พรรคเดียวเสียวแพ้! ‘ธิดา’โต้แกนนำพล่านหาคอกไม่ใช่วิกฤติ โวเพิ่มโอกาสชนะ
16 พ.ย.61 นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษากลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในการทำ Facebook Live ว่า จากการที่ช่วงนี้มีข่าวว่าแกนนำนปช.คนนั้นไปอยู่พรรคนี้ แกนนำนปช.คนนี้ไปอยู่พรรคโน้น อะไรต่างๆมากมาย สร้างความสับสนให้กับมวลชนนปช.เป็นอย่างมาก จึงได้มาเล่าสถานการณ์ของแกนนำนปช.ในช่วงการเลือกตั้งครั้งที่จะมาถึงนี้
ทั้งนี้ สถานการณ์การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งอื่นๆ เพราะทุกครั้งที่ผ่านมาเป็นเรื่องระหว่างพรรคการเมืองกับพรรคการเมืองต่อสู้กันว่าพรรคไหนจะได้รับชัยชนะ แต่ครั้งนี้เป็นสนามการต่อสู้ตามอุดมการณ์แนวทางของนปช.คือเราสนับสนุนฟากฝั่งที่ต่อต้านเผด็จการ ดังนั้นพรรคการเมืองที่ประกาศชัดเจนว่าไม่เอาและต่อต้านเผด็จการ ต้องการล้มล้างผลพวงการทำรัฐประหารก็จะเป็นพรรคการเมืองตามหลักการที่นปช.ต้องสนับสนุนทั้งหมด จึงชัดเจนว่าเราไม่สนับสนุนพรรคการเมืองหนุนคสช. ฉะนั้นแกนนำหรืออดีตแกนนำใดที่ไปอยู่พรรคการเมืองที่หนุนคสช.ชัดเจนนั้น ความเป็นนปช.ก็จบและสิ้นสุดลง
นางธิดา กล่าวต่อไปว่า เพราะฉะนั้นมวลชนต้องก้าวข้ามผู้สมัคร ก้าวข้ามพรรคการเมือง และต้องก้าวข้ามแกนนำนปช.ด้วย โดยขอเรียกร้องในแต่ละพื้นที่ให้มีการสอดส่องว่าคะแนนนิยมจะเป็นเช่นไร คะแนนในอดีต ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พรรคการเมืองเดิมที่ได้รับชัยชนะในพื้นที่นั้นๆ และพรรคนั้นอยู่ข้างฝ่ายประชาธิปไตย เราก็ต้องเลือกว่าทำอย่างไรให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยได้เป็นส.ส.เขตมากที่สุด ส่วนส.ส.บัญชีรายชื่อนั้นควรจะได้ในพื้นที่ที่ส.ส.ฝ่ายประชาธิปไตยไม่ได้รับชัยชนะ ก็จะเก็บคะแนนตกน้ำเหล่านั้นเอามาเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ
นางธิดา กล่าวเสนอแนวคิดว่า พรรคการเมืองอาจจะมีการบริหาร แต่ประชาชนก็ต้องบริหารคะแนนเสียงของตัวเองในแต่ละพื้นที่ด้วย โดยที่ตนบอกว่าให้เลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตย อย่าได้ไปสับสนว่า พรรคนี้เป็นพรรคของจตุพร พรรคนี้มีณัฐวุฒิ พรรคนี้มีหมอเหวง แล้วจะทำอย่างไร ต้องก้าวข้ามให้หมด คือ เลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตยและทำให้มีโอกาสได้ส.ส.มากที่สุด แน่นอนที่พรรคเพื่อไทยได้เปรียบที่จะต้องมีส.ส.เขตอยู่แล้วจำนวนมาก ก็ต้องรักษาพื้นที่ แต่พรรคใหม่ๆที่เกิดขึ้นเพื่อเก็บคะแนนตกน้ำให้สามารถแปรเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อนั้น พี่น้องประชาชนก็สามารถที่จะคัดสรรได้ ตนไม่ไปก้าวล่วง
อย่างไรก็ตาม เพียงแต่วิธีคิดของตนซึ่งไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด แต่ในขาของการต่อสู้ ตนถนัดที่จะอยู่ในขาของการขับเคลื่อนของประชาชน แต่ถือว่าขาในเวทีรัฐสภาก็เป็นเวทีการต่อสู้เช่นกัน ซึ่งก็อยากให้ได้รับชัยชนะในเวทีรัฐสภาด้วย จึงต้องใช้กลยุทธ์ “ก้าวข้าม” แต่ “หวัง” ชัยชนะในภาพรวมทั้งหมด ฉะนั้นพื้นที่ซึ่งมีบัตรเลือกตั้งใบเดียวจึงเป็นเรื่องสำคัญ
นางธิดา ระบุว่า ถ้าเรายึดหลักการของนปช. เราใช้ยุทธศาสตร์ 2 ขา เราต้องการได้รับชัยชนะทั้งเวทีรัฐสภาและในเวทีขับเคลื่อนประชาชน บางคนบอกว่าไม่มีอีกแล้วนปช. ตนกล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเราผ่านการเลือกตั้งมา 2 รอบ และเป้าหมายนปช.ก็คือระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขที่อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ถ้าเป้าหมายไม่บรรลุ ยังมีความพยายามจะทำรัฐประหารอีก นปช.จะดำรงอยู่ เพราะเราไม่ใช่องค์กรเฉพาะกิจที่มาล้มรัฐบาลแบบพธม.หรือกปปส.
“คำถามที่ว่านปช.ยังอยู่ไหม? ตนขอกล่าวว่า “ยังอยู่” ที่อยู่เพราะเป้าหมายยังไม่บรรลุ คนที่ต้องการระบอบประชาธิปไตยก็ต้องต่อสู้ต่อไป แต่การที่แกนนำแยกไปอยู่กันคนละพรรคสองพรรค ขออธิบายว่า “นี่คือเวทีรัฐสภา” ใครก็มีสิทธิที่จะไปรวบรวมผู้คนเป็นกลุ่มเป็นพรรคตามวิธีคิดของตัวเอง หรือแกนนำนปช.ส่วนอื่นที่ยังอยู่กับพรรคพท.ก็มี บางส่วนก็ไปอยู่พรรคทษช. นี่ไม่ใช่วิกฤติ” นางธิดา กล่าว
นางธิดา กล่าวด้วยว่า คิดให้ดีนี่เป็นโอกาส เพราะในเวทีรัฐสภา การที่มีพรรคเดียวนั้นดีตรงที่หาเสียงง่าย แต่เมื่อ รธน.60 เขียนเช่นนี้ ถ้าคุณมีพรรคเดียวคุณมีโอกาสแพ้ ดังนั้นเพื่อให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะ การมีหลายพรรคมีข้อดีตรงที่ว่าอาจได้เสียงเพิ่มขึ้น ถ้าวางแผนดี ขณะเดียวกันอาจเป็นทางเลือกหลากหลายเพราะวิธีคิดพรรคการเมืองอาจไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยก็มีทางออกมากขึ้น มีทางเลือกของประชาชนมากขึ้น ประชาชนจะทำอย่างไรให้ฝ่ายประชาธิปไตยได้เสียงมากที่สุด เลือกพรรคที่มีโอกาสจะได้เสียงมากที่สุด โดยก้าวข้ามผู้สมัคร, ก้าวข้ามพรรคการเมือง, ก้าวข้ามแกนนำนปช. แล้วเอาฝ่ายประชาธิปไตยเป็นหลัก อย่างมีกลยุทธ์ ทำอย่างไรให้คะแนนเสียงไม่ตกน้ำ เก็บให้หมดแล้วแปรให้เป็นผู้แทน
นางธิดา ระบุว่า ตนเชื่อว่าประชาชนจะมีบทบาทสูงมากโดยก่อนเลือกตั้งประชาชนต้องส่งเสียงให้มีการปลดล็อก ให้มีการเลือกตั้งที่เที่ยงธรรมเกิดขึ้นให้ได้ตามกำหนด ระหว่างที่มีการเลือกตั้งก็ต้องตรวจสอบการโกง การแจกใบเหลืองใบแดงอย่างไม่เป็นธรรม และหลังเลือกตั้งสมมุตฝ่ายประชาธิปไตยได้เป็นรัฐบาลที่เรียกว่า “เป็ดง่อย” ประชาชนต้องเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กที่ดูแลรัฐบาลไม่ให้เป็น “รัฐบาลเป็ดง่อย” ให้อยู่ได้ยาวนานที่สุด ป้องกันไม่ให้มีการทำรัฐประหาร นี่เป็นภารกิจของการขับเคลื่อนประชาชนซึ่งเป็นการใช้ประชาธิปไตยทางตรงและมีส่วนร่วมในทางการเมืองการปกครองอย่างเต็มที่
“นับจากวันนี้ไปการขับเคลื่อนของประชาชนขบวนใหญ่ไม่ใช่เฉพาะนปช. แต่เป็นผู้รักประชาธิปไตยทั้งหมดจะขับเคลื่อนอย่างแข็งแรงมากขึ้นเพราะมันมีเหตุผลทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าทุกขเวทนาของประชาชนที่เกิดขึ้นในยุคสมัยของการทำรัฐประหาร และการสืบทอดอำนาจนั้นไม่ควรจะยาวนานต่อไปแล้ว อำนาจต้องเป็นของประชาชน ในเวทีรัฐสภาประชาชนต้องเข้ามาเพื่อให้ได้ตัวแทน ประชาชนต้องทำหน้าที่ก่อนเลือกตั้ง ระหว่างเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้ง ตรวจสอบรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอย่างเข้มแข็งมากขึ้น อยากให้ประชาชนมองว่าเวทีรัฐสภาครั้งนี้เป็นสนามของการต่อสู้ของฝ่ายเอาและไม่เอารัฐประหารอย่างแข็งขัน อย่างมีลักษณะพิเศษ ไม่เหมือนกับการเลือกตั้งที่ผ่านมาซึ่งอยู่ในระบอบประชาธิปไตย แต่การเลือกตั้งในระบอบรัฏฐาธิปัตย์หรือระบอบเผด็จการนั้นเป็นการต่อสู้ที่แหลมคม” นางธิดา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี