ศาลฎีกาพิพากษาแก้
คุก‘ธาริต’1ปี
ผิดม.157-ไม่รอลงอาญา
จงใจกลั่นแกล้งย้ายขรก.
เรื่องร้ายแรงไม่เป็นธรรม
อดีตปลัดยธ.รอดยกฟ้อง
ศาลฎีกาพิพากษาแก้ จำคุก“ธาริต เพ็งดิษฐ์” 1 ปี ไม่รอลงอาญา ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ โยกย้าย “พ.อ.ปิยะวัฒก์”อดีตผบ.สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญาฯดีเอสไอ ชี้เป็นเรื่องร้ายแรง กลั่นแกล้ง อคติ ไม่เป็นธรรม ส่วน“ชาญเชาวน์”อดีตปลัดยุติธรรม รอดตัวสั่งยกฟ้อง
เมื่อเวลา 09.00น.วันที่ 21มีนาคม ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.3873/55ที่ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ อดีตผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญาฯ กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นโจทก์ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รักษาราชการ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมกันเป็นจำเลยที่1 - 2 ในความผิดฐาน ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,83
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 30 มีนาคม– 8 ตุลาคม 2555 ต่อเนื่องกัน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ จำเลยที่1 ขณะนั้นในฐานะอธิบดีดีเอสไอ และจำเลยที่2 ในฐานะรองปลัดกระทรวงยุติธรรมได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยการทำหนังสือโยกย้ายโจทก์ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญาฯดีเอสไอไปเป็น ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะคดี ซึ่งมีระดับต่ำกว่าตำแหน่งเดิม อันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 จำคุก จำเลยที่ 1รวม 2 ปี และให้ยกฟ้อง จำเลยที่ 2 แต่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ ต่อมา ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยทั้งสอง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบ83 ให้จำคุกคนละ 2 ปี แต่เนื่องจากจำเลยทั้งสองรับราชการมาหลายปี เคยทำคุณงามความดีต่อบ้านเมือง ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควร ให้รอการลงโทษจำคุก คนละ 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามชั้นต้น ซึ่ง พ.อ.ปิยะวัฒน์โจทก์ยื่นฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองโดยไม่รอลงอาญา และจำเลยทั้งสองยื่นฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่านายธาริต จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้องโจทก์จริง เห็นว่าแม้การออกคำสั่งย้ายข้าราชการ จะเป็นเรื่องภายในหน่วยราชการ และเป็นดุลพินิจของผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด แต่การใช้ดุลพินิจต้องเป็นไปตามหลักการที่กำหนดโดยกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยต้องยึดเหตุผลและความจำเป็นเพื่อประโยชน์ของราชการและพัฒนาข้าราชการเป็นหลัก การใช้อำนาจต้องไม่เป็นตามอำเภอใจหรือมีลักษณะกลั่นแกล้ง ลำเอียงและมีอคติ เพราะนอกจากไม่เป็นประโยชน์แก่ทางราชการแล้ว ยังอาจก่อเกิดความเสียหายแก่ข้าราชการนั้นๆได้ การที่จำเลยที่ 1เสนอขอย้ายโจทก์ด้วยสาเหตุความเห็นขัดแย้งกันในเรื่องสำนวนคดี โดยไม่ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งการเสนอย้ายโจทก์ไปดำรงตำแน่งที่ต่ำกว่าตำแหน่งเดิมอันเห็นได้ว่าเป็นการใช้อำนาจไปในทางกลั่นแกล้งโจทก์ด้วยสาเหตุส่วนตัวมากกว่าที่จะคำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการ
พฤติการณ์แห่งคดี ของจำเลยที่1นับว่าเป็นเรื่องร้ายแรง และไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้ ที่ศาลอุทธรณ์รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นแต่ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยที่1มีกำหนดโทษ 2ปี เป็นโทษที่หนักไป เห็นสมควรกำหนดโทษเสียใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งการกระทำผิด ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำคุก จำเลยที่ 1มีกำหนด 1ปีโดยไม่รอการลงโทษ และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เบิกตัวนายธาริตจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ระหว่างการรับโทษคดีที่ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก1ปี ไม่รอลงอาญา เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2561ฐานหมิ่นประมาท นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีกรณีโครงการจัดซื้อจัดจ้างโรงพัก396แห่ง ส่วนนายชาญเชาว์ จำเลยที่ 2 เดินทางมาศาลฟังคำพิพากษาฎีกาเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี