สนช.วิ่งหา
ห้องประชุมชั่วคราว
เล็งเช่าทีโอที1ปี
จ่ายวันละ8หมื่น
ปิดตำนานรัฐสภา
ใกล้ปิดตำนานรัฐสภา 44 ปี “สุรชัย”เผยเคาะที่ประชุมชั่วคราว สนช.จ่อใช้ห้องประชุมทีโอที แจ้งวัฒนะ รองรับ 500 ที่นั่ง ใช้ 1 ปี ค่าเช่าวันละ 8 หมื่น เล็งต่อเหลือ 6 หมื่น เริ่ม มกราคม 2562 คาดใช้ประชุมสส.หลังเลือกตั้ง ส่วนรัฐสภาใหม่ คาดมิถุนายน 2562 ใช้ทันเปิดรับสส.-สว.โหวต“นายกฯ”ใหม่ ขณะสนช.จัด“บิ๊กคลีนนิ่ง” รัฐสภา26ธ.ค.นี้ก่อนส่งคืนพื้นที่ให้ สำนักพระราชวัง
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญติแห่งชาติ(สนช.) คนที่ 1 กล่าวถึงการทำงานของคณะกรรมการจัดหาสถานที่ประชุมชั่วคราวของ สนช.ว่า คณะกรรมการฯจะลงพื้นที่สำรวจสถานที่ในวันที่11 ธันวาคมและเก็บข้อมูลห้องประชุมแต่ละแห่ง โดยที่มีการเสนอมา คือ บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน)ถนน แจ้งวัฒนะ, ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ , องค์การสหประชาชาติ(UN) , กองทัพภาคที่ 1,มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทน์
“ในการพิจารณา จะดูที่ปริมาณความจุในห้องประชุม เพื่อรองรับสมาชิก สนช.ในปัจจุบัน จะต้องมีห้องให้ผู้ชี้แจงพักคอย รวมถึงห้องอาหารของสมาชิกฯที่จะต้องไม่ห่างไกลจากห้องประชุม และที่สำคัญต้องดูราคาค่าเช่าพื้นที่ด้วย คาดว่า จะได้ข้อยุติในวันที่ 13 ธ.ค.นี้” รองประธาน สนช.ย้ำ
สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ย่านเกียกกายนั้น นายสุรชัย กล่าวว่า ตนได้รับทราบเบื้องต้น ผ่านทางนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ก็ยังยืนยันว่าจะสามารถทำให้แล้วเสร็จภายในช่วงเดือนมิถุนายน 2562 ส่วนห้องประชุมสำหรับสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ชุดใหม่นั้น แต่จะเสร็จตามกำหนดหรือไม่ เรื่องนี้ตนไม่สามารถยืนยันได้ เพราะเป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ ดังนั้น ตนต้องหาสถานที่เพื่อรองรับการประชุมในเรื่องดังกล่าว ตั้งแต่สิ้นเดือนธันวาคม2561
ส่วนข้อสงสัยที่ว่าอาคารรัฐสภาแห่งใหม่จะเสร็จทันรับรองสมาชิกรัฐสภาในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ภายหลังการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2562 หรือไม่นั้น ตนคาดว่าทัน เพราะหลังการเลือกตั้ง จะมีเวลาการรับรองผลของ กกต.ไม่เกิน 2เดือน ก่อนเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อจัดตั้งรัฐบาลต่อไป ส่วนการก่อสร้าง จะแล้วเสร็จตามคาดการณ์กลางปี 2562หรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้ดูแลโดยตรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมเพื่อหาสถานที่เพื่อเตรียมรับรองการประชุม สนช.นั้น มีความเป็นไปได้สูงมากว่า จะเลือกใช้ห้องประชุมของ ทีโอที ถนนแจ้งวัฒนะ เนื่องจากมีความพร้อมด้านการประชุมมากที่สุด ซึ่งสามารถรองรับสมาชิกที่เข้าประชุมได้กว่า 500 ที่นั่ง แต่ต้องพิจารณาเงื่อนไขอื่นๆที่เกี่ยวข้องคือค่าเช่าพื้นที่ที่เบื้องต้น มีค่าเช่าวันละ 8 หมื่นบาท โดยแบ่ง เป็น 2 ช่วงเวลาคือ ช่วงเช้า 08.00 – 12.00 น. และ ช่วงบ่าย 12.00-16.00น.แต่ สนช. อาจใช้เวลาประชุมช่วงเวลา 10.00-17.00 น. จึงอาจขอต่อราคาค่าเช่าห้องประชุม ให้เหลือเพียงวันละ 60,000 บาท ทั้งนี้สัญญาเช่ามีระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่เดือน ม.ค.2562 ซึ่งจะรวมถึงการจัดประชุมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)นัดแรก ภายหลังการเลือกตั้งด้วย
สำหรับในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 นั้น แม้ สนช.เตรียมจะขอใช้สถานที่ โดยไม่มีค่าเช่า แต่ในการหารือ มีข้อท้วงติง ถึงเรื่องความสง่างามที่อาจถูกสังคมวิจารณ์ได้ว่า ประชุมกันในพื้นที่ค่ายทหาร ทำให้ สนช.จึงอาจใช้เป็นตัวเลือกสุดท้ายของการหาพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางกลุ่มไลน์ สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้แจ้งว่าในวันที่ 26 ธ.ค.2561 ที่ถนนหน้าอาคารรัฐสภา 1จะมีการจัดกิจกรรม “Big Cleaningสภาครั้งใหญ่” โดยจะเชิญสมาชิก สนช. บุคลากรของ 2 สำนักงานฯ ผู้ติดตาม ผู้ปฏิบัติงานในวงงาน รวมถึงสื่อมวลชน ร่วมกิจกรรม เพื่อเป็นการรวมพลังคนสภาทุกกลุ่มเป็นครั้งประวัติศาสตร์และเป็นครั้งสุดท้ายของสภาแห่งนี้ก่อนส่งมอบให้สำนักพระราชวังในปี 2562โดยมี นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือครูหยุยซึ่งได้รับมอบหมายจากนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ให้เป็นประธานฯจัดงานกิจกรรม เพื่อเป็นการรำลึกความหลังและเพื่อเป็นการส่งท้ายอาคารรัฐสภาอู่ทองใน
ทั้งนี้ สำหรับ อาคารรัฐสภา ถนนอู่ทองในนั้น เปิดใช้ทำการครั้งแรก เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2517 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2561รวมทั้งสิ้น 44 ปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี