19 ส.ค.61 เพจเฟซบุ๊ก “หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ผลการวินิจฉัยอาการอาพาธขององค์หลวงปู่พุทธะอิสระ ทางตาด้านขวา พบว่าจอประสาทตาแหว่งเป็นหลุมจวนเจียนจะขาดและมีแนวโน้มว่าหลุมจะกว้างมากขึ้น เพื่อหยุดยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจอประสาทตาจึงแนะนำให้รักษาโดยการผ่าตัดจอประสาทตาข้างขวา แต่ต้องใช้เวลาพักฟื้น 1 เดือน ซึ่งต้องอยู่ในอิริยาบท นอนคว่ำหน้าสลับนอนตะแคงเท่านั้นเป็นเวลา 1 เดือน
ส่วนเรื่องกระดูกสันหลังที่หลวงปู่มีอาการอาพาธมาเป็นเวลายาวนาน บัดนี้มีอาการกำเริบปวดทั้งวันทั้งคืน ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูก นำหลวงปู่ตรวจด้วยเครื่อง MRI พบว่ามีกระดูกสันหลังข้อที่ 2 และ 3 ทับเส้นประสาท ซึ่งแพทย์ใหญ่ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกแนะนำว่า การผ่าตัดน่าจะเป็นทางเลือกสุดท้าย เนื่องจากหลังผ่าตัดอาจมีผลกระทบต่อกระดูกสันหลังจะไม่สามารถกลับคืนมาเป็นปกติได้ดังเดิม แม้จะลดอาการเจ็บปวดลงได้ก็ตาม จึงแนะนำให้ทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่องจนกว่าอาการเจ็บปวดจะบรรเทาและเพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงเพื่อช่วยพยุงน้ำหนักในการกดทับข้อกระดูกไม่ให้ไปบีบเส้นประสาท ซึ่งเป็นสาเหตุของการเจ็บปวด
จึงเรียนมายังศิษยานุศิษย์ขององค์หลวงปู่ให้ทราบโดยทั่วกัน เพื่อผ่อนคลายความกังวล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ อายุ 59 ปี หรืออดีตพระพุทธอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครแล้ว หลังจากทางทนายได้ยื่นหลักทรัพย์ จำนวน 2 แสนบาทให้ศาลพิจารณาให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ในคดีทำร้ายร่างกาย และหน่วงเหนี่ยวกักขังเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ขณะที่เมื่อวันที่ 16 ส.ค.อดีตพระพุทธะอิสระไม่ไปศาลเพื่อสอบปากคำคดีทำร้ายตำรวจสันติบาล โดยอ้างว่าป่วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี