่นใจ และความมั่นใจคือเงื่อนไขของภาวะเศรษฐกิจที่ดี" นายจักรพงษ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี