สนธิรัตน์ฮึ่มจองพาณิชย์
ตังรบ.จบไม่ลง
ชงบิ๊กตู่เคาะนาทีสุดท้าย
เลือกคนดีเข้าไปทำงาน
ปชป.ย้ำทุกอย่างจบแล้ว
‘ช่อ-พรรณิการ์’งานเข้า
ตร.สอบโพสต์หมิ่นเหม่
“สนธิรัตน์”ย้ำชัดเก้าอี้รมว.พาณิชย์ ต้องเป็นของ พปชร.เท่านั้นเพื่อจะได้ไว้แก้ปัญหาปากท้องให้ชาวบ้านผลักดัน นโยบายของรัฐบาล ในขณะที่ “สุวิทย์”เผยต้องส่งให้ “บิ๊กตู่” เคาะรายชื่อเป็นคนสุดท้าย ด้าน“จุรินทร์”บอกทุกอย่างดีลจบแล้ว ไม่น่ามีปัญหา ในขณะที่ “ช่อ-พรรณิการ์”งานเข้า ตำรวจตั้ง 3 ทีม สอบโพสต์หมิ่นเหม่
เมื่อวันที่ 10มิถุนายน นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวความขัดแย้งการแบ่งกระทรวงระหว่าง พปชร.กับพรรคร่วมรัฐบาล ว่า ถือเป็นสีสันทางการเมืองอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ตนว่าสิ่งสำคัญคือ เราเห็นร่วมกันว่า มาขับเคลื่อนประเทศด้วยกัน เราเป็นทีมเดียวกันแล้ว ส่วนการเจรจามันมีเป็นปกติ ตนคิดว่าอย่างนั้น ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรเชื่อว่า เดี๋ยวก็มีข้อยุติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)และพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ระบุว่า การเจรจาจบแล้ว ข้อเท็จจริงการเจรจายังไม่จบใช่หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า เดี๋ยวก็ดูว่า เราพูดคุยกันอย่างไร บางส่วนจบแล้ว บางส่วนจะพูดคุยกันต่อ ไม่เป็นไร เรื่องพวกนี้พูดคุยกันได้ เชื่อว่าการเมืองสุดท้ายก็มีข้อยุติ
‘พปชร.’คาดแบ่งเก้าอี้จบเร็วๆนี้
ประเด็นดังกล่าว นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค พปชร.ระบุว่า อยู่ระหว่างการหารือ และน่าจะลงตัวในเร็วๆ นี้ ขณะนี้ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคและนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค เป็นผู้ประสานงานและหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล ขณะนี้ดูเหมือนจะเกิดความสับสนทั้งจากพรรคร่วมรัฐบาลและภายในพรรคเองนั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เป็นความคิดเห็นที่หลากหลาย อย่าไปมองว่าเป็นความขัดแย้ง เพราะไม่มีอะไร ในที่สุดต้องหาข้อยุติ เพราะประเทศต้องเดินหน้า อย่าไปมองว่าเรื่องนี้ทำให้รัฐบาลไม่เป็นเอกภาพ เดี๋ยวทุกอย่างก็ลงตัว เชื่อว่าทุกอย่างน่าจะใกล้จบแล้ว คงจะเร็วๆนี้
สุดท้าย’บิ๊กตู่’เคาะเพราะเป็นผู้นำ
เมื่อถามว่า นายกฯต้องเป็นคนตัดสินใจสุดท้ายหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ต้องให้เกียรติท่านพิจารณาอยู่แล้วในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐบาลและต้องมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจ ตอนนี้รอเพียงขั้นตอนการโปรดเกล้าฯตำแหน่งนายกฯลงมาเท่านั้น เมื่อถามถึงอดีต 4รัฐมนตรีจะไม่ได้รับตำแหน่งครบทั้ง 4คนในครม.ชุดต่อไปนั้น นายสุวิทย์ กล่าวว่าไม่ทราบ ยืนยันว่า เราทำได้ทุกภารกิจ ไม่ได้เจาะจงว่าต้องรับตำแหน่งใด รวมถึงไม่ถือว่าข่าวที่ออกมาเป็นความขัดแย้งในพรรคและเชื่อว่า น่าจะใกล้จบในเร็วๆนี้
‘สนธิรัตน์’เร่งแก้ปากท้องปชช.
ขณะที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพปชร. กล่าวว่า ตามที่พรรค พปชร.ได้แต่งตั้งให้มีคณะทำงานประสานงานพรรคร่วมในการจัดทำนโยบายรัฐบาล และแต่งตั้งให้ตนเป็นหัวหน้าคณะทำงานนั้น ขอเรียนว่า พันธกิจสำคัญของพรรคพปชร.ในการจัดตั้งรัฐบาล คือ การนำนโยบายสำคัญๆ เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ,การดูแลราคาสินค้าเกษตร ด้วยการชดเชยเงินช่วยเหลือต่อไร่,การเพิ่มมูลค่าที่ดินและสปก.4.0 ตามที่พรรคได้สัญญาไว้กับประชาชน นำไปสู่การปฏิบัติได้จริง รวมถึงการสร้างสังคมให้เกิดความสามัคคีปรองดองเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน ในฐานะที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจำเป็นต้องพิจารณาเพื่อเร่งดำเนินการในเรื่องสำคัญ คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยเฉพาะเรื่องปากท้องและรายได้ประชาชน การลดความเหลื่อมล้ำ การสร้างอนาคตและฐานรายได้ใหม่ให้ประเทศ เพื่อสนองตอบกับความไว้วางใจและคะแนนเสียงที่พี่น้องประชาชนมอบให้กับพรรคมากเป็นอันดับหนึ่ง
ต้องมี’พณ.’ในมือแก้ปัญหาได้
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า ด้วยเหตุนี้การจะบริหารงานเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่สำคัญของพรรค จำเป็นต้องมีกลไกของรัฐในกระทรวงหลักด้านเศรษฐกิจ เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายคล่องตัว ประสานสอดคล้องการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ระบบเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ช่วงการชะลอตัวและมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องพึ่งพาความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของการทำงานของรัฐบาล โดยการผลักดันนโยบายที่พี่น้องประชาชนเรียกร้องให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เช่น การขยายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การดูแลราคาและการหาตลาดให้สินค้าเกษตร การปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ที่ดินสปก.ตลอดจนการเร่งรัดลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม
คาดเจรจาพรรคร่วมลงตัวเร็วๆนี้
‘ในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรค พปชร.จึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการทำงานอย่างเป็นเอกภาพและประสานสอดคล้องของกระทรวงหลักด้านเศรษฐกิจเหล่านี้ โดยจะเจรจาหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค เพื่อหาแนวทางร่วมกันให้เป็นรัฐบาลที่มีความเข้มแข็ง บริหารงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชน ซึ่งการเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องแบ่งกระทรวงนั้น พรรคพปชร.จะเน้นนโยบายหลักของทุกพรรคเป็นสำคัญ มากกว่าการจัดแบ่งโควตาตามกระทรวงเพื่อให้เกิดการบริหารงานที่ตรงกับนโยบายและแนวทางรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ คาดว่าจะเจรจาร่วมกับทุกพรรคร่วมให้ได้องค์ประกอบที่ลงตัว เป็นที่ยอมรับได้ของทุกฝ่ายโดยเร็ว เพื่อให้เกิดรัฐบาลประชาธิปไตย ที่มั่นคงตามที่ประชาชนรอคอย ให้เข้ามาแก้ไขปัญหาและขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป’ นายสนธิรัตน์ กล่าว
‘จุรินทร์’ยันไม่มีสัญญาณล้มดีล
ทางด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าว ว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆที่จะเปลี่ยนกระทรวงที่แต่ละพรรครับผิดชอบ ทุกอย่างยังเป็นไปตามที่มีข้อยุติไปแล้ว เห็นแต่จากข่าว ซึ่งข้อเท็จจริงยังไม่เคยประสานเปลี่ยนแปลงอะไร
ส่วนข่าวที่ออกมาว่าการเจรจายังไม่นิ่ง เป็นแต่เพียงการโพสต์ของ หัวหน้าพปชร. นายจุรินทร์ กล่าวย้ำว่า การประสานงานเท่าที่ทำมาตั้งแต่ต้นจนถึงขณะนี้ได้ข้อยุติในนาทีสุดท้ายก่อนพรรคมีมติร่วมรัฐบาล ยังไม่มีการประสานมายังพรรคว่า จะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งสิ่งที่ตนพูดก็ถือว่าชัดเจนแล้ว ยืนยันว่าพรรคปชป.นิ่งแล้ว ไม่ได้ต่อรองอะไร เพราะทุกอย่างยุตินานแล้ว แต่รอขั้นตอนการโปรดเกล้าฯนายกฯ ซึ่งนายกฯหรือพรรคแกนนำจะแจ้งว่า ต้องการให้ส่งรายชื่อตัวบุคคล เมื่อไหร่ อย่างไร จากนั้นพรรคจะมีกระบวนการขั้นตอนตามข้อบังคับต่อไป
‘ราเมศ’ชี้ยังไม่คัดเลือกตัวรมต.
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษก ปชป. แถลงหลังประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ว่า ที่ประชุมยังไม่ได้พิจารณาหลักเกณฑ์และคุณสมบัติบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรี พรรคจะรอให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกฯก่อน จากนั้นจะประชุมเพื่อดำเนินการกระบวนการต่างๆที่เกี่ยวข้อง เริ่มต้นจากการพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมกรรยุทธศาสตร์พรรค แล้วนำผลที่ได้ส่งต่อให้คณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) โดยตามข้อบังคับพรรค กำหนดว่ากระบวนการวางตัวบุคคล จะต้องผ่านการพิจารณาของกก.บห.เพื่อจัดทำรายชื่อตังบุคคล จากนั้นจะส่งต่อไปให้ที่ประชุมร่วมระหว่าง สส.กับ กก.บห.ให้ความเห็นชอบในขั้นสุดท้าย ซึ่งการประชุมคณะกรรมการยุทศาสตร์ฯวันที่ 11มิถุนายน ยังไม่พิจารณาตัวบุคคลเป็นรัฐมนตรี
‘ภท.’ยืนยันต้องการ3กระทรวง
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณี นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค พปชร.ออกมาระบุถึงการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีในส่วนของพรรค ภท.หวังหางานเข้าบริษัทของตัวเองว่า เรื่องจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีเป็นเรื่องผู้ใหญ่ของทั้ง 2พรรคที่ได้หารือถึงความเหมาะสม ซึ่งในส่วนของพรรค ภท.นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคฯ มีความชัดเจนมาตั้งแต่ต้นว่า เราต้องการเข้าไปบริหารกระทรวงที่เรามีนโยบายช่วยเหลือประชาชนและเรามีความพร้อม สามารถเริ่มงานเพื่อประชาชนได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข หรือกระทรวงท่องเที่ยวกีฬา จากนี้ควรให้ผู้ใหญ่จาก 2พรรคคุยกันดีกว่า อย่าทำบรรยากาศให้ประชาชนเบื่อหน่าย
ซัดธนกรชกใต้เข็มขัดผิดมารยาท
“ที่บอกว่าเราต้องการกระทรวงคมนาคม เพราะต้องการหางานให้เข้าบริษัทตามที่ นายธนกร กล่าวอ้าง เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะชัดเจนว่า ท่านอนุทิน ไม่ได้มีตำแหน่งบริหารใดๆในบริษัทอย่างที่ นายธนกร เข้าใจ การออกมาตีกินทางการเมือง โจมตีกันอย่างนี้ถือว่า เสียมารยาททางการเมือง การจะทำงานร่วมกันควรไว้ใจกัน พูดคุยกันโดยตรงไม่ใช่ออกมาพูดกดดันผ่านสื่อ การทำแบบนี้เหมือนจ้องเล่นนอกกติการ ชกใต้เข็มขัด เพื่อหวังให้จุกแล้วจะมัดมือชก อย่างนี้เล่นนอกเกมเกินไป’พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าว
จี้’พปชร.’แก้ปัญหาภายในให้จบ
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวด้วยว่า พรรคภท.ไม่เคยก้าวก่ายกิจการภายในพรรคอื่นก่อน แต่ในเมื่อมีการพาดพิงมาถึงก็จำเป็นที่จะต้องชี้แจงว่า ความจริงเป็นอย่างไร การทำงานร่วมกันพูดคำไหนก็ต้องคำนั้น รับปากแล้วก็ต้องถือว่าจบ ไม่ใช่กลับไป กลับมา ไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่ขอพูดถึงปัญหาในพรรค พปชร.เพราะเราต้องให้เกียรติเขาในการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เราเป็นคนนอก ไม่ควรไปยุ่งกิจการภายในพรรคอื่น ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะจบด้วยดีโดยเร็ว เพราะประชาชนกำลังเดือดร้อน ถึงเวลาที่ต้องมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องให้ประชาชนได้แล้ว
10พรรคเล็กเหิมทวงเก้าอี้ล้มครืน
ที่ร้านทีเฮาส์ ถนนวิภาวดีรังสิต นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้นัดกลุ่ม 10พรรคเล็กหารือกรณีมีผู้ไม่หวังดีระบุว่า ทางกลุ่มไม่ต้องการตำแหน่งฝ่ายบริหาร ซึ่งไม่เป็นความจริง จึงต้องมีการหารือเพื่อทบทวนมติในการเข้าร่วมรัฐบาล แต่ปรากฎว่า เมื่อถึงเวลานัดหมายมีเพียง 2พรรค คือ นายพิเชฐ สถิรชวาล พรรคประชาธรรมไทยและพรรคไทยศรีวิไลย์ เท่านั้นที่มาร่วมหารือกัน
‘มงคลกิตติ์’ขอเป็นฝ่ายค้านทันที
โดย นายมงคลกิตติ์ กล่าวยอมรับ 10พรรคร่วม เสียงแตกในการเข้าร่วมกับพรรค พปชร.ส่วนตัวพร้อมเป็นฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำหน้าที่รัฐบาลและเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ หากไม่ได้ข้อยุติเรื่องโควต้ารัฐมนตรีและขอความเป็นธรรมให้กับ 10พรรคเล็กด้วย เพราะหากเทียบกับพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ที่ได้สส.10คน ได้โควต้ารัฐมนตรี 2ที่ ขณะที่พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ได้สส.3คน ได้โควต้ารัฐมนตรี 1ที่นั่ง ดังนั้นพรรคที่ต้องเสียสละต้องเป็นพรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมากกว่า เนื่องจากควรเปิดโอกาสให้พรรคร่วมได้แสดงฝีมือ
‘พิเชฐ’แจงไม่ได้เก้าอี้ยังหนุนพปชร.
ด้าน นายพิเชฐ กล่าวว่า การออกมาแถลงข่าวครั้งนี้ไม่ได้ต้องการต่อรอง หรือกดดันพรรค พปชร. แต่ต้องการสอบถามความชัดเจนว่า 10พรรคเล็กจะได้รับตำแหน่งใดบ้าง เพราะเห็นพูดถึงแต่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆว่าจะได้ดูแลกระทรวงใด แต่10พรรคเล็กไม่พูดถึงเลย เหมือนกับจะไม่ได้อะไรทั้งที่เรามี10ที่นั่ง อย่างน้อยควรมี 2เก้าอี้ ที่ผ่านมาพรรคเล็กได้ส่งรายชื่อหัวหน้าพรรคไปยังพรรคแกนนำว่า แต่ละคนมีคุณสมบัติถนัดงานด้านใดบ้าง แต่ยังไม่มีคำตอบชัดเจน ทั้งที่พรรคเล็กเป็นหน่วยกล้าตายพรรคแรกๆที่ประกาศมาร่วมรัฐบาลกับ พปชร.ถ้าหากสุดท้าย 10พรรคจะโดดเดี่ยว เหลือ 2พรรคก็พร้อมยอมรับมติ
เมื่อถามว่าหาก10พรรคเล็กได้รับการจัดสรรตำแหน่งที่ไม่ตรงใจ หรือไม่พอใจกับเก้าอี้ที่ได้จะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายพิเชษฐ กล่าวว่า เราไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว เพราะประกาศหนุนพรรค พปชร.ไปแล้ว ก็ต้องร่วมรัฐบาลต่อไป ต้องดูว่าจะพาพวกเราไปรอดหรือไม่
‘บิ๊กป้อม’เชื่อเดี๋ยวแบ่งรมต.ลงตัว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่เรียบร้อยว่า ตนไม่ทราบ เมื่อถามว่า จะทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายหรือไม่ เพราะมีการแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถ้าเบื่อก็ว่ากันไป จะให้ทำอย่างไร ทั้งนี้ นายกฯไม่ได้ปรึกษาอะไร ส่วนการแย่งชิงกระทรวงต่างๆของพรรคการเมืองนั้น ตนคงไม่มองอะไร เพราะไม่รู้เรื่อง อย่างไรก็ตาม ตนคงไม่ต้องไปให้ข้อคิดกับนักการเมือง เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว รู้อยู่แล้วทุกเรื่อง เมื่อถามว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับเลือกเป็นนายกฯแต่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังมีเวลาอยู่ ซึ่งนายกฯจะจัดการเอง เมื่อถามย้ำว่า แค่เริ่มต้นยังตีรวนกันเป็นห่วงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ปล่อยเขาไป ไม่ต้องเป็นห่วง
‘สมคิด’มั่นใจบิ๊กตู่จัดการจบชัวร์
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการฟอร์ม ครม.ว่า เป็นบทบาทหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยตรง โดยนายกฯคงจะเรียกและเชิญทุกคนที่เกี่ยวข้องมาดูเรื่องนโยบายร่วมกันในอนาคตข้างหน้า เพราะประเทศต้องมีการขับเคลื่อน ซึ่งวันนี้ทุกคนต่างพยายามส่งคนดีมาให้นายกฯ เลือกสรร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีโควตารัฐมนตรีในส่วนของนายสมคิดและทำให้มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ นายสมคิด กล่าวว่า ‘ฟังไว้เลยนะครับ ผมเป็นคนที่ไม่มีโควตา ผมมาทำงานแต่ละครั้ง ไม่ได้มารับใช้ใคร แต่มาทำงานให้บ้านเมือง ที่ผมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เพราะมองว่าท่านเป็นคนที่ช่วยดูแลประเทศไทยได้เท่านั้นเอง เดี๋ยวเขาก็ดีกันเอง ไม่มีปัญหาอะไรหรอก’
เมื่อถามว่า วันนี้คาดหวังอะไรมากที่สุดกับการเมืองไทย นายสมคิด กล่าวทีเล่นทีจริงว่า ‘เลี้ยงหลานนานๆไง’ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้ตนพูดเรื่องการเมือง ขอให้เขียนกันดีๆ อย่าไปเขียนอีกอย่างหนึ่ง
ตร.สอบ’ช่อ’โพสต์ไม่เหมาะสม
วันเดียวกันพล.ต.ท.ปิยะ อุทยาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.)กล่าวถึงกรณี น.ส.พรรณิการ์ วานิช สส.บัญชีรายชื่อพรรคอนค.และโฆษกพรรคอนค.โพสต์รูปชุดครุยจุฬาในลักษณะที่ไม่เหมาะสมว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้นิ่งนอนใจ รวมถึงหลายๆกรณีที่เกิดขึ้น ศปอส.ตร.ได้สั่งการไปยัง 3หน่วยงานให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าว 1.กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ให้ตรวจสอบเฟสบุ๊ค อินสตาแกรมของ น.ส.พรรณิการ์ ว่าเข้าข่ายความผิด พรบ.คอมพิวเตอร์หรือไม่ 2.ให้กองกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบกรณีดังกล่าวเข้าข่ายมีความผิดอาญาหรือไม่ และ3.มอบหมายให้ พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) ดำเนินการตรวจสอบในกรณีดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวกับความมั่นคงหรือไม่ อย่างไร เบื้องต้นยังตอบไม่ได้ว่าผิดหรือไม่ผิด ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด รวมทั้งตรวจสอบเพื่อนที่อยู่ในรูปถ่ายด้วยว่า มีการกระทำความผิดหรือไม่ ถ้าผิดก็ดำเนินการไปตามกระบวนการกฎหมาย
“ศรีสุวรรณ”จ่อยื่นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับประเด็นล่อแหลมของช่อ-พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ภาพและข้อความจำนวนมากในเฟซบุ๊ก @Pannika Chor Wanich ที่ทำให้ประชาชนเข้าใจไปในทางที่อาจเชื่อมโยงกับเรื่องของสถาบัน ทางด้าน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์เฟชบุ๊คว่า จะยื่นเรื่องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี