นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช หรือ จ๊อบ ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย ในฐานะว่าที่ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าสู่สนามการเมือง จากบทบาทนักประชาสังคมสงเคราะห์สู่เส้นทางนักการเมือง เพื่อหวังเป็นกระบอกเสียงในการแก้ไขปัญหาเหยื่อแชร์ลูกโซ่
l สิ่งที่ทำให้ก้าวสู่สนามการเมือง ?
ปัจจุบันผมดำรงตำแหน่งกรรมการรณรงค์หาเสียงการเลือกตั้ง และอนุกรรมการติดตามประเด็นการหาเสียง ขอพรรค พปชร. และสิ่งที่ทำให้อยากเข้ามาในแวดวงทางการเมืองนั้น เพราะเราได้รับการคาดหวังจากพี่น้องประชาชนที่กลายเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่ และประชาชนทั่วไป ที่เล็งเห็นว่าคนไทยโดนโกงมาอย่างช้านาน และรัฐบาลยังไม่มีมาตรการใดเข้ามาดูแลและเยียวยากลุ่มคนเหล่านี้ ที่ผ่านมาเราได้สู้กันในฐานะภาคประชาชน หรือภาคประชาสังคม มาตลอด 4 ปี ปีนี้กำลังเข้าสู่ปีที่ 5 ของการต่อสู้เพื่อช่วยเหลือเหยื่อแชร์ลูกโซ่
เราเดินเข้าหาทุกหน่วยงาน ทั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ไปขอให้มีการแก้กฎหมายเพื่อช่วยเหลือเยียวยา รวมทั้งศูนย์ร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล รวมไปถึงร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) แต่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่า เรื่องนี้ต้องทำภายใต้กฎหมายเท่านั้น ดังนั้น พอเราเข้าใจข้อเท็จจริงแล้วว่าวันนี้กฎหมายที่บังคับใช้เอาผิดกับเหยื่อ หรือใช้ลงโทษต่อผู้กระทำผิดแชร์ลูกโซ่ โดยเฉพาะมิจฉาชีพนั้น โทษเบาบางมาก เพราะกฎหมายที่ออกมานั้น เขาออกแบบมานานแล้ว ดังนั้น การที่กฎหมายได้เขียนออกแบบมานานแล้ว ไม่ได้คำนึงถึงว่าปัจุบัน มิจฉาชีพได้พัฒนาการอย่างรวดเร็ว หลอกสร้างความเสียหายกับประชาชน โดยมียอดผู้เสียหายเริ่มจากแสนคน จนปัจจุบันกระทบไปสู่จำนวนล้านคนที่เกิดความเสียหาย ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติหลายแสนล้านบาท
ซึ่งในประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลก เขาจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นลำดับต้นๆ เพราะถือว่าปัญหาเหยื่อแชร์ลูกโซ่ เป็นปัญหารูปแบบอาชกรรมทางเศรษฐกิจ ทุกประเทศจะมีมาตรการในการป้องกัน วันนี้เราเห็นว่า ถ้าเรายังปล่อยปละละเลยปัญหานี้ไว้ คนไทยอาจจะถูกโกงทั้งแผ่นดิน พอคนไทยถูกโกงทั้งแผ่นดิน ทำให้ประชาชนในชาติมองเรื่องการโกงโดยระบบนี้เป็นเรื่องปกติ เขาก็จะต้องแสวงหาการเอาตัวรอด ในเมื่อเขาโกงได้ ก็ทำให้คนอื่นคิดว่าเขาก็อาจจะโกงได้ด้วย เพราะฉะนั้น ทั้งนักการเมือง หรือข้าราชการที่เราเห็นว่าเขาโกงตั้งแต่ในอดีต และยังโกงมาอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ทำไมเราถึงปราบโกงคนเหล่านี้ไม่ได้
l มีความตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ไขระบบกฎหมายเกี่ยวกับการฉ้อโกงอย่างจริงจัง ?
พี่น้องประชาชนคาดหวังมากในตัวเรา และเชื่อว่าผมจะทำและแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้เขาได้ ฉะนั้นสิ่งที่ทำให้เราได้รับแรงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน เราถึงอาสาเข้ามาสู่เวทีการเมือง เพื่อที่จะเป็นนักการเมือง เข้าสู่สภาฯ เพื่อออกกฎหมายคุ้มครองคนไทยให้ไม่ถูกโกง และเหยื่อแชร์ลูกโซ่ที่ถูกโกงจะต้องได้รับเงินคืน
ก่อนหน้านี้ยอมรับว่ามีหลายพรรคการเมืองติดต่อผมมา ทั้งพรรคการเมืองใหญ่ในอดีต และพรรคการเมืองใหม่ในปัจจุบัน มีหลายพรรคทาบทาม ก็ใช้เวลาในการตัดสินใจนานอยู่พอสมควร แต่ในที่สุดเราคาดหวังว่าประชาชนที่สนับสนุนผมจะต้องได้รับการดูแล จึงพิจารณาแล้วเล็งเห็นว่า พรรค พปชร.เรามีบุคลากรที่มีคุณภาพ ผู้ใหญ่หลายท่านชักชวนผมเข้ามาและให้คำมั่นว่าจะดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม
สิ่งที่ผมชอบในนโยบายของพปชร.มีคำพูดหนึ่งที่บอกว่า “จะไม่ทิ้งคนไทยคนใดไว้ข้างหลัง” ดังนั้นเมื่อเหยื่อของแชร์ลูกโซ่มีจำนวนหลายล้านคน ผมจึงคิดว่าพรรคพปชร.จะเริ่มเรื่องนี้แล้วเอามาเป็นนโยบายของพรรคในการหาเสียงด้วย
l จะแก้ไขระบบหรือช่องโหวทางกฎหมายนี้อย่างไร ?
ต่อไปนี้เราจะต้องเขียนกฎหมายให้มิจฉาชีพเกรงกลัว ไม่คิดจะมาเอาเปรียบคนในชาติ วันนี้มิจฉาชีพดีดเครื่องคิดเลขมาแล้วว่า ถ้ากฎหมายยังเป็นอย่างนี้อยู่เขาคุ้ม ต่อให้เขาติดคุกออกมาก็ยังมีเงิน หรือถ้ากฎหมายยังเป็นแบบนี้อยู่เขาไม่ต้องติดคุกก็ได้ เขาแค่หนีให้อายุความหมด พออายุความก็กลับมาใช้เงิน นี่คือสิ่งที่ผมบอกว่ากฎหมาย เอื้อให้ผู้ต้องหากระทำความผิด
ต้องยอมรับว่าประชาชนคนไทยมีหลายความรู้ หลายชนชั้น มีหลายอาชีพ คนที่จะถูกหลอกเป็นจำนวนมากส่วนใหญ่คือ คนต่างจังหวัด ยิ่งคนภาคอีสาน ที่มีพื้นเพเชื่อคนง่ายอยู่แล้ว รักใครรักจริง เขาไม่เชื่อว่ามิจฉาชีพจะมาหลอกเขา เช่น โครงการพันให้ล้าน ที่อ้างว่าเป็นเงินยูเอ็น ชาวบ้านก็คิดว่าลงหนึ่งพันแล้วจะได้หนึ่งล้าน เขาก็ลงทุน ล่าสุดเรื่องนี้มีผู้เสียหาย 70,000 กว่าคน และหน่วยงานของรัฐก็ไปดำเนินการจับกุมแล้ว
สิ่งที่ผมทำสำเร็จแล้วคือ การเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รับเรื่องนี้มาเป็นวาระแห่งชาติ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ที่เราทำทั้งหมดเราใช้เงินส่วนตัวทำและยังมองไปถึงการให้องค์ความรู้กับประชาชน โดยใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัวในการให้ความรู้ เพราะการให้ความรู้เป็นสิ่งป้องกันต้นเหตุได้ดีที่สุด เราร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัด 15 จังหวัดทั่วประเทศ โดยเชิญกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มาเป็นผู้รับฟังให้รับรู้ถึงรูปแบบวิธีการแก้ปัญหาแชร์ลูกโซ่ เพราะกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้นำ ถ้ากำนัน 1 คน ตกเป็นเหยื่อเพียงคนเดียว ก็จะตกเป็นเหยื่อทั้งตำบล และถ้าผู้ใหญ่บ้านตกเป็นเหยื่อเพียง 1 คน ชาวบ้านก็ตกเป็นเหยื่อทั้งหมู่บ้าน
สุดท้ายนี้ ผมในฐานะหน่วยงานภาคประชาชนออกงบประมาณให้ โดยเชิญหน่วยงานราชการทุกหน่วยงานเข้ามาบูรณาการร่วมกันตามหลักโครงการประชารัฐ เรามีวิทยากรจากทุกหน่วยงานมาร่วมกันที่ศาลากลางจังหวัดแล้วให้องค์ความรู้ สะท้อนให้เห็นว่าเราทำมาตลอด และไม่ได้เพิ่งเริ่มทำ แต่เราทำในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่รักแผ่นดินถิ่นเกิด วันนี้ผมถึงเสียสละที่จะมาเป็นนักการเมือง เป็นกระบอกเสียงให้กับพี่น้องประชาชนในการแก้กฎหมายคุ้มครองให้คนไทยทั้ง 70 ล้านคน ต้องไม่โดนโกง คนไทยคนไหนโดนโกงแล้วจะต้องได้รับเงินคืนเพราะไม่งั้นประเทศจะก้าวไปข้างหน้าไม่ได้และจะมีแต่คนถูกโกงนั้นคือสิ่งที่เราขออาสามาทำหน้าที่ตรงนี้เพราะเราเข้าใจปัญหานี้ดีและจะต้องปกป้องคนไทยไม่ให้ถูกโกง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี