พลิกอ่านหนังสือ'เลขที่ 1 บ้านพิษณุโลก' เล่าสู่กันฟังจุดแข็ง-จุดอ่อนบิ๊กตู่-จุดแยก'พี่น้อง 2 ป.'

พลิกอ่านหนังสือ'เลขที่ 1 บ้านพิษณุโลก' เล่าสู่กันฟังจุดแข็ง-จุดอ่อนบิ๊กตู่-จุดแยก'พี่น้อง 2 ป.'

วันจันทร์ ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2566, 16.56 น.

พลิกอ่านหนังสือ​"เลขที่ 1 บ้านพิษณุโลก"ฉบับวิษณุ บอก"บิ๊กตู่" มีจุดแข็งเป็นเป็นผู้นำ​ ไร้ประวัติด่างพร้อย​ ขณะจุดอ่อนเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้งไร้ ม. 44​ ทำปัญหาถาโถมจัดการไม่ได้​  เผยจุดแยก​ 2 ป.​ แยกกันเดิน​ ทำสส.พปชร.เดิม​ กระด้างกระเดื่อง"ประยุทธ์"ชัด​ลงมติออกเสียงในสภา

25 ธ ค.66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ​ เครืองาม​ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เปิดตัวหนังสือเลขที่ 1 บ้านพิษณุโลก โดยในเนื้อหามีการพูดถึงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ โดยเนื้อหาเป็นการเล่าสู่กันฟังไม่ถึงกับเปิดเผยเบื้องหน้าเบื้องหลัง


โดยนายวิษณุ​ ได้เขียนถึงพล.อ.ประยุทธ์​ ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของรัฐบาลว่า​ จุดแข็งของรัฐบาล คือความเป็นผู้นำ ที่มีบารมีและอำนาจเก่าอันเนื่องมาจากบุคลิกภาพเข้มแข็งเด็ดขาดและภาพลักษณ์ความไม่ด่างพร้อยตั้งแต่สมัยรัฐบาลประยุทธ์ 1 หรือช่วงที่เป็นรัฐบาลคสช.

ขณะที่จุดอ่อน คือระยะ 4 ปี ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2 เป็นช่วงที่เกิดวิกฤตจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ตั้งแต่เดลต้า โอมิครอน​ จนทำให้มีประชาชนบาดเจ็บล้มตาย และที่สำคัญส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรงทำให้รัฐบาลต้องกู้เงินนับล้านล้านบาทมาพยุงเศรษฐกิจและเยียวยา ทำให้รัฐบาลเองขาดงบประมาณมาผลักดันนโยบายด้านอื่น ทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบไม่เกิดความไม่พอใจรัฐบาล ทำร้ายยังเกิดสงครามรัสเซีย -​ ยูเครน ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน ด้านคมนาคม และยังเกิดการแบ่งหมู่แบ่งฝ่ายประเทศต่างๆในวิธีการค้าและการพูดจนสิ้นสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์​ 2

ซึ่งในหนังสือเล่มนี้ ยังบอกว่า​ พล.อ.ประยุทธ์​ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพและไม่ใช่นักเลือกตั้งไม่เหมือนนายทหารผู้ใหญ่หลายคนที่มาเล่นการเมืองและได้เป็นผู้บริหารประเทศ แม้จะมีชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีตามบัญชีที่พรรคพลังประชารัฐเสนอ แต่ก็ไม่ได้ลงไปหาเสียงเลือกตั้งไม่ได้เดินพนมมือไหว้ขอเสียงประชาชนไม่ได้ขึ้นรถเปิดท้ายเข้าขบวนแห่โบกมือให้ประชาชนในคราวเลือกตั้งพ.ศ 2562​ อีกทั้งในสภา พลเอกประยุทธ์ก็ไม่ได้เป็นสมาชิกสังกัดพรรคการเมืองใด

จนมาถึงการเลือกตั้งปี 2566 ที่พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร​ วงษ์สุวรรณ​ ต้องแยกกันทำงานการเมือง กลายเป็น 2 ขั้วอำนาจคือพรรคพลังประชารัฐใหม่ ซึ่งทำงานกับพลเอกประวิตร​ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งชูพล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำ แม้จะไม่ใช่หัวหน้าพรรคและแม้ทั้งสองพรรคจะไม่ถึงกับขัดแย้งกัน​ ยังรักใคร่ผูกพันกัน  ตลอดจนกองเชียร์ว่าดีดังเดิม แต่อาการพิทักษ์พิพ่วน และละลาละลัง​ย่อมเกิดขึ้นกับบรรดารัฐมนตรีและสมาชิกสภาในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ต่อไปจะเดินตามทิศทางของใครบางคนในพรรคพลังประชารัฐอาจแสดงความกระด้างกระเดื่องต่อพลเอกประยุทธ์​ อย่างชัดเจนด้วยซ้ำในเวลาลงมติออกเสียงในสภา

นอกจากนี้ นายวิษณุ​ ยังเขียนถึงวิบากกรรมของคนเป็นนายกรัฐมนตรี ที่พล.อ.ประยุทธ์​ ก็มีวิบากกรรมเหมือนกับนายกรัฐมนตรี 28 คนที่ผ่านมา ที่ตกอยู่ในห้วงปัญจะวิบากกรรมที่ว่ามานี้ เพราะว่าดำรงตำแหน่งยาวนานกว่าคนอื่น กรรมก็ยิ่งหนักกว่าคนอื่น แต่เมื่อครั้งรัฐบาลประยุทธ์ 1 แม้จะมีวิบากกรรมแต่ก็มีกลไกการแก้ปัญหา และมีตัวช่วยอยู่มากนั่นก็คือการมี คสช.หรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งสมาชิกทั้งหมดมาจากการแต่งตั้งโดยไม่มีฝ่ายค้านมีอำนาจพิเศษ​ ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวอยู่ในมือจึงสามารถกำราบปราบผู้ก่อความไม่สงบ​ หรือแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างรวดเร็วว่องไว​ เป็นพระเจ้าทันใจ​ บัดนั้นวายุบุตรแก้ได้​ ดั่งใจหมาย แต่ในการเป็นรัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้งและคสชถูกยุบมาตรา 44 ถูกยกเลิกเมื่อมีปัญหาถาถมเข้ามาจึงจัดการได้ยากเพราะต้องใช้เวลาและต้องมีกฎหมายใหม่ๆมารองรับ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top