จับคนที่9ซุกเมืองคอน
แก๊งโกงเงินวัด
บี้สอบฟันฟอกเงินเพิ่ม
เร่งตามล่าอีก2ตัวการสำคัญ
‘ฐิติราช’ลั่นโยงถึงใครไม่เว้น
8ขรก.พศ.จ่ออุทธรณ์รอบสอง
ทนายชี้พิรุธจับกุมใช้ต่อสู้คดี
ตำรวจกองปราบฯรวบ “เจษฎา” เอี่ยวแก๊งโกงเงินทอน หิ้วจากเมืองคอนเค้นสอบกองปราบฯ พฤติการณ์ตีสนิทพระผู้ใหญ่-รับเหมาก่อสร้างในวัด ยักยอกงบ ตำรวจจ่อเอาผิดฟอกเงินอีกข้อหา เร่งล่าอีก 2 กบดานต่างประเทศ ด้าน ผบช.ก.ลั่นยึดพยานหลักฐานสาวถึงใครเป็นพระก็ไม่เว้น ด้านทนาย 8 ข้าราชการ พศ.ผู้ต้องหาเงินทอนวัดเผยเล็งยื่นอุทธรณ์รอบ 2 จันทร์ที่ 6 สิงหาคม ลูกความยันบริสุทธิ์ ไม่หนี ไม่ยุ่งพยาน ย้ำการจับกุมมีพิรุธ เร่งหาหลักฐานใช้สู้คดี พร้อมฟ้องกลับ “พงศ์พร” ผอ.พศ.
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป.นำกำลัง เข้าจับกุมนายเจษฎา วงศ์เมฆ อายุ 38 ปี อาชีพรับเหมาก่อสร้าง และเจ้าของร้าน “เจ.เอ.ซีซีทีวี” ตั้งอยู่เลขที่ 253/2 ถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิค กล้องวงจรปิด กล้องติดรถยนต์ เครื่องใช้สำนักงานและเครื่องกรองน้ำ ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ 102/2561 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2561 ความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือโดยทุจริต และสนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต จับกุมได้ที่ร้านดังกล่าว
จับแล้ว“เจษฎา”แก๊งโกงวัด
จากการสอบปากคำนายเจษฎา ยังให้การปฏิเสธ ตรวจสอบประวัติ พบเป็นผู้กว้างขวางและเป็นเซียนพระในจ.นครศรีธรรมราช เคยเปิดแผงพระย่าน ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมืองนครศรีธรรมราช และยังเคยเป็นนักจัดรายการวิทยุท้องถิ่นรู้จักในชื่อ “ลุงทองส่องพระ” มักไปวัดต่างๆ และตีสนิทกับพระผู้ใหญ่ เพื่อใช้อ้างตัวดำเนินการ พร้อมกับมีพฤติการณ์รับเหมาก่อสร้างศาสนสถานในวัดแห่งหนึ่งทางภาคใต้ ซึ่งมีงบหลายล้านบาท โดยนายเจษฎาจะอ้างตนว่าเป็นตัวกลางระหว่างผู้ใหญ่ใน พศ. และวัดต่างๆคอยเสนอโครงการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างในวัด เมื่อได้เงินมาก็จะทุจริตเงินไว้ส่วนหนึ่ง
จ่อเอาผิด“ฟอกเงิน”อีกข้อหา
อีกทั้ง ยังพบว่า นายเจษฎารู้จักกับผู้ใหญ่ในพศ.จริง และอาจมีการนำเงินส่วนแบ่งไปให้ผู้ที่ติดต่อด้วยในพศ. จึงเข้าข่ายการฟอกเงิน เบื้องต้นบก.ปปป.แจ้งข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดฯ โดยจะมีการแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการฟอกเงินต่อไป หากรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จแล้ว
“ฐิติราช”จี้คดีลั่นโยงถึงใครไม่เว้น
ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.เดินทางมายังบก.ป. เพื่อร่วมประชุมคณะทำงานติดตามความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีในความรับผิดชอบของ บช.ก. โดยพล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า สำหรับคดีเงินทอนวัด ตนกำชับให้คณะทำงานในส่วน บก.ปปป.และ บก.ป.เร่งดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ มอบให้ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี ส่วนการจับกุมนายเจษฎา วันนี้ เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานชัดเจนจึงขออำนาจศาลออกหมายและจับกุมตัวมาดำเนินคดี ส่วนรายละเอียดว่าเกี่ยวข้องประเด็นไหน อย่างไร ขอไม่เปิดเผย รวมทั้งการดำเนินการหลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็นการขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่ม ซึ่งคณะทำงานจะพิจารณาไปตามพยานหลักฐานที่พบ หากเชื่อมโยงถึงผู้ใดไม่ว่าเป็นพระหรือไม่ จะดำเนินคดีทั้งหมด
“คดีที่เกิดขึ้นและผู้ต้องหาที่จับกุมตัวได้แล้ว เราจะทำให้เป็นแบบอย่างว่าเจ้าหน้าที่รัฐ หรือผู้ที่คิดทุจริต ไม่ว่าสังกัดกระทรวง ทบวง กรมไหน ต้องตระหนัก และจัดการปัญหาเหล่านี้ คดีนี้จะเป็นกรณีศึกษา สิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรต้องถูกจัดการ”พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าว
เร่งล่าที่เหลืออีก2กบดานตปท.
สำหรับการจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้สืบสวนสอบสวนคดีทุจริตงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) หรือคดีเงินทอนวัด และร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปราม ( บก.ป.).ติดตามจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ โดยขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเป็นลอตที่ 3 จากนั้นเข้าจับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่และบุคคลที่เกี่ยวข้องไปแล้ว กระทั่งวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ 8 จาก 11 ราย ได้แก่ 1.นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. 2.นายแก้ว ชิดตะขบ ผอ.พศ.จ.อ่างทอง 3.นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี อดีต พศ.จ.นครปฐม 4.นายบุญเลิศ โสภา ผอ.พศ.จ. ลำปาง 5.นายชยพล พงษ์สีดา อดีต รอง ผอ.พศ. 6.นางพรเพ็ญ กิติธรางกูร ผอ.กลุ่มระบบพัฒนาระบบบริหาร พศ. 7.นายณรงค์เดช ชัยเนตร ผอ.พศ.จ.สิงห์บุรี และ 8.นายวสวัสดิ์ กิตติธีระสิทธิ์ ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัด พศ. ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด คุมตัวฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตฯ ไปแล้ว
ดังนั้น ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัด ลอตที่ 3 คงเหลือเพียงน.ส.ประนอม คงพิกุล อดีตรอง ผอ.พศ.ที่หลบหนีออกนอกประเทศ และนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ.ผู้ต้องหารายสำคัญ ตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังคดีทั้งหมด ซึ่งหลบหนีอยู่ในสหรัฐฯ
บิ๊กพศ.เล็งยื่นอุทธรณ์รอบ2จันทร์หน้า
วันเดียวกัน นายณพล ใบเงิน ทนายความของข้าราชการ พศ. ผู้ต้องหาทุจริตเงินทอนวัด เปิดเผยว่า ตนเป็นทนายความของนายพนม ศรศิลป์ ,นายชยพล พงษ์สีดา , นายแก้ว ชิดตะขบ , นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตจรี ,นายสวัสดิ์ กิตติธีระสิทธิ์ และนางพรเพ็ญ กิติธรางกูร ซึ่งวันนี้ได้เข้าเยี่ยมลูกความ ทุกคนมีสีหน้าปกติติ และยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ว่าปฏิบัติตามหน้าที่ในการอนุมัติงบประมาณให้วัด โดยจะขอยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลที่คัดค้านการประกันตัววันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม ที่ศาลาอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ว่าผู้ต้องหาทั้งหมดไม่มีพฤติการณ์หลบหนี หรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ยันไม่หนีไม่ยุ่งหลักฐาน
นายณพลกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา บก.ปปป.ได้ขอข้อมูลและพยานหลักฐานจาก พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมเสน่ห์ ผู้อำนวยการ พศ.ไปหมดแล้ว รวมถึงปปป.และกองปราบเข้าค้นบ้านนายพนมและพวก เก็บพยานหลักฐานสำคัญที่คาดว่าเชื่อมโยงกับดดีไปหลายครั้ง ไม่มีพยานหลักฐานเหลือให้ทำลายอีกแล้ว ขณะเดียวกัน นายพนม ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ใน พศ. แต่ออกมาเป็นผู้ตรวจราชการพิเศษ สำนักนายกรัฐมนตรี จึงไม่สามรถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยาน หลักฐานได้ เช่นเดียวกับผู้ต้องหารายอื่นไปให้ปากคำกับ ปปป.หลายครั้ง ถ้าหลบหนี คงหนีนานแล้วและบุคคลเหล่านี้ ไม่เคยต้องคดีมาก่อน เนื่องจากเป็นข้าราชการจึงเชื่อมั่นว่า ไม่มีพฤติการณ์หลบหนีและเข้าไปยุ่งกับพยานหลักฐานจึงจะใช้เป็นแนวทางในการต่อสู้คดี
ชี้จับกุมมีพิรุธใช้เป็นหลักฐานสู้คดี
นอกจากนี้ ทีมทนาย 8 ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัด ยังพบข้อพิรุธบางประการ ของการจับกุมครั้งนี้คือการอนุมัติงบประมาณสนับสนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรมที่อยู่ในเอกสารการอนุมัติในรอบนี้ มีทั้งหมด 8วัด ประกอบด้วย วัดสัมพันธวงศาราม วัดสามพระยา วัดพิชยญาติการาม วัดเทพศิรินทราวาส วัดสุทัศนเทพวราราม วัดเทวราชกุญชร วัดบวรนิเวศวิหารและวัดอรุณราชวราราม แต่ถูกดำเนินคดีเพียง 2 วัดคือ วัดสัมพันธวงศ์ และวัดสามพระยา เป็นการอนุมัติงบในสมัยนายนพรัตน์ เป็นผอ.พศ. และนายพนม ศรศิลป์ เป็นรองผอ.พศ. โดยมีนายบุญเลิศ โสภา ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา ทำเรื่องเสนอ โดยทีมทนาย กำลังนำสืบเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มในการต่อสู้คดี ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งหมดเข้าใจ แต่ยังยืนยันความบริสุทธิ์ เชื่อว่าอาจถูกกลั่นแกล้ง หลังจากนี้อาจฟ้องกลับผู้เกี่ยวข้องกับคดี รวมถึงพ.ต.ท.พงศ์พรด้วย แต่ต้องทำคดีหลักให้แล้วเสร็จก่อนคือการต่อสู้คดีของข้าราชการ พศ.
นายณพลกล่าวด้วยว่า ระหว่างเข้าเยี่ยมนายพนมพร้อมผู้ต้องหารายอื่น มีโอกาสเจออดีตพระพรหมสิทธิ อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศที่ เดินผ่าน แต่ไม่ได้พูดคุย แต่สีหน้ายิ้มแย้ม ร่างกายยังปกติไม่ซูบผอม คาดว่าน่าจะปรับตัวได้แล้ว รวมทั้ง สวมชุดขาว คล้ายกับชุดปฏิบัติธรรม
งบปี62รื้อระบบจ่ายเงินอุดหนุนวัด
ด้านนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความคืบหน้าของคดีเงินทอนวัดว่า เป็นเรื่องของตำรวจที่จะนำตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี และเชื่อว่าการสืบสวนสอบสวนของตำรวจน่าจะมีข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็นระยะ เรื่องนี้ต้องให้ตำรวจมีอิสระดำเนินการไปตามกฎหมายและพยานหลักฐานที่มีอยู่ เชื่อว่าตำรวจจะทำเต็มความสามารถ ให้เรื่องนี้ชัดเจน ต่อไปการใช้จ่ายงบประมาณจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประโยชน์จะตกอยู่ที่วัดจริงๆ โดยปีงบประมาณ 2562 ที่กำลังพิจารณาอยู่ในสภาฯ เรื่องงบประมาณอุดหนุนวัด มีการเปลี่ยนแปลงระบบใหม่ในคำของบประมาณ ให้ระบุชื่อวัด ดังนั้น ปี 2562 การอุดหนุนจะเป็นไปตามรายชื่อวัดที่สำนักงบประมาณอนุมัติให้ ถ้าจะเปลี่ยนชื่อวัดก็มีหลักเกณฑ์พิจารณาอย่างเข้มงวด เชื่อว่าด้วยระบบนี้จะทำให้การใช้จ่ายเงินอุดหนุนวัดรัดกุม รอบคอบและโปร่งใสขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี