ฟันเขต2ชุมพร
มติ‘กกต.’สั่งเลือกตั้งใหม่
28เม.ย.8โมงเช้า-บ่าย3
นครปฐมนับใหม่เขต1
พรเพชรยันไม่ถึงทางตัน
หากทุกฝ่ายทำตามกม.
“พรเพชร” ประธานสนช. ระบุถ้าทุกฝ่ายทำตามกฎหมาย การเมืองจะไม่ถึงทางตัน แนะอย่าอวดเก่งแสดงความเห็นบนท้องถนน ทำสังคมสับสน ชี้รธน.เปิดช่องมีรัฐบาลแห่งชาติได้ แต่มองว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น ด้าน “วิษณุ” ระบุถ้าศาลรธน.ไม่รับเรื่องกกต.ส่งตีความคำนวณสส.ปาร์ตี้ลิสต์ กกต.ต้องทำให้ชัดเจนเอง
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่าการเมืองหลังจากนี้อาจเกิดทางตัน ว่า การเมืองยังไม่ถึงทางตัน หากทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายที่เขียนไว้ และอย่าไปต่อว่าคนที่เดินตามกฎหมายด้วย การที่กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสูตรคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ให้เป็นอำนาจของศาลว่าจะรับหรือไม่ ให้เดินหน้าไปตามกฎหมายไม่มีทางตัน
“อย่าไปทำอะไรที่ไม่ถูกกฎหมาย หรือไปว่าคนที่ไม่เดินไปตามช่องทางของกฎหมาย เคารพในสิ่งเหล่านี้ อย่างเช่น กกต. ยื่นศาลก็ปล่อยให้เดินหน้าไปตามนั้นก็จะไม่มีทางตัน แต่ถ้าคุณเก่ง เก่งกว่านั้น คุณแสดงความรู้ภูมิของคุณ ว่านู่น ว่านี่ ทำให้สังคมสับสนแล้วก็ให้หยั่งเสียงกันทางโซเชียลมีเดีย มันก็จะเกิดความวุ่นวาย สิ่งที่เขาทำไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ถ้าผิดกฎหมายก็ต้องไปฟ้องร้อง อันนั้นคือสิ่งที่ถูกต้อง แต่หากไม่ได้เดินหน้าไปตามกฎหมายก็จะถึงทางตัน ถ้าคุณเอามติอย่างอื่นและไปเดินบนถนนแล้วพูดอีกอย่างหนึ่ง แบบนี้มันไม่ได้ ดังนั้นอะไรที่ไม่ได้ผิดกฎหมายก็ควรปล่อยให้เขาเดินหน้า แต่อะไรที่ผิดกฎหมายก็ไปฟ้องร้องกันตามขั้นตอนของกฎหมาย” ประธานสนช. กล่าว
รธน.เปิดทางรัฐบาลแห่งชาติ
ส่วนข้อเสนอให้มีรัฐบาลแห่งชาติ นายพรเพชร กล่าวว่า รัฐธรรมนูญเปิดทาง แต่การจะพูดถึงขณะนี้เหมือนการข้ามขั้นตอน ซึ่งเราเคารพในทุกความเห็น หากเดินหน้าได้ตามข้อเสนอก็เดินไป แต่หากไม่ได้ก็ไม่ได้ และส่วนตัวยังไม่ได้วิเคราะห์ว่าการมีรัฐบาลแห่งชาติจะสามารถแก้ไขปัญหารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำได้หรือไม่
ส่วนข้อเสนอใช้มาตรา 270 เปิดทางให้ ส.ว.เข้ามาร่วมโหวตกฎหมายเพื่อแก้ไขเรื่องเสียงปริ่มน้ำ นายพรเพชร กล่าวว่า หากเข้าองค์ประกอบตามรัฐธรรมนูญกำหนด ก็สามารถทำได้ แต่หากไม่เข้าองค์ประกอบก็ไม่สามารถทำได้และที่จริงแล้วการจะเดินหน้าตามมาตรา 270 จะทำได้ต่อเมื่อมีรัฐบาลแล้ว อย่างไรก็ตาม อำนาจของส.ว.ที่คำถามพ่วงเปิดทางให้สามารถทำได้ก่อนมีรัฐบาล คือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าแม้ส.ว.จะมาจากการแต่งตั้งของคสช.แต่ก็ได้รับการโปรดเกล้าฯ มีศักดิ์ศรี ได้รับการยอมรับจากสังคมผ่านการทำประชามติ ขณะที่ข้อเรียกร้องไม่ให้ส.ว.โหวตสวนมติการเลือกนายกรัฐมนตรี ของส.ส.นั้น ส.ว.ไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง คงไม่ต้องโหวตแบบมีเอกภาพและมีเอกสิทธิ์แสดงความเห็นส่วนตัวได้
เยี่ยมห้องประชุมรัฐสภาใหม่
ก่อนหน้านี้ นายพรเพชร นำตัวแทน 7 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พลังประชารัฐ อนาคตใหม่ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย เสรีรวมไทย และชาติไทยพัฒนา ตรวจดูความพร้อมของห้องประชุม ทีโอที อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อรองรับการประชุมรัฐสภา ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และประชุมวุฒิสภา เพื่อเลือกตำแหน่ง ประธานและรองประธาน ของทั้ง 2 สภา และนายกรัฐมนตรี
โดยห้องประชุมดังกล่าวสามารถรองรับสมาชิกได้ 750 คน แต่ต้องเสริมเก้าอี้ระหว่างช่องทางเดินอีก 81 ที่นั่ง จากที่นั่งเดิมมีอยู่ 667 ที่นั่ง สำหรับการลงคะแนน ไม่ได้ใช้เครื่องลงคะแนน เพราะไม่สามารถเคลื่อนย้ายมาติดตั้งได้ แต่จะใช้วิธีขานรายชื่อสมาชิกให้ลุกขึ้น เพื่อลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนการลงมติเรื่องอื่นของสภา จะใช้บัตรลงคะแนน 3 สี คือ น้ำเงิน แทนบัตรเห็นด้วย สีแดง แทนบัตรไม่เห็นด้วย และสีขาว แทนบัตรงดออกเสียง พอลงคะแนนเสร็จแล้ว ให้เจ้าหน้าที่เก็บบัตรไปนับ
อย่างไรก็ตาม จะมีการสอบถามความเห็นจากตัวแทนพรรคการเมืองในเรื่องเวลาการประชุม เพื่อหลีกเลี่ยงช่วงการจราจรติดขัด เบื้องต้นจะใช้ห้องประชุมทีโอที จนถึงสิ้นปีงบประมาณนี้ ส่วนรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาจะใช้พระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งรอสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าต่อไป
พรรคการเมืองไม่ได้ขัดข้อง
ด้านนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. เปิดเผย ไม่มีพรรคการเมืองใดขัดข้องต่อห้อมประชุมของทีโอทีโดยยืนยันว่าเหมาะสมที่สุด
ส่วนอัตราค่าเช่าพื้นที่ เบื้องต้น ประมาณ 11 ล้านบาทต่อเดือน ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีงบไม่พอ ก็จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีใช้งบกลาง 60 ล้านบาท เพื่อใช้เช่าพื้นที่เป็นการชั่วคราว ระหว่างรอให้การให้อาคารรัฐสภาใหม่ก่อสร้างแล้วเสร็จ
นายสุรชัย กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ที่ต้องใช้ทั้งหมด จะประกอบไปด้วย ห้องประชุมใหญ่สำหรับใช้ประชุมรัฐสภาและประชุม ส.ส. ห้องรับประทานอาหารของ ส.ส. ห้องประชุมกรรมาธิการ ห้องรับรอง ส.ส. ห้องสื่อมวลชน อาคารที่จอดรถ และห้องโถง
เชื่อเสร็จทันก่อน9มีนาคม
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่ กกต.ยื่นเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตีความหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะพึงมีได้ ตามมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ประกอบมาตรา 128 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ว่า ถ้าศาลไม่รับเรื่อง กกต.ต้องชี้แจงรายละเอียดเอง ถ้าชี้แจงแล้วมีใครไม่เห็นด้วยก็ไปร้องต่อศาลได้ เรื่องนี้ต้องรอดูว่าศาลจะว่าอย่างไร ถ้ารับเรื่องเอาไว้ก็หมดเรื่อง และเมื่อรับแล้วจะพิจารณาช้าหรือเร็วก็ต้องว่ากันไป
“ผมคิดว่าศาลต้องเร่งทำให้เสร็จก่อนวันที่ 9 พ.ค.นี้ ตามที่กกต.ระบุว่าต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน นับตั้งแต่วันที่กฎหมายเลือกตั้งมีผลใช้บังคับ ทั้งนี้เห็นว่ากกต.ควรถามเรื่องกรอบเวลาการรับรองผล ไปในคราวเดียวกันด้วยว่าจะเป็น 150 วัน หลังกฎหมายเลือกตั้งมีผลใช้บังคับ หรือภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันเลือกตั้ง”
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการเร่งให้กกต.รีบพิจารณาการให้ใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน การให้ใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง เป็นเรื่องส.ส.เขต ไม่เกี่ยวกับส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ กกต.สามารถทำควบคู่ไปได้เลย แต่ถ้าศาลมีคำวินิจฉัยแล้ว ยังมาติดเรื่องใบเหลือง ใบแดง อย่างนั้นถือเป็นความบกพร่องของกกต.เอง
เมื่อถามว่าถ้ากกต.ประกาศรับรองส.ส.ไม่ทันในวันที่ 9 พ.ค.นี้ จะทำให้เกิดการเดตล็อกขึ้นหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ไม่ทราบ ผมไม่รู้ ไว้ถึงเวลาค่อยบอก ค่อยคิดกันต่อ”
ยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่
วันเดียวกันผู้สมัคร ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ นำโดย น.ส.อุลัยพร ไตรวงค์ย้อย นายประยงค์ สร้างศรีหา และ นายคมกฤษ สุภักดี ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต. ขอให้ยุบพรรคเศรษฐกิจใหม่ และระงับการประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคเศรษฐกิจใหม่ เนื่องจากถูกครอบงำจากบุคคลภายนอก ที่สั่งการชี้นำไม่ให้พรรคสามารถดำเนินกิจกรรมได้โดยอิสระ
ในเอกสารคำร้อง ระบุว่า การส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตทั้ง 350 เขต นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ได้ให้เงินค่าสมัคร ส.ส.คนละ 15,000 บาท โดยนัดกับว่าที่ผู้สมัครว่า หลังการประกาศรับรองผู้สมัคร นายมิ่งขวัญจะนัดประชุมผู้สมัคร เพื่อแนะแนวทางกับผู้สมัครอีกครั้ง แต่ปรากฏว่านายมิ่งขวัญไม่ได้นัดประชุมผู้สมัครแต่อย่างใด จนถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งผู้สมัครได้สืบทราบมาว่า การที่นายมิ่งขวัญไม่ได้นัดประชุมผู้สมัคร เป็นเพราะนักธุรกิจ ส. พร้อมพวก ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ได้บงการควบคุม ครอบงำ ชี้นำพรรค ไม่ให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นอิสระ เช่น การสนับสนุนงบหาเสียงของผู้สมัคร การจัดทำป้ายหาเสียง รวมถึง จัดตั้งแกนนำต่างๆ เกิดจากการกระทำของนาย ส. ทั้งสิ้น
คำร้องยังระบุด้วยว่า การกระทำดังกล่าวถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง จึงขอให้ กกต.ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง พร้อมสั่งระงับการประกาศคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต และการประกาศผลการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อไว้ จนกว่าจะมีการวินิจฉัยแล้วเสร็จ และขอให้มีคำสั่งยุบพรรคเศรษฐกิจใหม่ด้วย
ปชป.เดินหน้าเลือกหัวหน้าพรรค
วันเดียวกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)และนายจุติ ไกรฤกษ์ รักษาการเลขาธิการพรรค แถลงหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคว่า ที่ประชุมมีมติตั้งคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ 7 คน ประกอบด้วย นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ นายกนก วงศ์ตระหง่าน นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ นางสาวผ่องศรี ธาราภูมิ นายราเมศ รัตนเชวง และน.ต. สุธรรม ระหงษ์ โดยมอบให้นายเทอดพงษ์ เป็นประธาน และนางเจิมมาศเป็นเลขานุการ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่กำหนดวันเวลาและหลักเกณฑ์ในการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และหากมีกรณีใดจำเป็นต้องยกเว้นข้อบังคับหรือปรับปรุงข้อบังคับพรรคให้นำความเห็นนั้นเสนอต่อที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อพิจารณาอีกขั้นหนึ่ง ในวันที่ 23 เมษายน เวลา 14 .00 น.
นายจุรินทร์ แถลงต่อว่า ส่วนจะมีการเปิดให้หยั่งเสียงสมาชิกพรรคเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะพิจารณา ทั้งนี้ยอมรับว่าในที่ประชุมมีผู้ให้ความเห็นส่วนหนึ่งให้ยกเลิกกระบวนการหยั่งเสียง แต่จะยุติอย่างไรเป็นหน้าที่คกก.พิจารณาก่อน จากนั้นเสนอให้ที่ประชุมกรรมการบริหาพรรคพิจารณา โดยข้อสรุปจะอยู่ที่การตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 23 เมษายน สำหรับกรอบเวลาในการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่สามารถดำเนินการได้ไม่เกินวันที่ 23 พฤษภาคม ซึ่งจะครบกำหนด 60 วันหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่จะมีการประชุมใหญ่เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในวันไหนยังบอกไม่ได้ สำหรับผู้ที่มีสิทธิเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่มี 19 กลุ่มตามข้อบังคับพรรค เช่น ส.ส.ใหม่ อดีตส.ส.ที่ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ กก.บห.ชุดรักษาการ ตัวแทนจังหวัด สาขาพรรค อดีตรัฐมนตรีและสมาชิกอื่นๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี