13 ธ.ค.61 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ กกต.เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) โดยมี ผอ.กกต.จังหวัดจากทั่วประเทศเข้าร่วมการประชุม
โดย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า การจัดประชุมครั้งนี้เพื่อให้ ผอ.กกต.จังหวัด มีความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง โดยขณะนี้มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 51 ล้านคน มีหน่วยเลือกตั้งประมาณ 96,000 หน่วย ภารกิจแรกที่แต่ละจังหวัดต้องจัดเตรียม คือ ในจังหวัดจะมีหน่วยเลือกตั้งกี่หน่วย ที่ตั้งของหน่วยเลือกตั้งจะอยู่ในตำแหน่งใดบ้าง ซึ่งแต่ละหน่วยจะรองรับผู้มีสิทธิประมาณ 1,000 ราย
นอกจากนี้ ยังต้องเตรียมจัดทำป้ายไวนิลแนะนำตัวผู้สมัคร แผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่จะให้ผู้สมัครแต่ละคนนำป้ายขนาด A3 มาติดประกาศแนะนำตัว โดย ผอ.กกต.จังหวัด ต้องกำหนดสถานที่ให้ชัดเจน เช่น หน้าที่ว่าการอำเภอ หน้าศาลากลางจังหวัด รวมถึงนับจำนวนแผ่นป้ายของผู้สมัคร นอกจากนี้ ยังต้องจัดพิมพ์เอกสารแนะนำตัวผู้สมัครในเขตเลือกตั้ง นโยบายพรรค และพรรคเสนอชื่อบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรี นำมาเย็บเล่มเพื่อส่งให้ถึงทุกครัวเรือนที่มีสิทธิเลือกตั้ง ดังนั้น ผอ.กกต.จังหวัด ต้องเตรียมความพร้อม เพราะหาก กกต.ประกาศให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.62 ก็จะเหลือเวลาอีก 70 วัน
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวถึงการพิจารณารูปแบบบัตรเลือกตั้ง ว่า ขณะนี้ขั้นตอนยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน คาดว่าจะเสนอให้ กกต.พิจารณาได้ในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ไม่ว่า กกต.จะมีมติเลือกใช้รูปแบบใด สำนักงานก็ต้องบริหารจัดการให้ได้ อาจจะให้โรงพิมพ์ที่มีศักยภาพหลายแห่งเข้ามาพูดคุยถึงศักยภาพในการพิมพ์บัตร โดยจะให้ความสำคัญสูงสุดกับประเด็นการรักษาความปลอดภัยของบัตรเลือกตั้ง ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองเรียกร้องให้ใช้พรรคเดียวเบอร์เดียวนั้น หากต้องการให้แก้กฎหมายคงต้องใช้เวลา ในส่วนของ กกต.ต้องทำให้ดีที่สุดตามกฎหมายที่มีอยู่ สำหรับข้อเสนอที่ให้ใช้ ม.44 แก้กฎหมาย ไม่ใช่อำนาจของ กกต.จึงเป็นประเด็นที่ไกลเกินไปที่จะคิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้พรรคการเมืองและประชาชนกังวลต่อการทำงานของ กกต.นั้น พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ยืนยันได้ว่า กกต.ไม่มีการทุจริต ซึ่งเลือกตั้งเสร็จก็นับคะแนนที่หน่วย ไม่เหมือนอดีตที่จะมีการยกหีบบัตรลงคะแนนไปนับในสถานที่นับคะแนน ดังนั้น ผู้สังเกตการณ์จากทุกพรรคการเมือง และประชาชนก็สามารถตรวจสอบได้ที่หน่วยเลือกตั้ง และมีการรายงานผลจากหน่วยมายังส่วนกลางเลย จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลงผลคะแนน
ส่วนการสังเกตการณ์ของผู้สังเกตการต่างประเทศ กกต.มีโครงการไว้อยู่แล้วตามที่ประธาน กกต.ได้เคยให้สัมภาษณ์ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการขอมา แต่คิดว่ามีเข้ามาสังเกตการณ์อย่างแน่นอน ซึ่งปกติเวลา กกต.ได้รับเชิญให้ไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งในประเทศอื่นๆ เราก็จะไปดูว่ามีการลงคะแนน และการหาเสียงอย่างไร จะไม่เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในประเทศของเขา ซึ่งนี่คือกรอบของเราในการสังเกตการณ์ที่เราไปดู
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ กกต.ได้เสนอร่าง พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ให้มีการเลือกตั้งไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาและนำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งหากโปรดเกล้าฯ ในวันที่ 2 ม.ค.62 ตามที่เสนอ ก็จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.และหลัง พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง มีผลใช้บังคับแล้ว กกต.ก็จะกำหนดวันสมัครและวันเลือกตั้ง จากนั้นการหาเสียงของพรรคการเมืองและผู้สมัครก็จะต้องนำมาคิดเป็นค่าใช้จ่าย
"ในการประชุมระหว่าง กกต.กับพรรคการเมือง ในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ นอกจาก กกต.จะแจ้งว่าจะสนับสนุนอะไรได้บ้างแล้ว ก็จะหารือเรื่องค่าใช้จ่ายของผู้สมัครพรรคการเมืองควรเป็นเท่าใด จากเดิม 1.5 ล้านบาท จะขยับเป็น 2 ล้าน หรือ 2.5 ล้านบาท ร่วมถึงยังมีการหารือเรื่องการหาเสียงทางโซเชียลมีเดียด้วย" พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี