3 มิ.ย.62 นายอนุสรณ์ ธรรมใจ รองประธานมูลนิธิปรีดี พนมยงค์ ได้โพสต์แถลงการณ์ลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Anusorn Tamajai" เรื่อง พรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนต้องหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ คสช.และยืนยันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 มิถุนายน ศกนี้ในที่ประชุมรัฐสภานั้น พรรคการเมืองต่างๆที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนต้องร่วมกันหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ คสช และ ยืนยันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยสัญญาไว้กับประชาชนว่า ไม่เห็นด้วยกับการสนับสนุนให้หัวหน้าคณะรัฐประหารกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและคัดค้านการสืบทอดอำนาจของ คสช และ พรรคภูมิใจไทยที่ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองเสียงข้างน้อยมีเสียงสนับสนุนในสภาผู้แทนราษฎรไม่เกินกึ่งหนึ่ง
ขณะเดียวกัน สมาชิกวุฒิสภาต้องเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นอิสระ ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ คสช หรือ งดออกเสียง เพื่อให้การเลือกนายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกของผู้แทนราษฎรที่มาจากประชาชน
สมาชิกรัฐสภาต้องร่วมกันหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช และ ลดความเสี่ยงของวิกฤตการณ์ทางการเมืองในอนาคต หากสมาชิกรัฐสภาทำหน้าที่โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยที่เป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดทิศทางประชาธิปไตยของประเทศจะทำให้สังคมมีทางออก สองพรรคการเมืองขนาดกลางต้องตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานหลักการประชาธิปไตย หลักนิติรัฐและหลักธรรมาภิบาล การเลือกนายกรัฐมนตรีผู้ที่เป็นหัวหน้า คสช หรือ หัวหน้าคณะรัฐประหาร จะขัดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงเป็นคุณลักษณะต้องห้ามเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 นอกจากนี้ การที่นักการเมืองบางกลุ่ม เข้าใจว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้บัญญัติขึ้นเพื่อพรรคการเมืองใดหรือกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง เพื่อเป็นเครื่องมือผู้มีอำนาจได้สืบทอดอำนาจต่อไป เป็นการทำลายหลักการประชาธิปไตยและทำลายระบบการปกครองโดยกฎหมายของประเทศ ซึ่งก่อให้ผลเสียอย่างรุนแรงต่อประเทศในระยะสั้นและระยะยาว
กรณี การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญชัดเจนว่า ห้ามไม่ให้ คณะรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ไว้ด้วย คือตาม มาตรา 160 เรื่องคุณลักษณะต้องห้ามการเป็นรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี มาตรา 129 เรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ใช้ มาตรฐานทางจริยธรรมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 บังคับแก่ผู้เป็น ส.ส. ส.ว.และคณะรัฐมนตรีด้วยซึ่งขัดข้อ 5 มาตรฐานจริยธรรม “ต้องยึดมั่นและธํารงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย” สำหรับ ส.ว. ยังต้องห้ามโหวต หัวหน้าคสช. ที่เป็นผู้คัดเลือก ส.ว.ทั้ง 250 คน เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ และข้อ 11 มาตรฐานจริยธรรม “ไม่กระทําการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม” โดยการใช้กำลังบังคับยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ที่ใช้อยู่ ยึดอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร ตุลาการและอำนาจจากประชาชนไปเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่ง รธน 50 มีบทบัญญัติ เรื่องห้ามการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยไว้ ด้วย ตามมาตรา 68 ว่า “บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้” พฤติกรรมยึดอำนาจการปกครองดังกล่าวได้ต่อเนื่องมาจนถึงวันเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 และยังมีการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตัวเองอยู่ในอำนาจต่อไปหลังการเลือกตั้งอีก หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สมาชิกรัฐสภาจะช่วยกันหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช และ ลดความเสี่ยงจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในอนาคต
ขอให้ผู้มีอำนาจอย่าได้ทำลายโอกาสและความหวังของประชาชน และ อย่าบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชน จึงขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจละวางจากอำนาจ หยุดการสืบทอดอำนาจ เพื่อเห็นแก่ความเป็นปึกแผ่นและความสงบสุขของบ้านเมือง ขอให้สมาชิกรัฐสภาทำหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรีโดยยึดผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของประชาชนและหลักการประชาธิปไตย หากสมาชิกรัฐสภาไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง คงต้องเป็นภาระหน้าที่ของผู้รักชาติรักประชาธิปไตยในทุกสาขาอาชีพจะต้องจัดตั้งเครือข่ายประสานงาน ปรึกษาหารือกันเพื่อกำหนดแนวทางและท่าทีว่าจะดำเนินการและเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไปเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจและแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยต่อไป
ด้วยความปรารถนาดีต่อประเทศและความมุ่งมั่นเพื่อประชาธิปไตย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี