‘บุญทรง’ทรุดคาเรือนจำ
เสี่ยงอัมพาต
หมอนรองกระดูกเคลื่อน
ราชทัณฑ์ส่งผ่าตัด27พย.
‘โอ๊ค’ขึ้นศาลปัดฟอกเงิน
ลั่นพร้อมลงเล่นการเมือง
“บุญทรง” ผู้ต้องโทษคดีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ป่วยหนัก หมอนรองกระดูกเคลื่อน ชาที่ปลายมือปลายเท้า เสี่ยงเป็นอัมพาต อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เตรียมส่งตัวให้โรงพยาบาลตำรวจผ่าตัด 27 พฤศจิกายนนี้ด้าน “โอ๊ค –พานทองแท้” ขึ้นศาลปฏิเสธฟอกเงินทุจริตปล่อยกู้กรุงไทย นัดตรวจหลักฐาน25 มิถุนายน 2562 ประกาศก้อง พร้อมเข้าสู่การเมืองตั้งแต่เกิดเป็นลูกทักษิณ
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ได้รับรายงานจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ว่านายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ซึ่งต้องโทษจำคุกในคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี มีอาการป่วยด้วยโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนซึ่งเป็นอันตราย หากไม่ได้รับการรักษาจะมีโอกาสเป็นอัมพฤกษ์ หรืออัมพาตได้ และต้องใช้เวลารักษายาวนาน
“จำเป็นต้องส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีอุปกรณ์ ซึ่งถือเป็นสิทธิของผู้ต้องขังที่หน่วยราชการต้องดูแล จากประสบการณ์ป่วยด้วยโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนของผมเอง ยังต้องเข้ารับการรักษานาน 6-8 เดือน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญใช้วิธีจัดกระดูกร่วมกับการทำกายภาพบำบัด “พลอากาศเอกประจิน กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า นายบุญทรง ป่วยจริง เป็นโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อน มีอาการชาที่แขนจนถึงปลายเท้า ที่ผ่านมาถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจหลายครั้ง ต้องเข้าๆ ออกๆ เคยพักรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ 1-2 คืน แล้วนำตัวกลับมารักษาอาการที่ทัณฑสถานโรงพยาบาล จึงไม่ใช่การนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลภายนอกแบบถาวร โดยแพทย์มีความเห็นให้รักษาด้วยการผ่าตัดกระดูกต้นคอ และนัดให้เรือนจำส่งตัวนายบุญทรงออกไปผ่าตัดในวันที่ 27 พ.ย.นี้
วันเดียวกันที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดสอบคำให้การจำเลยคดีดำที่ อท.245/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายพานทองแท้ หรือโอ๊ค ชินวัตร อายุ 38 ปี บุตรชายคนโตนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9, 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 รวมถึง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2526 มาตรา 4 จากกรณีการทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยฯ กับกลุ่มกฤษดามหานคร เป็นเช็ค 1 ฉบับ จำนวนเงิน 10 ล้านบาท
โดยในวันนี้ นายพานทองแท้ จำเลยซึ่งได้รับการประกันตัวจากศาลวงเงินประกัน 1 ล้านบาท เดินทางมาศาลพร้อมผู้ติดตาม เเละมีเเกนนำพรรคเพื่อไทยจำนวนมากมาร่วมให้กำลังใจ เช่น คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดา, น.ส.พินทองทา คุณากรวงศ์, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร น้องสาวทั้งสอง และเเกนนำพรรคเพื่อไทย, พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นายชัยเกษม นิติศิริ, น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล, นายวัฒนา เมืองสุข, ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต, นายนพดล ปัทมะ, นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล, นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา อดีต ส.ส.เพื่อไทย มาให้กำลังใจ
ศาลอ่านเเละอธิบายคำฟ้องโดยสรุปให้จำเลยฟังซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง โดยอ้างว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ได้ร่วมลงทุนกับเพื่อนและจะขอส่งคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้ง โดยศาลได้มีคำสั่งแต่งตั้งเจ้าพนักงานคดี พร้อมทั้งสอบถามบัญชีพยานเอกสารโดยฝ่ายโจทก์และจำเลย ยื่นบัญชีเอกสารฝ่ายละ 8 แฟ้มเช่นกัน
ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรในวันที่ 14 ธันวาคม พร้อมกำหนดให้คู่ความยื่นตรวจบัญชีพยานเอกสารต่อเจ้าพนักงานคดี และให้กำหนดประเด็นและพยานหลักฐานเบื้องต้นที่สามารถรับกันได้ระหว่างคู่ความ พร้อมแนบเหตุผลเเละข้อโต้แย้ง รายงานให้ศาลทราบ โดยกำหนดวันตรวจพยานเอกสารหลักฐานต่างๆ เบื้องต้นในวันที่ 22 มกราคม, 26 กุมภาพันธ์, 20 มีนาคม และ 29 เมษายน 2562 โดยกำชับให้คู่ความทำตามข้อกำหนดของศาล หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ทำตามข้อกำหนดก็ให้ถือว่าไม่ติดใจ ศาลจะพิจารณาพยานหลักฐานตามที่เสนอ
นอกจากนี้ ในวันที่ 22 มกราคม ศาลจะมีคำสั่งกรณีการรวมพิจารณาคดีนี้กับคดีหมายเลขดำที่ อท.214/2561 ที่พนักงานงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวิชัย กฤษดาธานนท์ ซึ่งคดีมีมูลเหตุเดียวกันในคดีนี้ ที่เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คจำนวน 10 ล้านบาทให้นายพานทองแท้ด้วย พร้อมกำหนดวันนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 25 มิถุนายน เวลา 10.00 น.
นายพานทองแท้ กล่าวภายหลังออกจากห้องพิจารณาคดีว่า วันนี้ศาลนัดสอบคำให้การก็ปฏิเสธไป ในรายละเอียดคดียังไม่ขอพูดถึง ส่วนเรื่องการเข้าทำงานการเมืองก็มีความพร้อมตั้งแต่เกิดเป็นลูกของทักษิณ ชินวัตรแล้ว พร้อมสนับสนุนพรรคการเมืองที่เป็นรูปแบบประชาธิปไตยทุกรูปแบบ ส่วนเรื่องที่อดีตสมาชิคพรรคเพื่อไทยจะแยกตัวไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ก็เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี