ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ นอกจากหลายคนจะวุ่นกับการจัดตารางพักผ่อนและเที่ยวแล้ว สิ่งหนึ่งที่อยู่ในรายการที่ต้องทำก็คือการมอบของขวัญให้กับคนที่รักหรือคนที่เคารพนับถือเพื่อแสดงความระลึกถึงกันด้วยจิตใจบริสุทธิ์ แต่ก็มีหลายกรณีที่การให้ของขวัญในช่วงเวลานี้ถูกใช้เพื่อแอบแฝงการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ทำให้มีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนออกมาประกาศงดรับของขวัญปีใหม่ หรือ No Gift Policy ซึ่งก็มีเสียงตอบรับทั้งชื่นชมและสงสัย ดังนั้น ศูนย์ทดลองการออกแบบสถาปัตยกรรมและกลไกสำนึกต่อสังคม หรือ SIAM-lab ของคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้การสนับสนุนของสภาวิจัยแห่งชาติ (วช.) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จึงมาอธิบายประเด็นนี้ครับ
การให้ของขวัญ (Gift-giving culture) ถือเป็นวัฒนธรรมรูปแบบหนึ่งที่มีการสืบทอดมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการให้ของขวัญในตะวันตกในวันคริสต์มาสและวันขอบคุณพระเจ้า ส่วนในเอเชียได้มีการยกระดับการให้ของขวัญเป็นมารยาท (Etiquette) อย่างหนึ่ง โดยเฉพาะในสังคมจีนที่มีการให้ของขวัญในโอกาสสำคัญๆ เช่น งานวันเกิด งานปีใหม่ การได้รับเชิญไปทานอาหารเย็นสุดพิเศษที่บ้านเพื่อน หรือแม้แต่การนัดเจรจาธุรกิจอย่างเป็นทางการ1 การให้และการรับของขวัญจึงถือเป็นข้อตกลงที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งมีความคาดหวังบางอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนในอนาคต
อะไรที่รับได้? และ รับอะไรไม่ได้? เป็นปัญหาสำคัญของการให้ของขวัญ เมื่อพบว่ามีการขัดกันของผลประโยชน์ ภายหลังหลายประเทศให้ความสำคัญกับความโปร่งใสของความสัมพันธ์มากขึ้น การให้ของขวัญได้กลายเป็นประเด็นการถกเถียงกันถึงเรื่องจริยธรรม ที่ส่วนหนึ่งมองว่าการกระทำในลักษณะนี้เป็นการให้ประโยชน์แบบต่างตอบแทน หากเป็นการให้ของขวัญกับเจ้าหน้าที่ของรัฐก็อาจจะเป็นการเข้าข่ายติดสินบนเจ้าพนักงาน หรือแม้แต่การมอบของขวัญของเจ้าหน้าที่รัฐด้วยกันเอง
1 https://www.thoughtco.com/chinese-gift-giving-etiquette-687452 การที่ผู้ใต้บังคับบัญชาให้ของขวัญแก่ผู้บังคับบัญชาก็อาจมองได้ว่าคาดหวังการปูนบำเหน็จความดีความชอบในอนาคต มากกว่าการแสดงออกซึ่งการขอบคุณหรือความมีน้ำใจ หรือแม้แต่การให้ของขวัญในภาคเอกชนเองก็ตาม หากเจ้านายให้ของขวัญแก่ลูกน้องบางคนเป็นพิเศษก็จะถูกมองว่ามีการเลือกปฏิบัติบางอย่าง
การให้ของขวัญจึงต้องมีการออกข้อกำหนดกำกับที่ชัดเจน โดยนิยมทำใน 2 ลักษณะ คือ หนึ่ง มุ่งจำกัดที่มูลค่าของขวัญ แต่ไม่ต้องแจ้งต่อต้นสังกัด แล้วปล่อยให้มีการตรวจสอบกันเอง หรือ สอง แจ้งสิ่งของที่ได้รับต่อหน่วยงานที่สังกัด แต่ไม่ได้จำกัดราคา เพื่อไม่ให้เป็นการขัดกันของผลประโยชน์ (Conflict of Interest) ที่
เจ้าหน้าที่ของรัฐจะใช้อำนาจของรัฐไปในการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ที่เคยให้ของขวัญเป็นการเฉพาะ
ในประเทศไทยได้มีการออกหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่รัฐ โดย ป.ป.ช. ตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งครอบคลุมเจ้าหน้าที่รัฐทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการการเมืองระดับชาติ/ท้องถิ่น พนักงานรัฐวิสาหกิจ ใจความสำคัญคือ การจำกัดการรับทรัพย์สินที่มีราคาหรือมูลค่ามากกว่า 3,000 บาท จนกว่าจะพ้นจากตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐ 2 ปี จึงจะสามารถรับของขวัญได้2 อันนำมาสู่การตั้งคำถามของสังคมต่อการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นๆในหลายกรณี
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าการพยายามกำกับการให้ของขวัญยังคงมีจุดอ่อนหลายอย่าง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบการไหลเวียนของทรัพย์สินของแต่ละคนได้ทั้งหมด ทำให้เกิดการรณรงค์ไม่รับของขวัญ หรือ No Gift Policy ขึ้น ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะภาคเอกชนนั้น องค์กร Corruption Watch มีข้อแนะนำว่า ควรเริ่มจากบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับกิจการสาธารณะสูงก่อน กล่าวคือ เป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐหรือให้บริการสาธารณะ แล้วค่อยขยายไปยังบริษัทอื่นๆ3 นอกจากนั้น No Gift Policy ยังเป็นการปิดช่องว่างทางวัฒนธรรมที่มักเปิดช่องให้มีสามารถมอบของขวัญตามประเพณีได้
No Gift Policy ในไทยได้เริ่มมีการใช้อย่างจริงจังในปลายปี 2558 เนื่องมาจากการที่บริษัทยักษ์ใหญ่และหน่วยงานภาครัฐมักจะใช้การมอบของขวัญปีใหม่ช่วงชิงพื้นที่ข่าว อีกทั้งมูลค่าของขวัญอาจเบี่ยงเบนความสนใจของสื่อสารมวลชนที่ไม่กล้าที่จะทำข่าวเชิงลบกับองค์กรที่มอบของขวัญให้ แม้สมาคมวิชาชีพสื่อจะมีแถลงการณ์เรื่องการรับของขวัญ
2 https://www.nacc.go.th/article_attach/manual103.pdf
3 https://www.corruptionwatch.org.za/corporate-gifts-acceptable-practice-vs-corruption/แต่ก็ไม่เกิดผลกระทบในวงกว้างมากนัก จนกระทั่งเอกชนขนาดใหญ่ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานภาครัฐได้ออก No Gift Policy ในปลายปี 25584 บางบริษัทได้มีการนำเอาหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินของ ป.ป.ช. ราคาไม่เกิน 3,000 บาท ไปใช้ในบริษัท และได้มีการกำหนดให้การมอบของขวัญนั้นต้องเป็นสินค้าจากองค์กรหรือเป็นสินค้าที่ใช้เป็นสื่อประชาสัมพันธ์ของบริษัทเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีการกำหนดมาตรฐานการให้ของขวัญเพื่อไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติ5
ภายใต้การผลักดันของแนวร่วมปฏิบัติการภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (Private Sector Collective Action Coalition Against Corruption: CAC)6 และ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)7 ที่ได้ขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในการรณรงค์งดการให้ของขวัญในช่วงปีใหม่ ส่งผลให้การรณรงค์ไม่รับของขวัญในช่วงปีใหม่สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างไปยังหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน รัฐวิสาหกิจอย่างธนาคารกรุงไทย และอื่นๆอีกหลายหน่วยงาน ที่ได้ประกาศเจตนารมณ์ No Gift Policy โดยยึดเอาช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นหมุดหมายสำคัญในการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าน่าจะสามารถลดการขัดกันของผลประโยชน์และยกระดับการสร้างความโปร่งใสในวงกว้างได้ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันในลักษณะอื่นๆ ที่มีความซับซ้อนมากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิผล
ดังนั้นปีใหม่ปีนี้หากผู้อ่านวางแผนจะไปมอบของขวัญให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐหรือเอกชนใดที่ประกาศนโยบาย No Gift Policy แล้ว หรือ หน่วยงานใดที่ท่านอาจเข้าไปอยู่ในสถานการณ์การขัดกันของผลประโยชน์ได้ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นคำพูดสวัสดีปีใหม่จากใจ หรือ เขียน ส.ค.ส. แสดงความปรารถนาดีไปได้นะครับ
4 https://www.isranews.org/isranews-scoop/43520-report00_43520.html
5 http://www.irpc.co.th/th/pdf/CG/policy/2017-No-Gift-Policy_TH.pdf
6 http://www.pttplc.com/th/About/Documents/No%20gift%20policy%20CEO%20TH.pdf
7 https://mgronline.com/qol/detail/9610000117494
อดิศักดิ์ สายประเสริฐ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี