“จาตุรนต์”ปัด พท.-ทษช.ฮั้วพื้นที่ส่งสมัครส.ส. ชี้ประชาชนมีดุลพินิจในการเลือก ย้ำพรรคเป็นฝ่ายค้านหาก พปชร.ได้เป็นแกนนำจัดรัฐบาล เรียกร้องประชาชนเลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อจับมือเสนอชื่อนายกฯยุติสืบทอดอำนาจ คสช.
5 ก.พ.62 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์คณะกรรมการรณรงค์หาเสียงพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) กล่าวถึงการที่พรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัคร ส.ส.ในระบบเขต 250 คน และพรรคไทยรักษาชาติส่ง 150 เขตเลือกตั้ง ซึ่งจะมีการทับซ้อนของพื้นที่ประมาณ 50 เขตเลือกตั้ง ว่า ในกรณีที่ทับซ้อนคิดว่าประชาชนจะพิจารณาเองว่าควรจะเลือกอย่างไร จึงจะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายประชาธิปไตย โดยประชาชนคงจะดูว่าใครมีความเป็นไปได้แค่ไหน และจะมีผลต่อภาพรวมของฝ่ายประชาธิปไตย คิดว่าเมื่ออยู่ในแต่ละเขตเลือกตั้ง ประชาชนจะทำความเข้าใจในเวลาอันสั้นๆ ทั้งกรณีที่มีผู้สมัครซ้ำกัน และส่งไม่ซ้ำกัน
“อยากย้ำว่าการส่งไม่ซ้ำกันระหว่างเพื่อไทยและไทยรักษาชาติ ที่ไปใช้คำว่าฮั้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่ว่าหากพรรคไทยรักษาชาติไม่ส่งแล้ว จะมีผลทำให้ประชาชนไปลงคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทยพรรคเดียว เพราะในแต่ละเขตยังมีผู้สมัครของพรรคอื่นอีก 30-40 พรรค ประชาชนจะใช้ดุลพินิจว่าจะเลือกใคร ในทางกลับกันถ้าพื้นที่ไหนพรรคเพื่อไทยไม่ส่ง แล้วมีพรรคไทยรักษาชาติลง ก็ไม่ได้หมายความว่าพรรคเพื่อไทยจะไปทำให้พรรคไทยรักษาชาติได้รับการเลือกตั้งไปเลย เพราะยังมีผู้สมัครของพรรคการเมืองอื่นอีกหลายสิบพรรคในเขตเลือกตั้งนั้น ดังนั้นคำว่าฮั้วที่ใช้กับการประมูล จึงเป็นคนเรื่องกับกรณีนี้ และในทางการเมืองในประเทศต่างๆเขามีการตกลงกันล่วงหน้าด้วยซ้ำว่าเขาจะส่งใคร จะให้พรรคไหนเป็นแกนนำและใครจะเป็นนายกฯ” นายจาตุรนต์ กล่าว
นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า อยากให้ลองนึกภาพเมื่อเข้าไปในสภา ไม่ใช่แต่ละพรรคก็เสนอแคนดิเดตของพรรคตัวเอง และสมาชิกของแต่ละพรรคก็ยกมือให้กับแคนดิเดตนายกฯของพรรคตัวเอง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นในสภาไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะชนะทันที เพราะมี 250 เสียงในกระเป๋า สุดท้ายต้องตกลงกันว่าจะให้แกนนำพรรคไหนเป็นนายกฯ ฉะนั้นสุดท้ายพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ก็ต้องยกมือให้แคนดิเดตนายกฯเพียงคนเดียว จึงจะสามารถสู้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ ส่วนจะเป็นใครยังไม่ได้มีการตกลงกันล่วงหน้า จะเป็นแคนดิเดตพรรคใหญ่พรรคเล็ก ก็ยังไม่ได้มีการตกลงกัน
“พรรคฝ่ายประชาธิปไตยต้องหารือกัน และถ้าพรรคส่วนใหญ่ซึ่งต้องรวมกันให้ได้ 376 เสียง ต้องการได้แคนดิเดตนายกฯจากพรรคไหน ก็จะเป็นพรรคนั้น ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นพรรคเล็ก พรรคใหญ่ แต่โดยหลักการแล้วพรรคที่ได้ฉันทานุมัติมาจากประชาชน ควรจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและควรเป็นคนเริ่มต้น สมมติว่าพรรคพลังประชารัฐได้เสียงมาเป็นอันดับ 1 เขาก็จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่พรรคไทยรักษาชาติก็จะเป็นฝ่ายค้าน ไม่ได้หมายความว่าเขาได้รับสนับสนุนมาก แล้วเราจะไปเข้าร่วม ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้” นายจาตุรนต์ กล่าว
นายจาตุรนต์ กล่าวด้วยว่า แต่ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยได้เสียงข้างมากเกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎรก็จะมีการหารือกัน และพรรคที่มีเสียงอันดับ1 จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่เนื่องจากจะต้องมีเสียงสนับสนุน 376 เสียง จึงจะจัดตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นเราจึงต้องรับฟังเสียงจากพรรคต่างๆ ที่ตนพูดเช่นนี้เพราะหัวหน้าพรรคก็บอกแล้วว่าคาดการณ์ว่าจะได้ส.ส. 50-60 คน ก็แสดงว่าพรรคไทยรักษาชาติ ไม่ใช่พรรคได้รับการเลือกตั้งอันดับ 1 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะตัดพรรคไทยรักษาชาติออกจากความเป็นไปได้ในการเป็นนายกฯ เพราะในอดีต ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้รับคะแนนเสียง 18 เสียง ก็ยังเป็นนายกฯ และนายมหาเธร์ ก็ได้ไม่ถึง 15 เสียง ก็ได้เป็นนายกฯ ฉะนั้นไม่แน่นอน แต่หลักการคือฝ่ายประชาธิปไตยสนับสนุนกันแน่ในการตั้งรัฐบาล ซึ่งก็อยากจะเรียกร้องประชาชนให้เลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเพื่อที่จะได้หยุดการสืบทอดอำนาจ คสช.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี