ครม.อนุมัติจัดสรรอัตรากำลังตำรวจเพิ่ม 5,970 นาย รับภารกิจชายแดนใต้-ถวายความปลอดภัย
12 ก.พ.62 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติการจัดสรรอัตราข้าราชการตำรวจตั้งใหม่ให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น 5,970 อัตรา ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ 4/2561 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 และครั้งที่ 6/2561 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561 ตามที่สำนักงาน ก.พ.ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ โดยมีสาระสำคัญ
1. สำนักงาน ก.พ.ในฐานะกรรมการและเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.)เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการจัดสรรอัตราข้าราชการตำรวจตั้งใหม่ให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) จำนวน 5,970 อัตรา ตามมติ คปร. ในการประชุมครั้งที่ 4/2561 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 และครั้งที่ 6/2561 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561
2.โดยที่กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2562 ได้มีการเปลี่ยนชื่อส่วนราชการระดับกองบังคับการ จากเดิม “กองบังคับการถวายความปลอดภัยและปฏิบัติการพิเศษ” เป็น“กองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904” เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจหลักที่ได้รับมอบหมายโดยตรง ดังนั้น ในขั้นตอนการจัดสรรอัตราข้าราชการตำรวจตั้งใหม่ เพื่อรองรับภารกิจด้านการถวายความปลอดภัย และการจัดสรรงบประมาณเพื่อรองรับอัตรากำลังดังกล่าว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงาน ก.พ. สำนักงบประมาณและสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการให้เป็นไปตามนัยข้อกฎหมายดังกล่าวด้วย
สำหรับการจัดสรรอัตรากำลังเพิ่มสามารถสรุปจำแนกตามภารกิจได้ ดังนี้ 1.เพื่อรองรับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจาก 2.1 ตำรวจมั่นคงหมวดเฉพาะกิจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ สังกัดตำรวจภูธรภาค 9 ต้องเข้าไปดำเนินภารกิจในพื้นที่ที่ฝ่ายทหารได้ถอนกำลังตามยุทธศาสตร์ความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ 2.2 ตำรวจตระเวนชายแดนกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 เพื่อให้มีอัตรากำลังเพียงพอในการสับเปลี่ยนหมุนเวียน ปฏิบัติภารกิจ จำนวน 4,700 อัตรา จากจำนวน 4,700 อัตรา ที่ตช.ขอ
2.เพื่อรองรับภารกิจด้านการถวายความปลอดภัย ตามที่ได้มีการจัดตั้งกองบังคับการถวายความปลอดภัย และปฏิบัติการพิเศษ จำนวน 1270 อัตรา จากจำนวน 1615 อัตรา ตามที่ ตช.ขอ