“บิ๊กจิน” ยัน2สัปดาห์ชัดเจนบริษัทต่างชาติจดสิทธิบัตรกัญชา-เลขาปปส. ยันไม่ปลดล็อกกัญชาเป็นประเภท2
21 พ.ย.61 ที่โรงเเรมมณเฑียรริเวอร์ไซต์ กรุงเทพฯ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดงานสัมมนาวิชาการในหัวข้อ “การใช้กัญญาทางการแพทย์ : ประสบการณ์ของประเทศออสเตรเลีย แคนาดา เนเธอร์แลนด์”
โดยมีคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม และนายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการป.ป.ส. และผู้แทนจากสถานทูตทั้ง 3 ประเทศร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
โดยพล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ศึกษางานวิจัยของประเทศออสเตรเลีย แคนาดา สหรัฐอเมริกา และเนเธอร์แลนด์ ในการนำกัญชาไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าชื่นชมทั้งในวงการแพทย์แผนปัจจุบัน ส่วนในไทยการจะนำกัญชาไปใช้ทางการแพทย์นั้น ต้องมีการควบคุม ซึ่งเดิมมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องอยู่ 7 ฉบับ แต่เป็นกฎหมายล้าหลังที่บังคับใช้มานานเกือบ 40 ปี จำเป็นต้องมีการปรับปรุง โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างแพทย์ เภสัช เกษตร สายกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวต่อว่า จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขปัจจุบัน พบว่า การแพร่ระบาดของยาเสพติดในประเทศไทยกลับมาสู่ภาวะที่มีความรุนแรง โดยมีประชากร 1.3 ล้านคนเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ขณะที่ประสิทธิภาพในการดูแลคนกลุ่มเหล่านี้ ทำได้เพียงแค่ 2-3 แสนคน ขณะที่ผู้ติดยาเสพติดประมาณ 90% ถูกดำเนินคดี หรือคิดเป็นเกือบ 3 แสนคน ทำให้สูญเสียบุคลากรที่ควรจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นสถิติผู้เข้ารับการบำบัดมีเพียง 5-10 % เท่านั้น
ขณะที่ความจำเป็นทางการแพทย์ มีหลายประเทศนำกัญชามาผลิตยาเพื่อรักษาผู้ป่วย ทั้งโรคมะเร็ง อัลไซเมอร์ ชักกะตุก และพาร์กินสัน อย่างในออสเตรเลียมีผู้ป่วยประมาณ 5,000 คนหรือคิดเป็น 75% ของผู้ป่วยที่ใช้กัญชารักษาแล้วได้ผล
“การปลดล็อกกัญชา ยังต้องคำนึงถึงส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ ประการแรกคือ เราจะไม่ยอมให้ยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย กลายเป็นถูกกฎหมาย เพราะตามกรอบความร่วมมือระหว่างสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC และศูนย์ประสานงานความร่วมมือด้านยาเสพติดอาเซียน กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ห้ามให้ยาเสพติด หรือแม้แต่กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ส่วนประการที่ 2 คือ เราจะยินยอมให้มีการวิจัยกัญชา เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ซึ่งหลายประเทศนำมาใช้แล้ว ทั้งเเคนาดา สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์และออสเตรเลีย” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนในไทยยังไม่ได้ศึกษาเชิงลึก ทั้งเรื่องปริมาณการใช้กัญชาเพื่อการผลิตยา ส่วนผสมในการผลิต และสถานที่ปลูก ทำให้ที่ผ่านมาไทยต้องสูญเสียโอกาสในการใช้ประโยชน์จากกัญชา เพราะยังติดเรื่องข้อกฎหมาย ซึ่งหลังจากนี้หน่วยงานวิจัยเรื่องกัญชา และผู้ผลักดันกฎหมายจะทำงานคู่ขนานกัน โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุดดูแลทั้งเรื่องกฎหมาย และงานวิจัย
ส่วนความคืบหน้าในการแก้กฎหมายเกี่ยวกับกัญชา โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และให้ตราเป็น พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ซึ่งมีรายละเอียดครอบคลุมถึงการใช้กัญชา ทางการแพทย์ได้ ผ่านความเห็นชอบของครม.ไปแล้ว เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา และคาดว่าจะผ่านที่ประชุมสนช. ในช่วงปลายปี 2561 นี้ จากนั้นจะมีการออกกฎหมายให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน หรือประมาณเดือนก.พ. ปี 2562
ต่อข้อกังวลกรณีNGOและสังคมกลัวว่าประเทศไทยจะเสียโอกาสนำประโยชน์จากพืชกัญชามาใช้ทางการแพทย์ได้อย่างแท้จริงนั้น พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ภายใน 2 สัปดาห์ จะมีความชัดเจนในเรื่องของบริษัทต่างชาติที่มาขอจดสิทธิบัตร กับกรมทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์และงานวิจัย
ด้านนายนิยม กล่าวว่า เรื่องการจดสิทธิบัตรอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทรัพย์สินทางปัญญา โดย พล.อ.อ.ประจิน จินจั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้สั่งการให้ ป.ป.ส. แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ประกอบด้วย ป.ป.ส. กระทรวงสาธารณสุข และ กรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาข้อสรุปเป็นการเร่งด่วน
“ส่วนการเชิญผู้แทนจากสถานทูตทั้ง 3 ประเทศดังกล่าวเพื่อหารือกันตั้งแต่ ต้นทาง กลางทางและปลายทาง เช่น การควบคุมการปลูก การเลือกสายพันธุ์ การใช้ทางการแพทย์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการปลดกัญชาจากยาเสพติดประเภท 5 แน่นอน และไม่ทำให้สิ่งผิดกฎหมายเป็นถูกกฎหมายแต่จะนำผลผลิตจากการปลูกกัญชามาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด” นายนิยม กล่าว
ด้าน Mr.Adam Benjamin (อดัม เบนจามิน) ผู้แทนจากสถานทูตออสเตรเลีย กล่าวว่า ในออสเตรเลียมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานควบคุมกัญชา โดยมีกระบวนการควบคุมทั้งเรื่องปริมาณการปลูก และนำไปใช้ทางการแพทย์ ซึ่งมีกฎหมายควบคุมกัญชามากเหมือนในไทย หากจะนำไปใช้ในเชิงธุรกิจทางการแพทย์ ภาคเอกชนต้องมีความรอบคอบในการปลูก และกระบวนการผลิต ส่วนปริมาณการปลูกกัญชานั้นจะควบคุมให้ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ป่วย ทั้งนี้ ฝากขอบคุณประเทศไทยที่มีส่วนร่วมในการหารือออกกฎหมายควบคุมการใช้กัญชาทางการแพทย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี