5 มี.ค.62 ที่จังหวัดพังงา-ภูเก็ต พรรคไทยรักษาชาติ นำโดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรค, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียง, ประภัสร์ จงสงวน กรรมการยุทธศาสตร์และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ผศ.ดร อุรณี กาสยานนท์ แกนนำพรรค โดยมีการปราศรัย ที่โรงแรมเอราวัณ ตำบลโคกกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ขณะที่ชาวพังงา แห่ฟังการปราศรัยจำนวนมาก จนแน่นขนัดห้องประชุมที่รองรับได้ 1,500 คน ก่อนที่ทั้งคณะจะเดินทางไปปราศรัยต่อเนื่องที่จังหวัดภูเก็ต ภายในโรงแรมเมโทรโปรภูเก็ต ห้องแกรนด์บอลรูมชั้น 3 โดยมีผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 2 จังหวัดของพรรค พร้อมผู้สนับสนุนให้การต้อนรับทั้ง 2 พื้นที่
นายจาตุรนต์ เริ่มปราศรัยจังหวัดพังงาด้วยการหยอดลูกอ้อนว่าตัวเองเป็นเขยคนพังงา ก่อนกล่าวถึงภาวะท่องเที่ยวที่ตกต่ำ แม้เป็นช่วงไฮซีซั่น แต่นักท่องเที่ยวยังบางตา สะท้อนว่าผู้มีอำนาจแก้ปัญหาไม่ได้ เช่นเดียวกับปัญหาอื่นๆที่หมักหมมโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ และไม่ใช่เพราะคนไทยดวงไม่ดีที่เผชิญปัญหาพร้อมกันทั้งประเทศ แต่เป็นเพราะรัฐบาล คสช.ล้มเหลวในการบริหาร ไร้ความชอบธรรมและไม่สามารถเจรจากับต่างชาติได้
นายจาตุรนต์ กล่าวด้วยว่า นายทุนใหญ่ที่นำเข้าน้ำมันปาล์ม มีความใกล้ชิดสนิทกับผู้มีอำนาจใน คสช.จึงไม่สามารถจำกัดการนำเข้าน้ำมันปาล์มและพัฒนาการแปรรูปผลผลิตปาล์มน้ำมันของไทยได้ ส่งผลให้ราคาปาล์มตกต่ำ และมาตรการอีกหลายอย่างในเรื่องสินค้าเกษตรที่จะต้องดูแลกันอย่างทั่วถึง ซึ่งจะแก้ไขได้ต้องเปลี่ยนรัฐบาลเท่านั้น และจำเป็นต้องปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหมลง เพื่อกระจายให้กระทรวงอื่นๆที่จำเป็นต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและศักยภาพประชาชน
พร้อมย้ำว่า การเลือกตั้งจะช่วยแก้ปัญหาให้ทั้งคนพังงา, คนภาคใต้และคนทั้งประเทศ จึงมีความสำคัญอย่างมาก โดยต้องเลือกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยเข้าไปจัดตั้งรัฐบาลและแก้ไขปัญหาของประเทศ ซึ่งเป็นการสกัดการสืบทอดอำนาจของ คสช.ไปโดยปริยาย
นายวรวัจน์ ระบุว่า หากพรรคไทยรักษาชาติได้เป็นรัฐบาล จะแก้ไขกฎหมายโดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษของ คสช.เพื่อปรับพื้นที่จังหวัดชายทะเล 23 จังหวัด ความยาวชายฝั่งราว 3,100 กิโลเมตร ผ่านกลไกพัฒนาที่ใช้วิถีชีวิตและมรดกทางวัฒนธรรม รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติและท้องทะเล เป็นเสน่ห์ในการดึงดูดนักท่องเที่ยว พร้อมๆกับยกระดับความปลอดภัยให้เป็นที่ยอมรับ โดยหลังเลือกตั้งต้องประกาศ "ปีทองการท่องเที่ยวไทย"
โดยนโยบายเฉพาะสำหรับจังหวัดพังงา จะจัดให้มีสัปดาห์ดำน้ำดูปะการัง, การเพาะเลี้ยงสัตว์ทะเล, การเดินเรือท่องเที่ยว, จัดพื้นที่พักผ่อนชายทะเล และเห็นว่าควรมีสนามบินให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเลือกพื้นที่ก่อสร้าง เชื่อว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวขึ้นได้อีก 2 เท่า
ส่วนด้านการเกษตร นายวรวัจน์ ระบุว่า จะตั้งโรงงานแปรรูปทั้งยางพาราและปาล์มน้ำมัน ที่คนพื้นที่มีหุ้นส่วนด้วย แต่ทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้ หาก คสช.สืบทอดอำนาจสำเร็จ จึงต้องช่วยกันเลือกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย เข้าไปบริหารประเทศและปลดแอกกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมและเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศที่ คสช.ทำไว้
ส่วนนายประภัสร์ กล่าวถึงความล้มเหลวของโครงการรถไฟความเร็วสูงและการคมนาคมระบบรางในยุค คสช. รวมถึงการลงทุนภาครัฐและดำเนินโครงการต่างๆที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนใหญ่ โดยมองว่า ข้อเท็จจริงที่สะท้อนโครงการ"ประชารัฐ"นั้น คำว่า"ประชา" ไม่ได้หมายถึงประชาชน แต่คือกลุ่มทุนที่ตักตวงผลประโยชน์และทรัพยากรทุกอย่างมาไว้ที่กลุ่มตัวเอง ภายใต้นโยบาย คสช.เท่านั้น
ขณะที่ผู้ปราศรัยคนอื่นๆต่างทยอยขึ้นเวทีปราศรัย นอกจากเสนอนโยบายสานต่อและต่อยอดนโยบายพรรคไทยรักไทยในอดีตที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว และได้ชี้ถึงความเชื่อมั่นของประเทศต่อสายตาชาวโลกและนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศที่ตกต่ำ และความสำคัญของประชาธิปไตย พร้อมย้ำถึงอุปสรรคที่ขัดขวางการพัฒนาประเทศในอนาคต โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ผู้มีอำนาจกำหนดและบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ รวมถึงความพยายามที่จะมีการสืบทอดอำนาจของ คสช.
พร้อมกันนี้ แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ต่างเชิญชวนให้คนภาคใต้ กล้าเปลี่ยนแปลงในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยพิจารณานโยบาย จุดยืนและอุดมการณ์พรรคการเมืองอื่นๆ รวมถึงพรรคไทยรักษาชาติ ที่เป็นพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ที่ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.อย่างชัดเจน นอกเหนือจากมอบความไว้วางใจให้พรรคการเมืองเก่าแก่ที่ครองพื้นที่ภาคใต้มาหลายสมัย หลังจากนั้นแกนนำพรรคได้เดินทางไปปราศรัยต่อที่จังหวัดภูเก็ตเป็นเวทีที่2 ของวันนี้
สำหรับผู้สมัคร ส.ส.พังงา ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้มีเขตเดียว คือ นายเจษฎา โกลิบุตร ส่วนสมัครผู้ ส.ส.จังหวัดภูเก็ต มี 2 เขต คือ นายชลสิทธิ แก้วยะรัตน์ เขต1 และนายหัสรณ อาวัชนาการกุล เขต 2
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี