17 ต.ค.61 นายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊ก ในหัวข้อ "จิ้งจกเปลี่ยนสี โสเภณีการเมือง" โดยระบุว่า วิบากกรรมของพวกย้ายพรรค ในการเลือกตั้งแต่ละครั้งการย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติของนักการเมือง ซึ่งนักการเมืองจะหาเหตุปัจจัยมาประกอบการตัดสินใจและอธิบายกับประชาชนในพื้นที่เลือกตั้งของตนเอง

ปัจจัยหลักในการย้ายพรรคคือ (1) ความนิยมของพรรคที่จะย้ายไปสังกัด (2) เงินทุนที่พรรคจะสนับสนุนในการเลือกตั้ง (3) พรรคมีอำนาจรัฐที่จะช่วยให้ชนะในการเลือกตั้ง

หากเป็นสภาวะปกติในระบอบประชาธิปไตยนักการเมืองที่ย้ายพรรคก็จะถูกโจมตีว่า "ขายตัว" บ้าง "เป็นโสเภณีการเมือง" บ้าง แค่บางคนก็สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้ เช่น ย้ายไปพรรคนั้นเพราะประชาชนชื่นชอบพรรคนั้น ประชาชนนิยมผู้นำพรรคนั้น หรือพรรคนั้นจะได้เป็นรัฐบาลจะได้ช่วยชาวบ้านได้สะดวกขึ้น เป็นต้น

แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งเป็นการเลือกตั้งหลังการยึดอำนาจและอยู่ในสภาวะการหาทางสืบทอดอำนาจของ "กลุ่มเผด็จการ" นักการเมืองที่ย้ายพรรคไปสังกัดกลุ่มเผด็จการจะต้องเผชิญวิบากกรรมหนัก เพราะจะไม่มีเหตุผลอะไรมาอธิบายให้เกิดความชอบธรรมในการย้ายพรรคได้เลย เนื่องจากพรรคที่ตนเองย้ายไปสังกัดก็อยู่ในกระแสลบหรือติดลบมากๆ หรือความนิยมในตัวผู้นำเผด็จการก็ ตกต่ำสุดๆทำให้ชาวบ้านเชื่อว่านักการเมืองที่ย้ายพรรคนั้น ขายตัว เป็นโสเภณีการเมือง

ยิ่งกระแส "ไม่เอาเผด็จการ" "ไม่เอาทหาร" ขึ้นสู่กระแสสูงในทุกพื้นที่ ยิ่งทำให้นักการเมืองที่ย้ายพรรคไปหนุนเผด็จการไร้ความชอบธรรมอย่างสิ้นเชิงในการอ้างเหตุผลการย้ายพรรค

พรรคเก่าที่ย้ายออกก็จะโจมตีว่า "ขายตัว" พรรคคู่แข่งก็จะโจมตีว่าไป "หนุนเผด็จการ" ถูกโจมตีทุกด้าน ถูกตีขนาบ ซ้าย-ขวา ถึงแม้จะมีทุนมีกระสุนไว้ยิงคะแนน กระสุนก็จะด้าน ยิ่งใช้อำนาจรัฐเข้าช่วยยิ่งจะถูกต่อต้านจากชาวบ้านในพื้นที่ โอกาสสอบตก ส.ส.มีสูงยิ่ง

นักการเมืองที่ชั้นเชิงสูงเขาจึงไม่ย้ายพรรคไปสังกัดพรรคหนุนเผด็จการโดยตรง เพื่อลดแรงปะทะ การหาคะแนนจะง่ายขึ้น

ส่วนนักการเมืองละอ่อน มองแค่ปัจจัยเงินทุน และอำนาจรัฐ ก็จะกระโดดงับเหยื่อที่เผด็จการโยนให้ สุดท้ายก็หมดสิ้นอนาคตทางการเมือง เป็นเพียงโสเภณีการเมืองที่ไร้ราคา ให้ชาวบ้านกล่าวขานไม่รู้ลืม