เมื่อทราบกันแล้วว่าคุณสมบัติและข้อห้ามของผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ขั้นตอนต่อไปสำหรับผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนและไม่ติดข้อห้าม “กรณีต้องการสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.แบบแบ่งเขต” กฎกติกาตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 87 กำหนดให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ต้องเป็นผู้ซึ่งพรรคการเมืองที่ตนเป็นสมาชิกส่งสมัครรับเลือกตั้ง และจะสมัครรับเลือกตั้งเกินหนึ่งเขตมิได้
ทั้งนี้ต้องย้ำว่า “เมื่อมีการสมัครรับเลือกตั้งแล้ว ผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือพรรคการเมืองจะถอนการสมัครรับเลือกตั้งหรือเปลี่ยนแปลงผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ เฉพาะกรณีผู้สมัครรับเลือกตั้งเสียชีวิต หรือขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามเท่านั้น” และต้องกระทำก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง ส่วน “การสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. แบบบัญชีรายชื่อ”รธน. 2560 มาตรา 90 กำหนดให้พรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัคร สส. แบบแบ่งเขตให้เรียบร้อยเสียก่อนจึงจะส่งผู้สมัคร สส. แบบบัญชีรายชื่อได้
สำหรับวิธีส่งผู้สมัคร สส. แบบบัญชีรายชื่อ “ให้พรรคการเมืองจัดทำบัญชีรายชื่อพรรคละ 1 บัญชี โดยผู้สมัครรับเลือกตั้งของแต่ละพรรคการเมืองต้องไม่ซ้ำกัน และไม่ซ้ำกับรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง” ซึ่งพรรคการเมืองต้องส่งบัญชีรายชื่อดังกล่าวให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง “การจัดทำบัญชีรายชื่อดังกล่าวต้องให้สมาชิกของพรรคการเมืองมีส่วนร่วมในการพิจารณาด้วย” โดยต้องคำนึงถึงผู้สมัครรับเลือกตั้งจากภูมิภาคต่างๆ และความเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิง
“รธน. 2560 ยังมีความพิเศษตรงที่กำหนดให้พรรคการเมืองเสนอชื่อบุคคลเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี” โดยระบุไว้ใน มาตรา 88 ในการเลือกตั้งทั่วไป “ให้พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแจ้งรายชื่อบุคคลซึ่งพรรคการเมืองนั้นมีมติว่าจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไม่เกิน 3 รายชื่อต่อ กกต. ก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง และให้ กกต. ประกาศรายชื่อบุคคลดังกล่าวให้ประชาชนทราบ” ทั้งนี้ให้นำความในมาตรา 87 (ว่าด้วยเงื่อนไขการถอนหรือเปลี่ยนแปลงผู้สมัครรับเลือกตั้ง) มาใช้บังคับโดยอนุโลม
อย่างไรก็ตาม รธน. 2560 มาตรา 88 ไม่บังคับว่าทุกพรรคต้องส่งรายชื่อบุคคลที่พรรคต้องการเสนอให้เป็นนายกฯ แต่ถ้าพรรคใดจะเสนอ มาตรา 89 กำหนดว่า “1.ต้องมีหนังสือยินยอมของบุคคลซึ่งได้รับการเสนอชื่อ โดยมีรายละเอียดตามที่ กกต. กำหนด 2.ผู้ได้รับการเสนอชื่อต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นรัฐมนตรีตามมาตรา 160 และไม่เคยทำหนังสือยินยอมตามข้อ 1 ให้พรรคการเมืองอื่นในการเลือกตั้งคราวนั้น” ทั้งนี้การเสนอชื่อบุคคลใดที่มิได้เป็นไปตามข้อกำหนดข้างต้น ให้ถือว่าไม่มีการเสนอชื่อบุคคลนั้น
สำหรับ “คุณสมบัติและข้อห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี (ซึ่งนายกฯ ก็คือรัฐมนตรีเช่นกัน)” ตาม รธน. 2560 มาตรา 160 กำหนดไว้ดังนี้ 1.มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 2. มีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี 3.สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า 4.มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ 5.ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 6.ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 (ว่าด้วยข้อห้ามบุคคลที่ไม่สามารถสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. ได้)
7.ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท 8.ไม่เป็นผู้เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุกระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 186 หรือมาตรา 187 (ว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์) มาแล้วยังไม่ถึง 2 ปีนับถึงวันแต่งตั้ง!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี