อุทธรณ์ยกฟ้อง"แทน เทือกสุบรรณ"กับพวก รุกป่าเขาแพง จ.สุราษฎร์ธานี ชี้พยานหลักฐานโจทก์ยังน่าสงสัย
2 ต.ค.61 เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 910 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีรุกป่าเขาแพงหมายเลขดำ อ.3534/56 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายพรชัย ฟ้าทวีพร อายุ 55 ปี ผจก.ห้างหุ้นส่วนเรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น , นายสามารถ หรือ โกเข็ก เรืองศรี อายุ 63 ปี หุ้นส่วน หจก.เรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น และนายหน้าขายที่ดิน , นายแทน เทือกสุบรรณ อายุ 39 ปี บุตรชายของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส.และนายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล อายุ 65 ปี อดีตเลขานุการส่วนตัวของนายสุเทพ เป็นจำเลยที่ 1 - 4 ในความผิดฐานร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง หรือเผาป่าในที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครองหรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 , 108 ทวิ และ พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2518 มาตรา 22
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 27 ก.ย.43 - 5 ต.ค.44 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1 - 2 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ่วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 31 ไร่ 2 งาน 97 ตร.วา
ส่วนจำเลยที่ 3 - 4 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ่วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 14 ไร่ ด้วยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต
เหตุเกิดที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลอาญาพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นว่า พวกจำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาจำคุก นายพงษ์ชัย และนายสามารถ หรือ โกเข็ก จำเลยที่ 1 - 2 คนละ 5 ปี ผิดฐานห้ามมิให้ผู้ใด ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น เว้นแต่จะกระทำภายในเขตที่ได้จำแนกไว้ฯ ซึ่งกระทำนั้นได้ทำเกินเนื้อที่ 25 ไร่ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ มาตรา 54 วรรคหนึ่ง , 72 ตรี วรรคสอง
ส่วน นายแทน และนายบรรเจิด จำเลยที่ 3 - 4 จำคุกคนละ 3 ปี ฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่นสร้าง และผู้ใด ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น เว้นแต่จะกระทำภายในเขตที่ได้จำแนกไว้ฯ อันเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 (1) , 108 ทวิ และ พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ มาตรา 54 วรรคหนึ่ง , 72 ตรี วรรคหนึ่ง ให้ลงโทษความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักสุด โดยโทษจำคุกไม่รอลงอาญา เนื่องจากศาลเห็นว่า เป็นเรื่องร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษ
จำเลยทั้งสี่ ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลยกฟ้องด้วย
โดยวันนี้จำเลยทั้งสี่ได้รับการประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ คนละ 3 - 5 แสนบาท ได้เดินทางมาพร้อมทนายความ และคนใกล้ชิด เพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ นานกว่า 1 ชั่วโมงเศษ จึงแล้วเสร็จ
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือโดยละเอียดรอบคอบ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัย จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสี่ ทุกข้อหา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี