‘จุรินทร์’ชนะขาดลอย
หัวหน้าปชป.
ประกาศกอบกู้พรรค
ดึงซูเปอร์ฮีโร่เสริมทัพ
พปชร.ยึดเก้าอี้รมต.14ที่นั่ง
โยนภท-ปชป.รายละ7เก้าอี้
ดำรงค์ พิเดชนำ2สส.หนุน
“จุรินทร์” นำขาดม้วนเดียวจบ ชนะโหวต ผงาดนั่ง “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์”คนที่ 8 เฉือน “พีระพันธุ์-กรณ์-อภิรักษ์” แบบไม่เห็นฝุ่น เจ้าตัวโชว์วิชั่น ย้ำหมด“ยุคซูเปอร์แมน” ต่อไปเป็น “ยุคอเวนเจอร์” ทุกซูเปอร์แมนของพรรค ต้องจับมือกันทำงาน ขณะที่พปชร.ลุยตั้งรัฐบาล คาดจบในสิ้นเดือน เผยโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี“บิ๊กตู่”เลือกเอง
ให้ พปชร.ยึด 14 ที่ นั่ง “ภท-ปชป.”พรรคละ7ที่นั่ง ที่เหลือแบ่งให้ แนวร่วมอื่น
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นทหาร ว่า เขาก็ทำงานได้ ส่วนใหญ่มาจากอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และอดีตสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่เคยทำหน้าที่ออกกฎหมายมากว่า 200ฉบับ ซึ่งเขาเข้ามาช่วยทำหน้าที่เหมือนเดิม
“ส่วนที่มองว่ามีคนใกล้ชิดของผมก็มีเพียง 2-3คน ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร6 (ตท.6) เช่น พล.อ.นพดล อินทปัญญา,พล.อ.อู้ด เบื้องบน,พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ , พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ ก็มีเท่านี้ สำหรับน้องชายผมก็มีอยู่คนเดียว” พล.อ.ประวิตร กล่าว ที่มองว่าส่วนใหญ่เป็นทหารก็เขาเป็นทหารจะให้ทำอย่างไร เขาเคยทำงานและออกกฎหมายมามากมาย ตนถามว่าแล้วจะเป็นอะไรไป ส่วนที่ต้องทำหน้าที่โหวตชื่อนายกฯนั้นก็ดำเนินการไปตามขั้นตอน เมื่อถามย้ำว่า สว.พร้อมโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็แล้วแต่เขา ตนเชื่อว่าเขาคงเลือกคนที่ดีที่สุด
สว.ป้ายแดงรายงานตัวแต่เช้า
ที่อาคารสุขประพฤติ ถนนประชาชื่น สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เปิดให้มีการรายงานตัวของ สว.เป็นวันที่2 บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า โดย ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ มารายงานตัวเป็นคนแรก ตั้งแต่เวลา 07.20น.จากนั้น สมาชิกได้ทยอยเข้ารายงานตัวอย่างต่อเนื่อง อาทิ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา พล.อ. สิงห์ศึกสิงห์ไพร พล.อ.อู้ด เบื้องบน นายพลเดช ปิ่นประทีป นายชาญวิทย์ ผลชีวิน เป็นต้น
บุญสร้างยันโหวตนายกฯอิสระ
โดย พล.อ.บุญสร้าง ให้สัภาษณ์ถึงการโหวตเลือกนายกฯว่า ยืนยันว่าการโหวตนายกฯมีความเป็นอิสระที่จะโหวต เชื่อว่าไม่มีใครจะบังคับใครได้และส่วนตัวยังไม่ได้พิจารณาไปถึงการโหวตเลือกประธานวุฒิสภา ที่กำลังจะมีการประชุมถัดจากวันรัฐพิธีช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้
‘กล้านรงค์’ย้ำเข้ามาตาม’รธน.’
ด้าน นายกล้านรงค์ จันทิก อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์หลังรายงานตัวเป็น สว.ถึงกระแสข่าวที่วิพากษ์วิจารณ์รายชื่อ สว.เปรียบเป็นสภาพี่น้อง ว่า ส่วนตัวมองว่าแล้วแต่จะคิดกัน ซึ่งหากดูจากรายชื่อ สว.ทั้ง 250คน จะเห็นได้ว่า มาจากหลากหลายอาชีพและคิดว่าทุกคนที่เข้ามาคงทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ส่วนการโหวตเลือกนายกฯยืนยันว่า สว.ทุกคนมีอิสระในการทำงานและการโหวตเลือกนายกฯเป็นสิทธิของแต่ละคน ส่วนที่มีหลายฝ่ายมองว่า สว.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงไม่มีสิทธิที่จะเลือกนายกฯนั้น ตนมองว่าทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ลงประชามติจากประชาชน
‘วันชัย’ชี้มีหน้าที่ต้องปฎิรูปด้วย
ขณะที่ นายวันชัย สอนศิริ กล่าวหลังเข้ารายงานตัวเป็น สว.ว่า เชื่อว่าคนที่เป็น สว.รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ว่าเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย ฉะนั้นจะต้องฟังอย่างรอบด้านและตัดสินใจว่าใครที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯซึ่งเสียงส่วนใหญ่และประชาชนเห็นอย่างไร เชื่อว่า สว.จะตัดสินใจไปตามความต้องการของประชาชนและหัวใจสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดไว้ว่า สว.เข้ามาในระยะเปลี่ยนผ่าน ดังนั้น สว.ต้องเข้ามาช่วยประคับประคองและถ่วงดุลระหว่างฝ่ายเลือกตั้งและฝ่ายความมั่นคงให้เกิดความพอดี เพื่อให้ประชาธิปไตยได้ขับเคลื่อนได้ในระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน อีกทั้งรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ว่าจะต้องทำหน้าที่ในการปฏิรูป ไม่ใช่เพียงแค่มาทำหน้าที่แบบที่ สว.เคยเป็น จึงเชื่อว่า สว.จะทำภารกิจปฏิรูปให้สำเร็จ
ปัดสืบทอดอำนาจ-มาตามรธน.
นายวันชัย ยังกล่าวถึงกระแสวิจารณ์เกี่ยวกับสภาพี่น้องว่า ตนเชื่อว่าในระบอบประชาธิปไตย ที่มีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ฉะนั้นไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง มาจากการผสมผสาน หรือมาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ล้วนมีการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดได้กำหนดไว้ เมื่อประชาชนเห็นด้วยกับกติกานี้ ก็ต้องเดินหน้า ผลงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์การทำงานของสว.ดังนั้นการวิพากษ์วิจารณ์ตนถือเป็นเรื่องปกติ เวลาจะโหวตให้ใครต้องเป็นความเห็นพ้องร่วมกันของเสียงส่วนใหญ่ การทำงานต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งเกิดจากการหารือร่วมกัน
‘เสรี’ให้รอดูผลงานเครื่องพิสูจน์
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกฯของ สว.ว่า สว.ต้องตัดสินใจด้วยตัวเองจะเลือกใครเป็นนายกฯ หาก สว.ลงคะแนนให้ พล.อ.ประยุทธ์ อีกก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ใช่การต่างตอบแทน ควรเลิกพูดเรื่องที่ สว.จะมาช่วยสืบทอดอำนาจได้แล้ว ขณะนี้เป็นกระบวนการหลังเลือกตั้ง จึงควรยอมรับกติกากันได้แล้ว การที่ส.ส.พยายามเรียกร้องให้สว.โหวตตามที่ฝ่ายตัวเองต้องการนั้น ขอทำความเข้าใจว่า บทบาทหน้าที่ของ สส.และ สว.ถูกแยกออกจากกัน ถ้า ส.ส.เสนออะไรมาแล้ว ส.ว.ต้องทำตามนั้น อาจถูกมองไม่มีอิสระ และขัดต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ส.ส.ไม่ควรมาสั่ง ส.ว.ให้เลือกคนนั้นคนนี้ ส่วนที่มอง สว.ชุดนี้เป็นสภาเครือญาตินั้น ขอให้ดูแต่ละคนเข้ามาขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้ามีคุณสมบัติก็มีสิทธิเข้ามาได้ หากจะมี คสช.หรือสนช.มาเป็น สว.ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ต้องยอมรับความจริงรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดเงื่อนไขห้ามเข้ามา จะเอาความรู้สึกตัวเองไปตัดสินคนอื่นว่าไม่ดีไม่ได้ อยากให้ สว.ใช้ผลงานพิสูจน์ตัวเอง
‘พรเพชร’พร้อมนั่งประธานวุฒิ
นายพรเพชร วิชิตชลชัย อดีตประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เดินทางมาแสดงตนเป็น ส.ว. พร้อมระบุว่า หากได้รับความไว้วางใจให้เป็นประธานวุฒิสภา ก็พร้อมจะทำหน้าที่ แต่ก็เชื่อว่าทุกคนพร้อมและเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งเช่นกัน และว่า บทบาทของ สนช.และสว.มีความแตกต่างกันในภาระหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ หน้าที่ของ สนช.เป็นทั้ง สส.และสว.อำนาจโดยตรงของ สนช. คือ พิจารณาร่างกฎหมายเป็นจำนวนมาก ขณะที่ สว.มีหน้าที่นอกเหนือจากพิจารณากฎหมาย คือ ให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ดำเนินการตามแผนปฏิรูปแห่งชาติและให้ความเห็นชอบเลือกนายกรัฐมนตรี
‘อุตตม’ยันสว.อิสระโหวตนายกฯ
ที่โรงแรมเดอะ ซายน์ พัทยา จ.ชลบุรี นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณีแต่งตั้ง 250สว.ที่มีทหารกว่าร้อยคน หากโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯอีกจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคหรือไม่ ว่า ตนเชื่อว่าไม่มี เพราะสว.เป็นเรื่องที่ได้มีการหารือ และตั้งประเด็นแสดงความเห็นกันมาแล้ว ตั้งแต่ช่วงเลือกตั้ง โดย พรรค พปชร.พูดเสมอว่า การคัดสรร สว.เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ จึงต้องให้เกียรติทุกคนที่เป็น สว.เราไม่ได้คิดในแง่ที่จะมีผลกระทบด้านภาพลักษณ์ต่อพรรค แต่ละคนจะดำเนินการอย่างไรในหน้าที่ก็ให้ทำไปเพราะทุกอย่างอยู่ในสายตาของประชาชนแล้ว
ปัดข่าวสส.ใต้ขอเก้าอี้รัฐมนตรี
เมื่อถามย้ำว่าการแต่งตั้ง สว.เช่น เพื่อนและน้องของ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วโหวตให้เป็นนายกฯอีกถือว่าเหมาะสมหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า “ผมไม่ทราบว่าใครเพื่อนใคร เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่พวกเราเป็นเพื่อนกันเยอะแยะ ดังนั้นจึงไม่ใช่ว่าใครเป็นเพื่อนใคร แล้วจะเข้ามาทำหน้าที่ไม่ได้ เพราะถ้าเห็นแก่ประเทศชาติก็ต้องเอาเรื่องคุณสมบัติเป็นหลัก ซึ่ง สว.ทุกคนต่างมีวุฒิภาวะ เชื่อว่าจะเอาประเทศชาติเป็นหลักไม่ใช่ว่าใครเป็นเพื่อนใครเป็นหลัก”
ผู้สื่อข่าวถามกรณีสส.ภาคใต้รวมตัวเรียกร้องให้พรรคจัดสรรโควต้ารัฐมนตรีให้กับกลุ่มสส.ภาคใต้ซึ่งได้จำนวนสส.ถึง13เขตเช่นเดียวกับภาคอื่นๆนายอุตตม กล่าวว่า ไม่มีการยื่นหนังสือ เรื่องนี้พรรคจะนำเข้าที่ประชุมเพื่อหารือและจะมีตัวแทนรัฐมนตรีที่มาจากทุกภาคอย่างเท่าเทียมกัน
รอปชป.หารือร่วมรบ.หรือไม่
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพปชร.ระบุว่า ยังไม่ขอแสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ได้รับคัดเลือกเป็นหัวหน้าพรรคปชปงขอให้รอแถลงข่าวอย่างเป็นทางการก่อนต้องให้เกียรติพรรคปชป.ได้ประชุมหารือกันก่อน ผู้สื่อข่าวถามว่า นายจุรินทร์ ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคจะมีผลต่อการเจรจาต่อรองเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เรายังไม่รู้ท่าทีของ นายจุรินทร์ เลยว่า จะเอาอย่างไร เมื่อถามว่าระหว่างพรรคปชป.กับภูมิใจไทย (ภท.) ใครคุยยากกว่ากัน เลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวว่า ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ทั้งคู่
‘ดำรงค์’ประกาศจับขั้ว’พปชร.’
ที่พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย (รป.) นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าฯแถลงว่า พรรคตัดสินใจเข้าร่วมทำงานกับฝั่งพรรค พปชร.เพราะต้องการทำงานด้านป่าและสิ่งแวดล้อม ไม่คิดว่าพรรคเล็กที่มีแค่ 2เสียงจะได้รับความสนใจอะไรและตนไม่มีปัญหากับใครในทั้ง 2ขั้ว คือ คุยได้หมด พรรคพท.ก็คุย พปชร.ก็คุย แต่มีผู้ใหญ่ของพปชร.ติดต่อมาบอกว่า จะให้ตนทำงานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ซึ่งเป็นความตั้งใจแต่แรกของพรรคอยู่แล้ว ใครให้โอกาสเราทำงานตรงนี้เราก็จะทำ
เมื่อถามว่าเข้าไปทำงานกับ พปชร.เป็นรัฐมนตรีหรือไม่ นายดำรงค์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี แต่เข้าไปทำงานในกระทรวงทรัพยากรฯ ตามที่พรรคถนัดเท่านั้น พรรคตนมีแค่ 2เสียง จะไปต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีคงไม่ได้ แต่ทำงานในสิ่งที่ถนัดได้ ไปช่วยรัฐมนตรีทำงานได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นรัฐมนตรี
แบ่งโควตาเก้าอี้ รมต.ลงตัว
รายงานข่าวจากแกนนำคนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลว่า ขณะนี้ได้รวบรวมเสียงสนับสนุนเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีเสียงเกินจากกึ่งหนึ่งของสภาฯ คือ 250 เสียง ไป 10 กว่าเสียงถือว่าเพียงพอ โดยคาดว่าจะสามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ภายในสิ้นเดือนพ.ค.นี้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้คัดสรรผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วยตนเอง โดยเบื้องต้นจัดสรรโควต้ารัฐมนตรีให้กับพรรคพลังประชารัฐ 15 เก้าอี้ พรรคภูมิใทยและพรรคประชาธิปัตย์ พรรคละ 7 เก้าอี้ที่เหลือเป็นสัดส่วนของพรรคอื่น ๆ ส่วน 11 พรรคเล็กไม่มีเก้าอี้รัฐมนตรี แต่จะเป็นประธานกรรมาธิการชุดต่าง ๆ
เลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
วันเดียวกัน ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ได้มีการจัดประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคฯ เพื่อพิจารณาเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ภายหลังจากที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เนื่องจากไม่ได้ ส.ส.ตามเป้าหมาย ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา
โดยมีผู้เสนอตัวทั้งสิ้น 4 คน ประกอบด้วย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รักษาการหัวหน้าพรรค , นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ , นายกรณ์ จาติกวณิช รักษาการรองหัวหน้าพรรค และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ นายเทอดพงษ์ ไชยนันท์ ประธานคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ในการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ได้อธิบายถึงขั้นตอนการเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคจากนั้นเปิดให้มีการเสนอชื่อผู้เสนอตัวเป็นหัวหน้าพรรค โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรค เสนอชื่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค ต่อมา นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก เสนอชื่อ นายกรณ์ จาติกวณิช รักษาการรองหัวหน้าพรรค ถัดมา น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร เสนอชื่อ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่า กทม.และนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้เสนอชื่อ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยแต่ละคนจะต้องแสดงวิสัยทัศน์ คนละ 15 นาที
ทั้งนี้ นายเทอดพงษ์ ได้มีการจับสลากเลือกหมายเลขเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ และเป็นหมายเลขประจำตัวในการเลือกหัวหน้าพรรค โดยนายอภิรักษ์ ได้เบอร์ 1 นายจุรินทร์ ได้เบอร์ 2 นายพีระพันธุ์ ได้เบอร์ 3 และนายกรณ์ ได้เบอร์ 4
โดยมีการลงคะแนน ใช้อุปกรณ์ลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์จากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 15 ชุด
จุรินทร์นั่งหัวหน้าปชป.คนที่8
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการแสดงวิสัยทัศน์ของ 4 ผู้สมัครคือนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค และนายกรณ์ จาติกวณิช คนละ 15 นาที
ที่ประชุมได้เปิดให้มีการลงคะแนน โดยองค์ประชุมครั้งนี้มีทั้งหมด 309 คน แต่มาประชุม 291คน ไม่ได้มาร่วมประชุม 18 คน สำหรับการแบ่งสัดส่วนลงคะแนนจะมีสองส่วนคือ ส่วนแรก 70 % เป็นคะแนนของสส. 52 คน และ อีก 30 % เป็นคะแนนของอดีตส.ส. อดีตกรรมการบริหารพรรค ประธานสาขา เป็นต้น ซึ่งในการลงคะแนนมีการใช้เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ของ กกต.มาประมวลผล
โดยในรอบแรก ที่ลงคะแนน ปรากฏว่าเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ของ กกต.มีปัญหาทำให้ต้องลงคะแนนใหม่อีกรอบ แต่ก็ยังมีปัญหาว่ามีผู้ลงคะแนนบางรายถ่ายสลิปลงคะแนนเป็นหลักฐาน ทำให้นาวาอากาศตรี สุธรรม ระหงษ์ รักษาการผู้อำนวยการพรรค ประกาศห้ามไม่ให้มีการดำเนินการดังกล่าวอีก ก่อนที่จะเปิดให้ลงคะแนนต่อ
ปรากฏว่าผลการลงคะแนนเสียงจาก ส.ส. 52 คนในสัดส่วน 70 % นายจุรินทร์ ได้รับเลือกมาเป็นอันดับหนึ่งคือ 25 คน ตามด้วยนายพีระพันธ์ 20 คน นายกรณ์ 5 คน และนายอภิรักษ์ 2 คน ส่วนคะแนนจากสัดส่วน 30 % นายจุรินทร์ ก็ยังคงได้อันดับหนึ่งด้วยคะแนน 135 นายพีระพันธ์ได้ 82 นายกรณ์ได้ 14 และนายอภิรักษ์ได้ 8
เมื่อรวมคะแนนอย่างเป็นทางการนายจุรินทร์ ได้รับชัยชนะ เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 8 ด้วยคะแนน 50.5995 % ตามด้วยนายพีระพันธ์ 37.2160 % นายกรณ์ 8.4881%และนายอภิรักษ์ ได้ 3.6965%
จากนั้น บรรดาสมาชิกและผู้สนับสนุน พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมแสดงความยินดีกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่วิสามัญฯ ให้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ก่อนที่ช่วงบ่าย จะมีการเลือกตั้งในตำแหน่งกรรมการบริหารในส่วนอื่นๆ ต่อไป
จุรินทร์พร้อมเดินหน้ากอบกู้พรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการแสดงวิสัยทัศน์ของนายจุรินทร์ ก่อนที่จะได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรค โดยเล่าถึงประวัติการทำงานที่ผ่านมา ว่าร่วมอุดมการณ์กับพรรคมาอย่างน้อย 33 ปี เคยเป็นเลขานายชวน หลีกภัย ขณะเป็นรัฐมนตรีในหลายกระทรวง และได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ครั้งแรก ตอนอายุ 36 ปี จากนั้นได้เป็นรัฐมนตรีอีกหลายกระทรวง รวมถึงการทำหน้าที่ทั้งในฐานะประธานวิปรัฐบาลและประธานวิปฝ่ายค้าน โดยมีโอกาสได้เป็นรองหัวหน้าพรรคตั้งแต่ปี 2546
ทั้งเห็นว่า ปชป.ถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนย่างมีวุฒิภาวะ อะไรดีต้องรักษาไว้ อะไรสมควรเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนแต่สิ่งที่ต้องไม่เปลี่ยนคืออุดมการณ์ระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต้องไม่เปลี่ยน การทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต้องไม่เปลี่ยน ประชาธิปัตย์มีหัวหน้าพรรคมาแล้ว 7 คน หัวหน้าพรรคคนที่ 8 ไม่มีสิทธิอยู่นอกเหนืออุดมการณ์ความซื่อสัตย์ สุจริต ส่วนสิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือ นโยบายวิสัยทัศน์ ต้องเปลี่ยนให้เท่าทันโลก รองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันที่ เกิดขึ้นทั้งทางเศรษฐกิจการเมือง เป็นเรื่องที่ต้องเตรียมการและมองไปข้างหน้า รวมถึงต้องเปลี่ยนระบบบริหารจัดการ ต้องมีระบบบิ๊กดาต้า เอไอ นำมาใช้รวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ สังเคราะห์ประกอบการตัดสินใจทางการเมือง เดินหน้าสู่ความทันสมัยในอนาคต บุคลากรต้องเปลี่ยน
เน้นทีมแอดเวนเจอร์
“หมดยุคซุปเปอร์แมน ยุคต่อไปต้องเป็นยุคของแอดเวนเจอร์ ซุปเปอร์ฮีโร่ของพรรคต้องจับมือเป็นทีมแอดเวนเจอร์ประชาธิปัตย์ นำทัพเดินไปข้างหน้า นายกรณ์ นายอภิรักษ์ และนายพีระพันธ์ จะเป็นหนึ่งในทีมอะเวนเจอร์ของพรรค แต่แค่นี้ไม่พอเพราะวันนี้ประชาธิปัตย์เหลือแค่ 52 คน หัวหน้าพรรคต้องคิดทำอย่างไรให้เพิ่มจนมากกว่า 200 ในอนาคต ซึ่งมีคำตอบอยู่แล้วคือ ประชาธิปัตย์ต้องมีความเป็นเอกภาพ ภายใต้ความร่วมมือร่วมใจของทุกคนมั่นใจว่าประชาธิปัตย์สามารถก้าวเดินไปสู่อนาคตที่ดีขึ้นได้ ผมมายืนตรงนี้เพื่อขอโอกาสกับทุกคน และยืนยันมั่นใจกับทุกคนว่าการให้โอกาสตนคือการให้โอกาสประชาธิปัตย์ ตนพร้อมจับมือร่วมแรงร่วมใจกับทุกคนที่มุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อพรรค พาพรรคก้าวสู่ความเป็นหนึ่ง และพาพรรคประชาธิปัตย์ไปเป็นที่หนึ่งในหัวใจประชาชนในอนาคต ผมหวังว่าจะได้รับโอกาสจากทุกคน” นายจุรินทร์ กล่าว
‘โบว์’โผล่จี้ปชป.ไม่หนุนบิ๊กตู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.15 น. น.ส.ณัฎฐา มหัทธนา หรือโบว์ อยากเลือกตั้ง เดินทางมายังที่โรงแรมมิราเคิล ถ.วิภาวดี ขณะที่ปชป. มีการประชุมใหญ่วิสามัญพรรค เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค โดยน.ส.ณัฎฐา กล่าวว่าตั้งใจเดินทางมามอบดอกไม้และยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ซึ่งเป็นผู้อาวุโสของพรรค เพราะเห็นว่าพรรคจะมีการประชุมเลือกหัวหน้าพรรค และกำหนดทิศทางใหม่ของพรรค
“อยากให้พรรครักษาสัจจะและหลักการประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต เคารพเสียงของประชาชน หยุด 250 ส.ว.ในการสืบทอดอำนาจและเลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากพลเรือน เราไม่ต้องการนายกรัฐมนตรีที่มาจากทหารอีกต่อไปตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค เคยหาเสียงไว้ว่าไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีก จึงอยากให้พรรค ปชป. รักษาสัจจะตรงนี้ แม้นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคแล้ว แต่ยังมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” น.ส.ณัฏฐา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี