“วิษณุ” เผย ดอดถก ประธานป.ป.ช. แล้ว เข้าใจปัญหาดี เห็นใจเพราะไม่มีทางเลือก บอก ปัญหาที่คนไม่อยากยื่น เหตุ รำคาญ-จุกจิก-ยุ่งยาก แนะ ป.ป.ช.แก้แบบฟอร์ม ลดความยุ่งยาก ให้ง่ายแต่ละเอียด
10 พ.ย. 61 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการหารือกับตัวแทนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับประกาศ ป.ป.ช.ฉบับล่าสุด เรื่องการยื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินว่า ยังไม่ได้คำตอบ ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่มีเพียงกรณีนายกสภาฯและกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่จะยื่นใบลาออกเท่านั้น แต่ยังมีข้อข้องใจในตำแหน่งอื่นๆ อีก เช่น กรณีที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ยังรักษาการอยู่ และตำแหน่งนี้ไม่เคยยื่นบัญชีทรัพย์สินมาก่อน
“เมื่อมีประกาศ ป.ป.ช.จะต้องยื่นหรือไม่ โดย ป.ป.ช.รับไปพิจารณาให้ ส่วนตำแหน่งที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ทำหน้าที่รักษาการ อย่างกรณี พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ตัวแทนจาก ป.ป.ช.ตอบชัดเจนว่า ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ขณะที่กรณีสมเด็จพระสังฆราช ไม่ใช่เพราะเป็นสมเด็จพระสังฆราช แต่ทรงเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ตัวแทนจาก ป.ป.ช.เห็นว่า มีเหตุผลหลายประการที่ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน จึงขอนำไปพิจารณาแก้ไขต่อไป” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายวิษณุ กล่าวว่า ทั้งนี้ เรื่องการแก้ไขประกาศดังกล่าวเป็นอำนาจของ ประธาน ป.ป.ช.อยู่แล้ว ซึ่งจะปรับปรุงแก้ไขอย่างไรมีหลายวิธี แต่ที่สุดแล้วต้องรอดูว่า ป.ป.ช.จะยอมหรือไม่ เนื่องจากที่ต้องออกประกาศมา เพราะเห็นว่า ผู้ที่จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินจะต้องมีคุณลักษณะคือ
1.ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
2.ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง
3.เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามที่ ป.ป.ช.กำหนด
นายวิษณุ กล่าวว่า ดังนั้นการยื่นบัญชีทรัพย์สินครั้งนี้จึงได้เหมารวมองค์การมหาชน กรรมการสภามหาวิทยาลัย และบอร์ดต่างๆ ส่วนกรณีที่กรรมการสภามหาวิทยาลัยจะลาออกนั้น ป.ป.ช.ได้รับทราบแล้ว ส่วนจะแก้ไขปัญหาอย่างไรเป็นเรื่อง ป.ป.ช.
“คนที่จะลาออกส่วนหนึ่งเพราะจะครบวาระอยู่แล้ว อย่างเช่น นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่จะครบวาระในเดือน ม.ค.62 อยู่แล้ว และกลับมาเป็นไม่ได้แล้ว ท่านเห็นว่า ประกาศนี้จะมีผลในวันที่ 2 ธ.ค.จึงบอกว่า จะอยู่ไปทำไมให้ครบวาระแล้วก็จะต้องยื่น จึงออกไปเสียแต่ตอนนี้ เพื่อไม่ต้องไปยุ่งกับประกาศที่จะมีผลกระทบในวันที่ 2 ธ.ค.เพราะคนที่คิดอย่างนี้มีเยอะ” นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวว่า กรณีของนายกสภาฯและกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่เกิดขึ้นไม่คิดว่า จะมีปัญหาเกี่ยวกับการมีลับลมคมในอะไร หรือไม่ใช่ว่า ไม่ต้องการเปิดเผย แต่ทุกคนมีปัญหาเดียวคือ ความรำคาญ จุกจิก ยุ่งยาก เหมือนกับที่หลายครั้งตนได้เชิญคนเข้ามาเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือคณะรัฐมนตรีในอดีต เมื่อทราบว่าจะต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินด้วยหลายคนจึงปฏิเสธไป ไม่ใช่ว่ากลัวความผิดจากการทุจริต แต่จุกจิก รำคาญ และกลัวผิดพลาด อีกทั้งยังมีคนจับตาดูอยู่ จึงไม่อยากเข้ามายุ่ง ดังนั้น กรรมการสภามหาวิทยาลัยหลายคนจึงเห็นว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะนอกจากยื่นบัญชีทรัพย์สินตัวเองแล้ว ยังต้องยื่นของคู่สมรสและบุตรด้วย หลายคนจึงคิดว่า ลาออกดีกว่า หากจะแลกเพียงแค่เบี้ยประชุมแค่ 2,000 บาทต่อครั้ง
นายวิษณุ กล่าวว่า ในการหารือกับรองเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช.พบว่า การที่เขาไม่ค่อยอยากยื่นกันนั้นเพราะเกิดความยุ่งยาก เช่นหากต้องตกอยู่ในฐานะผู้จัดการกองมรดก เพราะบางครั้งแยกไม่ออกว่าอันไหนของตัวเองอันไหนของมรดก อีกทั้งแบบฟอร์มการกรอกของป.ป.ช. ก็ยุ่งยากเหมือนกัน ซึ่งก็ได้ คุยกันว่าป.ป.ช. ควรไปแก้ไขปรับปรุงแบบฟอร์มให้มันง่าย แต่ละเอียด คือให้อ่านแล้วรู้ทันทีว่ากรอกอย่างไร ไม่ใช่เหมือนการกรอกแบบฟอร์มยื่นภาษี ที่หลายคนจะกรอกก็ต้องไปจ้างคนอื่นมากรอกให้ ฉันใดก็ฉันนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าตำแหน่งนายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัย เป็นตำแหน่งให้คุณให้โทษหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเห็นใจ ป.ป.ช.ด้วย เพราะตำแหน่งนายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยนั้นให้คุณให้โทษ สามารถแต่งตั้งอธิการบดี คณบดี อนุมัติงบประมาณ แม้ในความเป็นจริงการอนุมัติงบประมาณของมหาวิทยาลัยจะไม่สูงถึงขั้นที่สภามหาวิทยาลัยจะต้องพิจารณา เพราะจากประสบการณ์ยังไม่เคยเห็นมหาวิทยาลัยใดอนุมัติงบประมาณถึงพันล้านบาท ดังนั้น เรื่องงบประมาณจึงอยู่ในอำนาจของอธิการบดีทั้งหมด กรรมการสภามหาวิทยาลัยถึงได้บ่นว่าไม่เคยเข้าไปยุ่งอะไรกับเรื่องเหล่านี้ แล้วทำไมจึงต้องมายุ่งกับเขา
นายวิษณุ ยังเปิดเผยด้วยว่า ได้พบและพูดคุยกับ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.แล้ว โดยประธานป.ป.ช.เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี จึงได้ส่งรองเลขาธิการ ป.ป.ช.มาหารือกับตนเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมาเพื่อหาทางออกต่อไป
“ได้พบ พูดคุยกันแล้วตัวต่อตัว ซึ่งป.ป.ช.เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี ส่วนผมเห็นใจท่านเพราะไม่ได้มีทางเลือกสักเท่าไหร่ เพราะกฎหมายบอกเอาไว้ว่าตำแหน่งต่อไปนี้จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน นั่นหมายถึง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่ง ระดับสูง เจ้าหน้าที่ของรัฐอื่นตามที่ป.ป.ช.กำหนด” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี