"สุเทพ"เดินแม่ฮ่องสอน บอกชาวบ้าน"รปช."เอาคนทำงานพื้นที่มาอาสารับใช้ แนะอย่าเลือกคนที่มาเฉพาะเวลาหาเสียง มั่นใจ!ปาฏิหาริย์ปชช.เปลี่ยนแปลงประเทศได้ ยกตัวอย่าง"ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์"เป็นสัมภเวสีผีไม่มีศาล
20 ก.พ.62 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.แม่ฮ่องสอน ถึงปฏิบัติการ "เดินคารวะแผ่นดิน คารวะประชาชน" วันที่ 85 นำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ในฐานะประธานคณะทำงานรณรงค์เชิญชวนประชาชนร่วมสมัครเป็นสมาชิกพรรค พร้อมด้วย นายประสาร มฤคพิทักษ์ , นายมหินทร์ ตันบุญเพิ่ม , นายสำราญ รอดเพชร , นายพิเชฐ พัฒนโชติ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค , นายสมจิต สุวรรณบุษย์ ผู้สมัครหมายเลข 1 จ.แม่ฮ่องสอน , นางพิมลพรรณ สิงหรา ณ อยุธยา , พล.ต.ต.ณธนนท์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ โดยทั้งหมดได้ร่วมในพิธีเปิดที่ทำการสำนักงานตัวแทนพรรคประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน เขต 1 ซึ่งในพิธีดังกล่าว นายสุเทพเองได้สวมเสื้อของกลุ่มชาติพันธุ์ (ชาวไต) สีฟ้า แขนยาว ร่วมในพิธีหลังจากนั้น นายสุเทพได้กล่าวกับประชาชนชาวแม่ฮ่องสอน และเมื่อกล่าวเสร็จก็ได้เดินทางไปยังพระธาตุดอยกองมู เพื่อกราบสักการะและพบปะประชาชนชาวแม่ฮ่องสอนในเขต อ.เมือง
นายสุเทพ กล่าวตอนหนึ่งกับประชาชนชาวแม่ฮ่องสอน และบรรดาชาวชนเผ่า ที่มาร่วมเปิดสำนักงานตัวแทนพรรค ตอนหนึ่งว่า ขอขอบคุณทุกคนที่มาในวันนี้ ขอให้จดจำบรรยากาศนี้ไว้ เพราะเป็นวันประวัติศาสตร์ที่มีความหมาย เพราะวันนี้เป็นวันที่เราได้มาเปิดป้ายที่ทำการของพรรค รปช.ที่เป็นพรรคการเมืองของประชาชนที่แท้จริงพรรคเดียวในประเทศไทย
บัดนี้ พรรคการเมืองของประชาชนที่แท้จริงได้ปักธงปักหลักที่ จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อที่จะทำงานการเมืองให้กับพี่น้อง หลายคนอาจจะไปเลือกตั้งมาหลายครั้งหลายหน ถามตัวเองดูว่า เราเลือกผู้แทนมาหลายหนหลายพรรค ชีวิตเราดีขึ้นเท่าไร ตอนแรกคนที่มาสมัคร ส.ส.ที่แม่ฮ่องสอนเป็นมีคนเงิน หิ้วกระเป๋ามาใบเดียวมาสมัครเป็น ส.ส.และได้เป็น ส.ส.แม่ฮ่องสอน พี่น้องอาจจะไม่ได้พบหน้าเขาเลยนับแต่วันที่มาสมัคร จนไม่ได้เป็นผู้แทน พี่น้องไม่ได้พบเขาเลย พบแต่หัวคะแนน หรือตัวแทนของเขา เป็นอย่างนี้หลายคนของแม่ฮ่องสอน ต่อมามีผู้แทนที่พี่น้องได้พบบ้าง หรือมาพบบ้าง มาตอนหาเสียง แต่พอเลือกแล้วก็หายไป พี่น้องอาจจะเจอตามงานบุญงานบวช เวลาเลือกตั้งทีพี่น้องแทบจะเวียนหัวจำไม่ได้พรรคการเมืองที่มาสมัครชื่อพรรคอะไรบ้าง ว่ามีพรรคอะไรบ้าง เยอะมาก จ.แม่ฮ่องสอน ยังมีตั้ง 30 พรรค แต่ไม่มีพรรคไหนเป็นของพี่น้องเลย แต่ละพรรคมีเจ้าของ และเป็นอย่างนี้มาตลอดในประเทศไทย ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา ไปดูได้
"คนมีเงิน มีทอง ต้องการมีอำนาจทางการเมือง ก็ตั้งพรรคการเมืองลงทุนตั้งพรรค เคยคิดไหมว่าคนลงทุนตั้งพรรค ต้องใช้เงินเท่าไร คิดง่ายๆ เวลาส่งคนมาลงสมัครที่แม่ฮ่องสอน พี่น้องสังเกตไหม คนสมัครแต่ละคนใช้เงิน 10 - 20 ล้านบาท จังหวัดเล็กๆ หนึ่งเขตเลือกตั้งเท่านั้น แต่ถ้าทั่วประเทศส่งผู้สมัคร 350 เขต อย่างน้อยๆ ใช่เงิน 6 - 7 พันล้าน คนที่ลงทุน 6 - 7 พันล้าน มันมีเหรอที่ยอมเอาเงิน 6 - 7 พันล้าน ฉีกหรือโยนทิ้งน้ำ ไม่หวังได้คืนมา ไม่มีหรอกในประเทศไทย เขาลงทุนเขาต้องเอาคืน 6 - 7 หมื่นล้านถึงแสนล้าน" นายสุเทพ กล่าว
และว่า การเมืองถึงมีการทุจริตกันมาก ที่เขาด่ากันว่า โคตรโกง โกงทั้งโคตร เพราะต้องถอนทุน ลงทุนให้คนไปสมัครผู้แทน เอาเงินไปสมัคร พอได้มามาก ได้เสียงข้างมาก มีอำนาจคุมประเทศ เพราะได้จัดตั้งรัฐบาลแล้ว ก็ใช่สมุนบริวารที่เป็น ส.ส.ช่วยดำเนินการออกกฎหมาย แก้กฎหมาย เพื่อให้พวกเขาได้กำไรถอนทุนคืน เป็นอย่างนี้มาตลอด สังเกตไหม ผู้แทนเหล่านั้นยอมเป็นยอมตายทำงานให้เจ้าของพรรค ไม่มีใครทำให้ประชาชนเลย พรรคของทักษิณทำผิดเยอะแยะ ฆ่าคนตายเพราะยาเสพติดไป 2 พันกว่าคน ยังไม่คิดฆ่า พวก กปปส. , พันธมิตร ที่มีทั้งตายและบาดเจ็บ เพื่อที่จะก่อกวน สร้างสถานการณ์ ต้องการกลับมามีอำนาจ สั่งน้องเอาอาวุธมายิงกับตำรวจและทหารกลางถนนราชดำเนิน ขึ้นเวทีพูดจาให้คนรบกันเอง
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า มีขนาดถึงเขียนกฎหมายพิเศษ ล้างความผิด เรียกว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย โกงประเทศ ทุกเรื่องก็ไม่ติดคุก ล้างให้หมด ไม่มีที่ไหนทำกัน ซึ่งไม่เป็นธรรมอย่างมาก เพราะกฎหมายบอกไว้ว่าใครทำผิดต้องถูกลงโทษ แต่นี้มันบอกมันเป็นพวกชนชั้นพิเศษ ทำผิดไม่ต้องรับโทษ ประชาชนจึงต้องออกมาขับไล่ เพราะเวลาเป็น ส.ส.ในสภา พวกเขาจะทำทุกอย่าง อยากกลับประเทศไทยโดยไม่มีความผิด
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า นักการเมืองส่วนใหญ่อยากให้ตัวเองได้เป็น ส.ส.ได้เศษเงินเศษทองที่หัวหน้าพรรคบางพรรคแบ่งให้ ร่วมกันหาประโยชน์ พอได้เป็น ส.ส.ก็อยากเป็นรัฐมนตรี อยากเป็นนายกฯ ได้สายสะพาย ได้เหรียญตรา ได้อภิสิทธิ์ต่างๆ ประชาชนเป็นเพียงข้ออ้าง พูดถึงประชาชนเฉพาะเวลาเลือกตั้ง ประชาชนจึงมีความทุกข์แบบเดิมๆ ถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนแปลงประเทศ อะไรที่ไม่ดีต้องเปลี่ยนแปลง อย่างเรื่องการเมือง การเมืองที่ดีต้องทำเพื่อประชาชนและประเทศชาติ
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า พรรค รปช.เลือกคนธรรมดาสามัญมาทำงาน ไม่ใช่ผู้วิเศษที่หิ้วกระเป๋าใบใหญ่ๆ มาจากกรุงเทพฯ เราเอาคนที่เกิดและทำงานในพื้นที่กับประชาชน มาสมัครทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ไม่ต้องเอาคนหล่อ หรือเอาคนที่จบปริญญาเอกมหาวิทยาลัยดังๆ เราเอาคนที่หัวใจหล่อ เอาคนมีหัวใจที่จะทำงานให้พี่น้อง อย่างที่แม่ฮ่องสอน เราเอาคนเป็นครูตามเขาตามดอย บัดนี้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะมาทำงาน พรรคธรรมดาอย่างเราพร้อมที่จะมาดูแลประเทศไทย เราถึงใช้คำว่า "คนธรรมดา สร้างชาติ" เราจะไม่ทำพรรคเฉพาะเวลามาหาเสียงเลือกตั้งและเมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้ว สำนักงานตัวแทนพรรคแห่งนี้ก็จะยังอยู่เพื่อรับเรื่องร้องทุกข์ของชาวบ้าน และเป็นที่ที่ประชาชนจะมาพบ ส.ส.ของเขา
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า อยากให้ไปบอกต่อๆ กันว่า ที่ผ่านมาเราเลือกพรรคอื่นกันมาเยอะแล้ว มาคราวนี้ลองมาเลือกพรรคการเมืองของประชาชนดู ถ้าเราสามัคคีกันจริงๆ เชื่อว่าเปลี่ยนได้ ต่อให้เขาใช้ 10 - 30 ล้าน ก็สู้เสียงประชาชนไม่ได้ อยู่ที่ประชาชน พี่น้องถ้าอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น อยากให้พรรคการเมืองของเรามีโอกาสที่จะไปแก้ไขปัญหาประชาชน เราก็ต้องออกแรงกันหน่อย บอกกันปากต่อปากช่วยกันช่วยกันหาคะแนนให้นายสมจิต ตนมาวันนี้ก็มาช่วยพรรค เพราะอยากเห็นพรรคของประชาชนแบบเกิดขึ้น และยืนอยู่เคียงคู่ประชาธิปไตยต่อไป และต่อไปจะเป็นพรรคเดียวในการจัดตั้งรัฐบาลของประชาชน ตนเชื่อว่าทำได้ เพราะตนเชื่อในพลังของประชาชน
"ทักษิณใหญ่โตคับบ้านคับเมือง รวยมากขนาดนั้น มีอิทธิพลขนาดนั้น เจอพลังประชาชนเข้าไป ทั้งพี่ทั้งน้องกลายเป็นสัมภเวสี เป็นผีไม่มีศาล อยู่ประเทศไหนไม่รู้ตอนนี้ ใครคิดว่าจะล้มได้วันนี้ พี่น้องจำได้ไหมตอนร่างรัฐธรรมนูญมี 2 พรรคใหญ่บอกไม่เอา บอกรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน แต่แพ้ประชาชนประชาชน 16 ล้าน ลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ นี่คือปาฏิหาริย์ที่ประชาชนสร้างได้" นายสุเทพ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี