2 ก.ย.61 ที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ชมรมเภสัชกรภาคใต้ และ 8 เครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรม จำนวนกว่า 200 คน ได้พร้อมใจกันออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ยา พ.ศ. .... (ฉบับเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2561 : ฉบับ ลับ ลวง พราง) พร้อมออกแถลงการณ์คัดค้าน ขณะที่ก่อนหน้านั้นเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรม ภาคเหนือ ร่วมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ยา ฉบับดังกล่าวด้วยเช่นกัน
โดย ภญ.สุจิตา กุลถวายพร ประธานชมรมเภสัชกรภาคใต้ อ่านแถลงการณ์ว่า เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.ยา พ.ศ. .... มีข้อบกพร่องร้ายแรงขัดกับหลักการของร่างกฎหมาย ได้แก่ การขาดหลักความเป็นสากลโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดประเภทยา ขาดหลักการคุ้มครองผู้บริโภคในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ ได้แก่ การยกเว้นให้ผู้ไม่เชี่ยวชาญ ผลิต แบ่งบรรจุ และจ่ายยา โดยไม่ต้องขออนุญาต
การไม่ทบทวนทะเบียนตำรับยา ขาดหลักความยุติธรรมจากบทลงโทษผู้รับอนุญาตสูงกว่าผู้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตในลักษณะความผิดเดียวกัน ขาดหลักการตรวจสอบความผิดพลาดจากการใช้ยาระหว่างวิชาชีพ มุ่งเน้นการจัดการเบ็ดเสร็จในตัวเอง โดยคำนึงถึงเพียงประนีประนอมผลประโยชน์ระหว่างวิชาชีพ ไม่คำนึงว่าจะทำลายระบบยาและเพิ่มความไม่ปลอดภัยในการใช้ยาของประชาชนอย่างร้ายแรงที่สุด
ดังนั้น ชมรมเภสัชกรภาคใต้และ 8 เครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรม ร่วมกับสโมสรนักศึกษา 2 สถาบัน ได้เรียกร้องต่อเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ให้ถอนร่าง พ.ร.บ.ยา พ.ศ. .... (ฉบับเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2561 : ฉบับ ลับ ลวง พราง) ออก ไม่เสนอต่อรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ภายใน 15 วัน
ภญ.สุจิตา กล่าวว่า กรณีจำเป็นอย่างยิ่งยวดต้องเสนอโดยไม่สามารถชักช้าได้ ให้นำร่าง พ.ร.บ.ยา พ.ศ. .... ที่ผ่านการพิจารณา เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งเป็นฉบับที่มี นพ.มงคล ณ สงขลา เป็นประธานการยกร่างร่วมกับองค์กรสหวิชาชีพต่างๆ เสร็จสิ้น และได้เสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว แต่ อย.ได้เก็บดองไว้ ซึ่งเป็นร่างได้รับการปรับปรุงพัฒนาให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองและปลอดภัยจากการใช้ยา มาเป็นร่างหลักเสนอแทน
"หากไม่มีการตอบสนองอย่างเป็นรูปธรรมใดๆ จาก อย. เครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรมทั้ง 9 องค์กรในภาคใต้ และสโมสรนักศึกษาจะยกระดับการแสดงจุดยืนร่วมกับเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรมทุกภาคของประเทศไทยเพื่อคัดค้านอย่างถึงที่สุด"
ด้าน ภญ.วิไลวรรณ สาครินทร์ ตัวแทนชมรมเภสัชสาธารณสุขจังหวัดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า หากไม่แก้ไขร่าง พ.ร.บ.ยา ให้ทุกวิชาชีพสามารถจ่ายยาได้ จะทำให้วิชาชีพพยาบาลไม่สามารถจ่ายยาใน รพ.สต.ได้นั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะภายใต้ พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 และกฎหมายอื่นๆ นั้น ทุกวิชาชีพในสถานพยาบาลของรัฐ ทั้งโรงพยาบาล และ รพ.สต.สามารถจัดยา เตรียมยา และจ่ายยาได้โดยไม่ผิดกฎหมาย
"พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ไม่บังคับใช้ต่อการผลิตและจ่ายยาของกระทรวง ทบวง กรม ที่มีหน้าที่บำบัดรักษาโรคอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันในหน่วยงานของรัฐมีระบบการทำงานเป็นทีมของสหวิชาชีพ และมีการกำกับดูแลอย่างเป็นระบบอยู่แล้ว ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่เหตุอ้างที่จะแก้ พ.ร.บ.ยา ในทางกลับกัน หากเปิดกว้างให้ทุกวิชาชีพจ่ายยาได้ในสถานประกอบการภาคเอกชน จะยิ่งผิดหลักสากลเรื่องความปลอดภัยทางยาและหลักการคุ้มครองผู้บริโภค และส่งผลเสียต่อประชาชนในระยะยาว" ภญ.วิไลวรรณ กล่าว
ขณะที่ ภก.นิมิตร วรกุล คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ขอให้ อย.และ สธ.ซึ่งเป็นเจ้าของร่าง ได้ไตร่ตรองด้วยความรอบคอบ การที่มีการคัดค้านโดยวิชาชีพเภสัชกร และคณะเภสัชศาสตร์ทั่วประเทศอย่างกว้างขวาง ย่อมแสดงว่า ร่างดังกล่าวมีปัญหาจริง มีความไม่ถูกต้องอยู่จริง
"การแก้ไข พ.ร.บ.ยา หากยืนบนหลักการสากลด้านความปลอดภัยทางยาและหลักการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างแน่วแน่แล้ว ทุกคนยินดีสนับสนุน แต่หากไม่ยืนบนสองหลักการนี้ ก็ไม่อาจสนับสนุนได้ ควรต้องถอนร่างที่มีปัญหานี้ออกไปเพื่อนำกลับมาพิจารณาให้รอบคอบ" ภก.นิมิตร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี