"ปชป.-พท." อัดยับรัฐธรรมนูญปราบโกงได้ไม่จริง "มาร์ค"ชี้แค่คำโฆษณาตีปี๊บช่วงประชามติ ด้าน"พงศ์เทพ" ท่องคาถาการไม่เป็นประชาธิปไตยทำให้เกิดทุจริตได้ง่าย ขณะที่"บรรเจิด" จี้เร่งสร้างจิตสำนึกสังคมร่วมต้านโกง
16 พ.ค. 61 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น คณะกรรมาธิการการเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ร่วมกับสมาคมรัฐศาสนศาสตร์ นิด้า จัดอภิปรายในหัวข้อ “รัฐธรรมนูญปราบโกง จะสัมฤทธิ์ผลได้จริงหรือไม่” โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนายบรรเจิด สิงคะเนติ อดีตคณะบดีคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริการศาสตร์ (นิด้า) ร่วมอภิปราย
โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ตั้งฉายาว่า เป็นฉบับปราบโกง ซึ่งต้องชื่นชมว่า เป็นการตลาดที่ดี แก่ผู้ยกร่างนำประเด็นที่จับอารมณ์สังคมผ่านประชามติ ที่พบว่า ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาใหญ่ เพราะวิกฤติการเมืองตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ก็เกิดจากการใช้อำนาจมิชอบเธอเป็นสาเหตุหลักของความขัดแย้ง แม้ในการลงประชามติรัฐธรรมรูญ ตนจะไม่ให้ความเห็นชอบ เนื่องจากบทบัญญัติในการปราบปรามการทุจริตที่อาจไม่สัมฤทธิ์ผลเหมือนที่โฆษณาไว้ หากเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญฉบับเก่า ก็มีบางเรื่องที่ถดถอยบางเรื่องก็เป็นประโยชน์ เช่น กรณีการไม่นับอายุความในคดีที่นักการเมืองทุจริตแล้วหลบหนีคดี แต่การตรวจสอบการทำงานของ ป.ป.ช.ก็สามารถทำได้ยากยิ่งขึ้น เพราะใครจะส่งเรื่องร้องยังต้องอาศัยยื่นผ่านประธานรัฐสภาเป็นตัวกลางในการส่งเรื่องให้ตรวจสอบ
ซึ่งประธานสภาก็มาจากรัฐบาล ถามว่า หากเกิดการทุจริตในรัฐบาลประชาชนจะสามารถตรวจสอบการบริหารได้หรือ ถ้าประธานสภาบอกว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีน้ำหนัก ส่วนกรณีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินตามกฏหมายที่ระบุให้เปิดเผยโดยสรุปได้ ไม่ลงรายบะเอียด ก็ทำให้การตรวจสอบภาคประชาชนทำได้ยากยิ่งขึ้น และไม่ทราบว่า จะสรุปอย่างไร ดังนั้นคนที่สำคัญนอกเหนือกฎหมายคือ ผู้ปฏิบัติและประชาชน ทั้งนี้ทุกรัฐบาลมุ่งมั่นในการปราบการทุจริต แต่บางรัฐบาลปราบเฉพาะแต่ฝ่ายตรงข้าม และแม้จะไม่ผิดแต่ก็ยังยัดเยียดข้อหาให้ด้วย
ขณะที่นายพงศ์เทพ กล่าวว่า การไม่เป็นประชาธิปไตย ทำให้การทุจริตเกิดขึ้นได้ง่าย พร้อมยกคำพูดของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่เคยพูดว่า “ลงเรือแป๊ะต้องตามใจแป๊ะ” เช่นนี้แล้วจะปราบโกงได้เช่นไร ซึ่งมองว่า อนาคตการปราบโกงที่แท้จริงทำได้ยาก เพราะในอนาคตอันใกล้จะเป็นสังคมไร้เงินสด จะยิ่งตรวจสอบการทุจริตภาครัฐได้ยากยิ่งขึ้น จะมีคนของรัฐบาลชุดนี้เข้ามาจัดการในแทบทุกเรื่อง เช่น มีองค์กรเดียวที่ซื้อเรือเหาะ รถถัง ไม้ชี้ผี ที่แพงเกินจริง ใช้งานไม่ได้ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย กับคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนตัวยังเห็นด้วยกับนาย อภิสิทธิ์ ตามที่ระบุว่ารัฐธรรมนูญอาจปราบโกงไม่ได้จริง เพราะมีการยกเลิกกระบวนการถอดถอนออกไป ทั้งยังเพิ่มอำนาจให้ป.ป.ช. ในการตรวจสอบชี้มูลได้มากขึ้น
ด้านนายบรรเจิด กล่าวว่า โดยลำพังรัฐธรรมนูญปราบโกงเองไม่ได้ เพราะแค่วางโครงสร้างและกลไกเท่านั้น ถ้าดูภาพรวมแล้วรัฐธรรมนูญโฟกัสไปให้น้ำหนักในการปราบปราม มากกว่าการสร้างเสริมค่านิยมของประชาชน ซึ่งรัฐธรรมนูญนี้ไม่มีความพยายามให้นักการเมือง และประชาชนมีส่วนร่วม แต่ไปเน้นที่องค์กรอิสระ ประเด็นใหญ่คือ การสร้างจิตสำนึกร่วมในการปราบโกงของประชาชนคนไทย ซึ่งใช้ได้ผลในต่างประเทศ คือการมีสำนึกร่วมกันในเรื่องภาษี หากประชาชนมีจิตสำนึกร่วม จะสามารถมีพลังขับเคลื่อนในการตรวจสอบ แต่สำนึกร่วมของไทยมีแค่บางสถานการณ์เท่านั้น ส่วนมาตรการในการปราบปรามการทุจริต แนะนำว่า ทำอย่างไรให้การโกงมีความเสี่ยงสูง เพระาจะไม่มีใครกล้าโกง
"กระบวนการในการปราบปรามมีลักษณะกลับหัวกลับหาง โดยจะใช้เครื่องมือทางอาญามาเป็นขั้นตอนแรก ทำให้ผู้ที่กระทำการทุจริตมีความเสี่ยงต่ำ จึงควรวางกลไกทางอาญาให้มีประสิทธิภาพและตรวจสอบได้เร็ว เข่น ต้องตรวจสอบใน 30 วัน ควรพัฒนาเป็นกฎหมาย ควรนำมาตรการทางแพ่ง โดยใช้ พ.ร.บ.ความรับผิดละเมิดร่วมด้วย รวมถึงใช้กระบวนการอาญาเป็นขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งประสิทธิภาพในการลงโทษ ส่วนการป้องการทุจริต เรื่องหลักธรรมาภิบาลเป็นกลไกสำคัญเปิดเรื่องรับฟังความเห็นปลายทาง หน่วยปราบปรามต้องวิเคราะห์อย่างไร เพราะการโกงเป็นพลวัตร ต้องเน้นทำให้กลไกภาคประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น" อดีตคณะบดีคณะนิติศาสตร์ นิด้า กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี