โต้ข้อกล่าวหาละเมิดสิทธิฯ
‘บัวแก้ว’เดือด
ส่งทีมแจงยูเอ็น19กย.
ย้ำไทยปฏิบัติตามกม.
ติงสื่อเสนอแต่ข่าวลบ
บัวแก้วเดือดหลังกลุ่มสิทธิมนุษยชนยูเอ็น มั่วเหมาไทยไปรวมกับกลุ่มประเทศที่ละเมิดสิทธิฯ ส่งคณะพร้อมแจงรายละเอียดในที่ประชุมยูเอ็น 19 กันยายน “ไก่อู” ติงสื่อชื่นชอบเสนอแต่ข่าวไม่ดี แต่ข่าวไทยติดอันดับ 1 ประเทศดีที่สุดในโลกกลับไม่เสนอ
กระทรวงการต่างประเทศได้ออกเอกสารข่าวเมื่อวันที่ 15 กันยายน ระบุว่าตามที่สื่อมวลชนได้รายงานสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ซึ่งเป็นข้อมูลที่ปรากฏในรายงานประจำปีของคณะมนตรีด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ นั้นกระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจง ดังนี้
1รายงานนี้จัดทำขึ้นโดยนาย Andrew Gilmore ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อใช้ประกอบในการประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นการจัดทำและนำเสนอรายงานตามกระบวนการของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนฯ ที่มีการจัดทำทุกปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553ตามข้อมติของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนฯ ที่ 12/2 โดยนาย Gilmore ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชน จะเป็นผู้นำเสนอรายงานต่อที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ในวันที่ 19 กันยายน 2561
2. รายงานระบุสถานการณ์ในประเทศต่าง ๆ ในปีนี้ รวม 29 ประเทศ และมีประเทศที่ต้องติดตามจากปีที่แล้วอีก 19 ประเทศ รวมทั้งไทย โดยในส่วนของไทยในปีนี้ ได้แก่ กรณีนายไมตรี จำเริญสุขสกุล และ น.ส. ศิริกาญจน์ เจริญศิริ (ทนายจูน) และมีกรณีติดตามจากรายงานปีที่แล้ว เช่น กรณีฟ้องร้องนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภายใต้
3. กรณีที่กล่าวถึงข้างต้นไม่เกี่ยวข้องกับการให้ความร่วมมือกับกลไกด้านสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด โดยการดำเนินการเป็นไปตามหลักกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
4. ไทยไม่มีนโยบายหรือเจตนาจะคุกคาม ข่มขู่ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญในการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน จึงได้มีการจัดทำมาตรการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยได้พัฒนากระบวนการ กลไก และมาตรการต่าง ๆ เพื่อคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนให้ได้รับความปลอดภัยและสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพในการปฏิบัติงานและการดำรงชีวิตได้ โดยที่ผ่านมา รัฐบาล โดยกระทรวงยุติธรรม ได้มีการดำเนินการหลายประการ อาทิ การแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพัฒนามาตรการในการคุ้มครองนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่เสี่ยงต่อการถูกละเมิด การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อวางกรอบแนวทางในการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน การจัดทำคู่มือสำหรับนักปกป้องสิทธิมนุษยชน การลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์นักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ถูกละเมิด/มีความเสี่ยงต่อการถูกละเมิด และการจัดทำรายงานสถานการณ์การละเมิดสิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนรายงานนายกรัฐมนตรีรายสัปดาห์
นอกจากนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างปรับปรุงพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 และจะบรรจุประเด็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชนเป็นหนึ่งในประเด็นหลักของร่างแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 5 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ใน ปี พ.ศ. 2562 – 2566 รวมทั้ง นายกรัฐมนตรีได้จัดตั้งคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานกรรมการ
5. เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา จะเข้าร่วมรับฟังการนำเสนอรายงานต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนฯ ของผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติ ในวันที่ 19 กันยายน 2561 ที่เจนีวา และใช้โอกาสนี้ชี้แจงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับไทยเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
เอกสารข่าวของกระทรวงต่างประเทศยังสอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ระบุนายกฯได้รับทราบรายงานประจำปีของยูเอ็นที่แจงรายชื่อ 38 ประเทศว่าเป็น “ประเทศที่น่าละอาย” ซึ่งรัฐบาลไทยขอปฎิเสธข้อหาดังกล่าวทุกอย่างปฎิบัติตามกฎหมาย
มีข้อสังเกตด้วยว่า คนบางกลุ่มมักชื่นชอบการแชร์หรือส่งต่อเรื่องที่เสียหาย ราวกับต้องการซ้ำเติมประเทศตัวเอง แต่หลายเรื่องที่เป็นเรื่องดี ๆ เช่น ไทยติดอันดับ 1 ของประเทศที่ดีที่สุดสำหรับผู้คนทั่วโลก ไทยได้รับยกย่องจาก WHO ให้เป็นต้นแบบด้านการจัดการสุขภาพของโลก หรือไทยมีดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชันดีขึ้น ฯลฯ กลับไม่ค่อยถูกขยายผลส่งต่อให้คนในชาติเกิดความภาคภูมิใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี