วันพุธ ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
4พรรคเห็นพ้อง‘บัตรทอง30บาท’ต้องเดินหน้า

4พรรคเห็นพ้อง‘บัตรทอง30บาท’ต้องเดินหน้า

วันอังคาร ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562, 06.00 น.
Tag : คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคพลังประชารัฐ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
  •  

หากถามว่า “นับตั้งแต่ที่ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยมากว่า 8 ทศวรรษ นโยบายใดที่สร้างความเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินที่สุด?” เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนต้องตอบว่า “30 บาทรักษาทุกโรค” อย่างแน่นอน เพราะเป็นนโยบายที่ “เปิดความหวังให้กับคนธรรมดาสามัญอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”จากในอดีตที่หากเป็นคนทั่วไปไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง เมื่อตนเองหรือสมาชิกสักคนหนึ่งในครอบครัวล้มป่วยก็แทบสิ้นเนื้อประดาตัว เป็นหนี้สิน หรือแม้แต่ต้องปล่อยให้เสียชีวิตไปอย่างน่าเวทนาแก่ผู้ได้รับทราบเรื่องราว

อย่างไรก็ตาม จากการเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้ง่ายขึ้น “งบประมาณอุดหนุนรายจ่ายของรัฐก็เพิ่มขึ้นทุกปี และบุคลากรทางการแพทย์ก็รับภาระหนักขึ้นด้วยเช่นกัน” หลายโรงพยาบาลระบุว่านอกจากไม่มีกำไรยังเสี่ยงขาดทุน ผู้ป่วยเองก็ต้องรอคิวนานชนิดไปจองกันตั้งแต่เช้ามืดกว่าจะได้ตรวจก็รอไปเกือบเที่ยงหรือไปถึงช่วงบ่าย นำไปสู่การโยนหินถามทางจากบางฝ่ายว่า “ควรมีระบบร่วมจ่ายกันดีไหม?- ให้เฉพาะคนมีรายได้น้อยดีหรือเปล่า?” จะได้ลดคนมาแออัดในโรงพยาบาลบ้าง หรืออย่างน้อยก็มีรายได้มาอุดหนุนอีกทางหนึ่ง


เมื่อเร็วๆ นี้ที่โรงละครเคแบงก์สยามพระพิฆเนศ ย่านสยามสแควร์ กรุงเทพฯ มีการจัดสัมมนาเรื่อง “ผ่าแนวคิดพรรคการเมือง อนาคตสุขภาพคนไทย” โดยมีตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วมจำนวน 4 พรรค ประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย (พท.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรคอนาคตใหม่ (อ.น.ค.) ร่วมแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายด้านสาธารณสุข รวมถึงอนาคตของหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าด้วย

เริ่มกันที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานฝ่ายยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในฐานะที่อยู่ร่วมทำงานในวันเริ่มโครงการบัตรทอง 30 บาท เมื่อ 17 ปีก่อน วันนี้ต้องย้ำ “หลักคิดเรื่องสิทธิในการรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึงและทัดเทียมต้องคงอยู่” จากในอดีตที่คนยากจนจะมีบัตรที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “บัตรอนาถา” ซึ่งทำให้เกิดการ “แบ่งระดับชั้น” ในทุกเรื่องทั้งการรอคิว คุณภาพยา กระบวนการรักษา

แต่เมื่อมีโครงการบัตรทอง 30 บาทเกิดขึ้น ไม่ว่าองค์การสหประชาชาติ (UN) องค์การอนามัยโลก (WHO) ธนาคารโลก (World Bank) ต่างเห็นพ้องเป็นเสียงเดียวกันว่า “การที่คนคนหนึ่งได้รับการรักษาพยาบาลจากอาการป่วย มีสุขภาพดีเขาก็จะเป็นกำลังแรงงานสร้างผลผลิตให้ประเทศชาติได้” และการที่ยึดหลักความเท่าเทียมจะส่งผลให้ไม่ว่ายากดีมีจนทุกคนก็จะได้รับการรักษาในมาตรฐานเดียวกันไม่มีแบ่งแยก

ส่วนเรื่องรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ มองว่าเป็นเพราะการบริหารผิดเพี้ยนไปจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ว่า “สร้างสุขภาพดี” (Health Care) คืนโรงพยาบาลให้ชุมชนกับบุคลากรทางการแพทย์ทำงานร่วมกัน จัดงบรายหัวลงไปเน้นภารกิจป้องกันโรค โดยเฉพาะ“ไขมัน - ความดัน - เบาหวาน” เพราะป่วยมาแล้วมีอาการเรื้อรังบวกโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ต้องเสียค่ารักษามาก แต่ต่อมากลับไปเน้น “ดูแลคนป่วย” (Sick Care) เวลาจัดงบประมาณก็ดูว่าพื้นที่ไหนมีผู้ป่วยมากก็ได้งบประมาณมาก กลายเป็นงบก็บานปลายแถมภาระของโรงพยาบาลก็มากขึ้นไปด้วย

ขณะที่ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็กล่าวเช่นกันว่า “เรามาไกลแล้วกับนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จึงไม่เห็นด้วยกับการย้อนกลับไปจำกัดเฉพาะผู้มีรายได้น้อย” อีกทั้งแม้จะเป็นคนร่ำรวยหากเจ็บไข้ได้ป่วยหนักๆ ก็อาจทำให้ล้มละลายได้ นอกจากนี้ “จริงๆ ประชาชนก็ร่วมจ่ายอยู่แล้ว แต่เป็นการจ่ายล่วงหน้าผ่านระบบภาษี” คนมีมากจ่ายมากทั้งภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม คนมีน้อยก็จ่ายเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่มีความท้าทายคือ 1.ครอบคลุมหรือไม่? 2.เข้าถึงเพียงใด?และ 3.คุณภาพเป็นอย่างไร?

นายสุวิทย์ เสนอแนะสิ่งที่ควรทำต่อไป อาทิ 1.ทำระบบจัดซื้อยาร่วม แทนที่จะให้แต่ละโรงพยาบาลไปซื้อกันเองซึ่งจะต้องจ่ายในราคาแพงกว่า 2.ยกระดับสถานพยาบาลและบุคลากรสาธารณสุขของชุมชน เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) เพื่อเป็นด่านแรกในการดูแลสุขภาพประชาชนเบื้องต้น ลดปัญหาโรงพยาบาลแออัด 3.มีมาตรการจูงใจให้คนรักษาสุขภาพ เช่น ใครไม่ป่วยมีสุขภาพแข็งแรงสามารถนำไปเป็นเกณฑ์ลดหย่อนภาษีได้ เป็นต้น

ด้านนักการเมืองหนุ่มที่กระแสมาแรงในหมู่วัยรุ่น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เสนอแนะว่า 1.การจัดสรรงบประมาณต้องลงไปยังโรงพยาบาลระดับท้องถิ่นมากขึ้น วันนี้หลายโรงพยาบาลมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ประชาชนต้องเดินทางเข้ามารับบริการที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ในเมือง ดังนั้นรัฐควรจัดสรรงบประมาณเน้นไปที่โรงพยาบาลระดับอำเภอจะดีกว่า

2.กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพราะท้องถิ่นจะมีบทบาทมากในงานด้านป้องกันโรค หน่วยงานท้องถิ่นอยู่ใกล้ประชาชนที่สุดจึงมีพลังในการรณรงค์ในพื้นที่มากที่สุด 3.นำเทคโนโลยีมาช่วย เช่น วันนี้
โทรศัพท์มือถือที่ใช้กันอยู่เป็นแบบสมาร์ทโฟนสามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้ อาทิ วัดชีพจร วัดความดัน หากทำให้ อสม. ใช้เครื่องมือเหล่านี้ตรวจสุขภาพเบื้องต้นกับประชาชนก็จะช่วยลดความจำเป็นในการเข้ามาแออัดในโรงพยาบาล เพราะที่ผ่านมาประชาชนหลายคนเดินทางไปโรงพยาบาลเพียงเพื่อตรวจสุขภาพเบื้องต้นแล้วรับยาเท่านั้น

ปิดท้ายกันที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ก้าวต่อไปของหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า สิ่งที่ต้องปรับปรุงคือ 1.แก้ไขระเบียบการขอรับงบประมาณ ที่ผ่านมา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งมีคณะกรรมการจากผู้เชี่ยวชาญหลายแขนง คำนวณความจำเป็นเพื่อของบประมาณแล้วไม่ค่อยได้ตามที่ขอ ส่งผลกระทบต่อการให้บริการกับประชาชน 2.มาตรการเฉพาะรับมือโรคเรื้อรังที่มีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งมีไม่กี่โรค เช่น ความดัน เบาหวาน มะเร็ง ไต หัวใจ ต้องมีการระดมทุนเพื่อมาดูแลในส่วนนี้

3.ปฏิรูประบบภาษี เพราะปัจจุบันยังไม่สามารถจัดเก็บรายได้ที่ควรเก็บได้อย่างสมบูรณ์ 4.ต้องดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมด้วย เพราะที่ผ่านมาสถานพยาบาลเอกชนดึงทรัพยากรจากสถานพยาบาลของรัฐไปมาก 5.ปลดล็อกศักยภาพหน่วยงานระดับท้องถิ่น ให้จัดทำบริการสาธารณะได้หลากหลาย สืบเนื่องจากหลายพื้นที่ผู้บริหารมีความคิดดีๆ แต่ไม่กล้าทำเพราะกลัวผิดระเบียบราชการ 6.รวมฐานข้อมูลสุขภาพ จะมีประโยชน์ในการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาล และ 7.หากจะให้ประชาชนจ่ายต้องจ่ายเฉพาะกรณีภาษีบาป หมายถึงสินค้าที่บั่นทอนสุขภาพเท่านั้น

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'โฆษก พปชร.\'ท้า\'นายกฯอิ๊งค์\' เปิดข้อมูลภารกิจเยือน\'ลอนดอน\' 'โฆษก พปชร.'ท้า'นายกฯอิ๊งค์' เปิดข้อมูลภารกิจเยือน'ลอนดอน'
  • ไม่อยากรู้‘อิ๊งค์’รวย! ‘โฆษก พปชร.’งงตรรกะ‘ภูมิธรรม’ แจงภารกิจ‘นายกฯ’บินอังกฤษ ไม่อยากรู้‘อิ๊งค์’รวย! ‘โฆษก พปชร.’งงตรรกะ‘ภูมิธรรม’ แจงภารกิจ‘นายกฯ’บินอังกฤษ
  • ไม่วางมือทางการเมือง ‘สุดารัตน์’สู้! ขอโทษที่มีงูเห่าในพรรค ไม่วางมือทางการเมือง ‘สุดารัตน์’สู้! ขอโทษที่มีงูเห่าในพรรค
  • พปชร.ตั้งทีมเศรษฐกิจ \'ธีระชัย\'นำทัพ!ลุยแก้ปัญหาปากท้องลงมือทำจริง พปชร.ตั้งทีมเศรษฐกิจ 'ธีระชัย'นำทัพ!ลุยแก้ปัญหาปากท้องลงมือทำจริง
  • ‘พปชร.’ทวงแรง! ถาม‘รัฐ’กลัวอะไร กับ‘กัมพูชา’ร้องเพลงชาติบนปราสาทตาเมืองธม ‘พปชร.’ทวงแรง! ถาม‘รัฐ’กลัวอะไร กับ‘กัมพูชา’ร้องเพลงชาติบนปราสาทตาเมืองธม
  • \'สนธิรัตน์\'เบิกเนตร! ประเทศไทยติดหล่ม...ใครจะช่วยดัน? 'สนธิรัตน์'เบิกเนตร! ประเทศไทยติดหล่ม...ใครจะช่วยดัน?
  •  

Breaking News

ปรีวิว-ฟันธง!ช้างศึกจัดทัพใหญ่อุ่นแข้งอินเดียคืนนี้

‘เฉลิมชัย’ยันนายกฯยังไม่ส่งสัญญาณ‘ปรับครม.’

‘สว.ล็อต 4’ทยอยรับทราบข้อกล่าวหา‘ฮั้ว’ ยังไม่พบ‘หมอเกศ’

'เสก โลโซ'ไม่ได้ออกนอกเรือนจำ เล่นคอนเสิร์ต 4 มิ.ย. ราชทัณฑ์เปิดเกณฑ์ชี้แจง

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved