16 ก.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลอาญา ถ.รัชดาว่า ศาลฎีกาออกนั่งบัลลังก์ นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 โจทก์, นายกระมล ทองธรรมชาติ โจทก์ร่วมที่ 1, นายผัน จันทรปาน ที่ 2, นายศักดิ์ เตชาชาญ ที่ 3, นายปรีชา เฉลิมวณิชย์ ที่ 4, นายอนันต์ เกตุวงศ์ที่ 5, นายสุจินดา ยงสุนทร ที่ 6, และนายจุมพล ณ สงขลา ที่ 7 ยื่นฟ้อง น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ คอลัมน์นิสต์หนังสือพิมพ์แนวหน้า จำเลยที่ 1, นายจีระพงศ์ เต็มเปี่ยม บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.แนวหน้าที่ 2, บริษัทหนังสือพิมพ์แนวหน้า จำกัด ที่ 3, นางผาณิต พูนศิริวงศ์ ที่ 4 และ นายวารินทร์ พูนศิริวงศ์ ที่ 5 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท ในความผิดร่วมกันฐานหมิ่นประมาทผู้อื่น โดยการโฆษณาด้วยเอกสาร, ร่วมกันดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา ในการพิจารณาพิพากษาคดี
โดยข้อหาว่าหมิ่นประมาทผู้พิพากษานั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 5 ในคดีดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า การนำข้อความดังกล่าวเผยแพร่และวิพากษ์วิจารณ์นั้นส่วนใหญ่เป็นข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่า จึงถือว่าเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ไม่เข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทตามมาตรา 328และมาตรา329 และไม่ผิด พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 ด้วย
ในส่วนคดีหมิ่นประมาทศาลรัฐธรรมนูญนั้น ศาลฎีกาพิพากษาให้รอกำหนดบทลงโทษไว้ 1 ปี
สำหรับ การรอกำหนดโทษนั้น หมายความว่าศาลพิพากษาว่ามีความผิดแต่ยังไม่กำหนดว่าจะลงโทษเท่าไรถ้าทำผิดอีก (ภายในเวลาที่ศาลกำหนด แต่ไม่เกินห้าปี) ก็จะกำหนดโทษ แล้วรวมไปกับโทษใหม่ ซึ่งจะแตกต่างจากคำพิพากษา รอลงอาญา ซึ่งหมายความว่า ศาลกำหนดแล้วว่าให้จำคุกกี่ปี (ไม่เกินสามปี) แต่รอการลงโทษไว้ก่อน ถ้าทำผิดอีก (ภายในเวลาที่ศาลกำหนด แต่ไม่เกินห้าปี) ศาลก็จะนำโทษที่เคยกำหนดไว้ในคราวก่อน บวกเข้าไปกับโทษใหม่
คดีดังกล่าว สืบเนื่องจาก มีการลงโฆษณาพิมพ์บทความ "คำวินิจฉัยไร้จิตสำนัก" ใน นสพ.แนวหน้า ฉบับลงวันที่ 28 ส.ค.44 หน้า 3 คอลัมน์ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ซึ่งบทความดังกล่าวจำเลยที่ 1 อ้างว่า เป็นความเห็นของอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเรียกชื่อคดีดังกล่าวว่า คดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งตุลาการเสียงข้างมาก 8 ต่อ 7 ให้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีความผิด
โดยข้อความระบุว่า "พวกเราในฐานะอาจารย์ มธ.กลุ่มหนึ่ง รู้สึกเศร้าใจ ผิดหวังสะเทือนใจอย่างมากที่พวกคุณพิจารณาวินิจฉัยคดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรไว้อย่างวิปริต ไร้จิตสำนึก ไร้จริยธรรม มีอคติ..." และข้อความ " พวกเรา งง และสมเพชพวกคุณ ทั้ง 8 คนจริง ๆ ว่า คุณโง่หรือแกล้งทำเป็นโง่" และถ้อยคำว่า "ทำไมพวกคุณพร้อมใจกันโง่ ในการพิจารณาคดีนี้ มีอะไรมายัดปากพวกคุณใช่ไหม..."
และข้อความ " บางคนเคยรับราชการเป็นผู้พิพากษา ก่อนตัดสินคดีนี้ ได้เคยไปพูดคุยกับผู้พิพากษาศาลฎีกาท่านหนึ่ง ที่ศาลฎีกา โดยยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินอย่างเห็นได้ชัด แต่อยากจะหาทางออกเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ..." และ " พวกคุณรู้สึกหรือเปล่าว่า นักวิชาการและนักกฎหมายที่มีคุณธรรม ตลอดจนสถาบันการศึกษาหลายแห่ง เขารังเกียจพวกคุณ ขยะแขยงพวกคุณอย่างมาก โดยเฉพาะศาลฎีกา ที่ประกาศไว้ว่า เขาจะไม่ยอมคบค้าพูดจากับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มาจากศาลฎีกาอีกต่อไป..."
รายงานเบื้องต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี