‘พปชร.’สายใต้ก่อหวอด
ทวงเก้าอรมต.
ขู่ไม่ได้อนาคตสูญพันธุ์
‘เสี่ยหนู’ยืนยันแค่ข่าวลือ
‘ชาดา’ชวดรมช.เกษตรฯ
ปชป.เปิด‘อเวนเจอร์ส’ศก.
ถึงคิว 13 พปชร.ภาคใต้ เปิดวอร์รูมทวงเก้าอี้รัฐมนตรี หลังสส.อีสานนำร่อง เผยถ้าภาคใต้ไม่มีรัฐมนตรีเลือกตั้งต่อไปมีโอกาสสูญพันธุ์ เนื่องจากคู่แข่งจัดเต็มมีรัฐมนตรีสายใต้ทุกพรรค พร้อมดับเครื่องชน 7 พรรคฝ่ายค้าน เตรียมยื่นเรื่องประธานสภาฯส่งต่อศาลรธน.ให้วินิจฉัย 20 สส.ถือหุ้นสื่อสัปดาห์นี้
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นายเอกราช ช่างเหลา สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งเป็นแม่ทัพ พปชร.ในการเลือกตั้งที่อีสาน ขู่ทบทวนบทบาทหลังถูกเมินไม่มีตำแหน่งทางการเมือง หลังพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์ประสานงาน จ.ขอนแก่นและศูนย์ประสานงาน จ.อุบลราชธานี ทำคะแนนรวมได้ 1,364,761คะแนน ได้ สส.19คน โดยได้ สส.เขต 2คน สส.บัญชีรายชื่อ 17คน แต่ไม่ได้รับการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี
แหล่งข่าวระดับสูงในพรรค พปชร.เปิดเผยว่า ทางแกนนำของพรรคได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว ภายหลังนายเอกราช ออกมาแถลงข่าว แต่เห็นว่าโผครม.ในส่วนของพรรค พปชร.ค่อนข้างจะนิ่งแล้วกว่าร้อยละ90 แต่หากจะมีการทบทวนหรือพิจารณาจัดสรรรายชื่อใหม่ ต้องเป็นอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตัดสินใจ
พปชร.สายใต้ทวงเก้าอี้รมต.
ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า 13สส.ภาคใต้ ซึ่งเป็นกลุ่มสส.ด้ามขวาน ก็ไม่พอใจที่ทางกลุ่มไม่ได้รับจัดสรรตำแหน่งใดๆ ทั้งๆที่ได้สส.เข้ามาถึง 13คน ทำให้ทางกลุ่ม สส.ใต้ เตรียมทวงถามความเป็นธรรมเช่นกันโดยรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีในโควตาภาคใต้เบื้องต้น เสนอคือ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตสมาขิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) หัวหน้าทีมเลือกตั้งภาคใต้ของพรรค
ด้าน นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง พรรคพปชร.กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีของกลุ่มภาคใต้ 13เสียง ที่ไม่มีตำแหน่งในครม.ว่า ที่ผ่านมาเราอยู่แบบเงียบๆ ไม่เคยกดดัน หรือต่อรองใดๆ ทางกลุ่มก็ได้ประสานกับทางผู้ใหญ่ไปเป็นการภายใน ด้วยหลักการและเหตุผล ขอยืนยันว่าเราไม่เคยไปกดดันอะไร เพราะสาเหตุที่คนภาคใต้เลือกพรรคพปชร.เข้ามาเพราะเขาต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าไม่มีคนในสัดส่วนของภาคใต้เข้าไปนั่งบริหารก็คงจะสู้เขาไม่ได้ เพราะตอนนี้ทั้งพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก็จัดเต็มทั้ง 2 พรรค “หากยังปล่อยไว้แบบนี้ ผมมั่นใจว่าพปชร.จะสูญพันธุ์ที่ภาคใต้แน่นอน”นายนิพันธ์ กล่าวและว่า ในวันที่ 17มิถุนายน เวลา 15.00น.ทางกลุ่มจะเปิดที่ทำงาน“กลุ่มด้ามขวานไทย”ที่แยกถนนพิชัย เพื่อเป็นสถานที่ทำงานของทางกลุ่ม ซึ่งมี สส.13คน รวมถึงจะมีการประชุมกำหนดท่าทีการทำงานกับพรรคด้วย”
‘ภท.’ส่งรายชื่อให้บิ๊กตู่17มิย.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีในส่วนของพรรคภูมิใจไทย 8 ตำแหน่งว่า ทางพรรคภูมิใจไทยจะส่งรายชื่อบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีทั้งหมดให้กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 17 มิ.ย. โดยขณะนี้รายชื่อทั้งหมดยังคงสามารถเปลี่ยนแปลงได้จนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะส่งถึงมือนายกฯ
เมื่อถามกรณีมีกระแสข่าว นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค และส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย จะไม่ได้ดำรงตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเพียงกระแสข่าว ซึ่งไม่ทราบว่ามาจากไหน แต่ก็เข้าใจ เพราะตำแหน่งมีน้อย และคนมีมาก จึงมีการปล่อยข่าวออกมาแบบนี้ สำหรับรายชื่อที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้นั้นว่าจะมีใครในพรรคภูมิใจไทยได้ตำแหน่งรัฐมนตรีบ้างนั้นก็มีถูกบ้างผิดบ้าง แต่ยังไม่ถูกทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะทางพรรคจะพิจารณาความเหมาะสมจนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนส่งนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อรัฐมนตรีในสัดส่วนพรรคภท.จำนวน 8ตำแหน่งนั้น คาดว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค จะดำรงตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะดำรงตำแหน่งรมว.คมนาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ สามีนางนาที รัชกิจประการ เหรัญญิกพรรคแลพแม่ทัพภาคใต้ จะดำรงตำแหน่งรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา
ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ คาดว่า นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค จะดำรงตำแหน่งรมช.มหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค จะตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ น.ส.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รองหัวหน้าพรรค จะดำรงตำแหน่งรมช.ศึกษาธิการ และนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย จะดำรงตำแหน่งรมช.พาณิชย์
“ชัด”ปัดจับมือ”ดำรงค์ พิเดช”
นายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ให้สัมภาษณ์ปฎิเสธกระแสข่าวพรรคพลังท้องถิ่นไท จะจับมือกับพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย เพื่อกดดันแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี และยืนยันว่าพรรคพลังท้องถิ่นไทไม่มีเรื่องต่อรองขอตำแหน่งรัฐมนตรี ท่านอาจจะมองว่าผมมี 3 เก้าอี้ ท่านมี 2 เก้าอี้น่าจะสามารถรวมกันได้ แต่ยืนยันว่าไม่มีเรื่องนี้ ส่วนกรณีที่นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย แถลงข่าวขอช่วยทำงานในส่วนที่เป็นนโยบายเกี่ยวกับดูแลทรัพยากรธรรมชาติ แต่หากไม่ได้ก็จะขอเป็นฝ่ายค้านอิสระนั้น อาจจะเป็นเพราะนายดำรงค์ พิเดช อยากเข้าไปทำงานในส่วนนั้น เนื่องจากมีความรู้ ความชำนาญในงานด้านนั้นอยู่ ในส่วนตนพูดตั้งแต่แรกแล้วว่าเราอยากให้ประเทศเดินหน้า และหวังอยากทำงานเพื่อประเทศเดินต่อไปก็พอใจแล้ว
“ผมเข้าใจท่าน เพราะท่านมีความรู้ ความชำนาญในเรื่องนี้จึงอยากเข้าไปทำงานตรงนี้ แต่ตัวผมไม่มีอะไร ไม่ได้คิดถึงเรื่องตำแหน่งอะไร ยังยืนยันคำเดิมตั้งแต่แรก และช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้เจอท่านแล้วด้วย” นายชัชวาลล์ กล่าว
‘ชทพ.’ได้รมว.กระทรวงทรัพย์ฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำพรรค พปชร.ได้รับทราบข้อเรียกร้องของ นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย แต่ยืนยันว่าโควตากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นของพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) และก่อนหน้านี้ก็ได้ยื่นข้อเสนอให้ นายดำรงค์ เข้ารับตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี แต่นายดำรงค์ เห็นว่านโยบายของพรรครักษ์ผืนป่าฯไม่ตรงกับพรรคชทพ.จึงได้ปฏิเสธรับตำแหน่งดังกล่าว โดยพปชร.เตรียมส่งแกนนำเข้าหารือกับนายดำรงค์ ในสัปดาห์หน้าพร้อมเชื่อว่า2 เสียงของพรรครักษ์ผืนป่าฯ ยังคงอยู่ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน
รองโฆษกพปชร.เบรคลูกพรรค
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าฯ เรียกร้องพรรคพลังประชารัฐขอร่วมงานในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามที่เคยตกลงไว้ หากไม่เป็นเช่นนั้นจะขอถอนตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะพิจารณาเพียงคนเดียว ดังนั้น ควรให้เกียรติและเคารพการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์จะพิจารณาตามความเหมาะสมสำหรับบุคคลที่จะเข้าไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในแต่ละกระทรวง จึงอยากให้ทุกฝ่ายยึดผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก
นายธนกร กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีนายเอกราช ช่างเหล่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ออกมาระบุว่าภาคอีสานตอนบนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการจัดสรรตำแหน่งนั้น ทางผู้บริหารของพรรคให้ความสำคัญกับทุกภาค และดูถึงความเหมาะสมเป็นหลัก สุดท้ายพล.อ.ประยุทธ์จะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งต้องให้เกียรติในการตัดสินใจ ส่วนกรณีที่มีการรายงานข่าวว่า นายเอกราชอยู่ในกลุ่มสามมิตรนั้นก็ไม่เป็นความจริง นายเอกราชไม่ได้อยู่ในกลุ่มสามมิตร ที่สำคัญ ขณะนี้ไม่มีกลุ่มสามมิตรแล้ว มีแต่พลังประชารัฐเพียงหนึ่งเดียว อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งรัฐมนตรีมีจำกัด ย่อมมีคนผิดหวังและสมหวังเป็นธรรมดา แต่ตนเชื่อว่าทุกอย่างจะสามารถทำความเข้าใจกันได้ เพราะที่ผ่านมาทุกคนต่างก็ทำงานให้พรรคอย่างเต็มที่
‘ขอย้ำอีกครั้งเพราะเวลานี้ใครผิดหวังในการจัดตั้งรัฐบาล ใครจะออกมาเรียกร้องอะไร ก็อยู่กลุ่มสามมิตร การจะนำเสนออะไรหากสงสัย หรือไม่ชัวร์ ก็โยนให้สามมิตร ผมว่าพอเถอะครับ เพราะเวลานี้เรามีเพียงอย่างเดียวคือ พรรคพลังประชารัฐ อย่าโยงไปเรื่อยเพราะคนถูกกล่าวหา โจมตี คือแกนนำที่ไม่รู้เรื่อง และกลับกลายเป็นการโยนบาปทั้งที่เขามิได้กระทำ” นายธนกร กล่าว
ดับเครื่องชนพรรคฝ่ายค้านปมหุ้น
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนและเพื่อน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐอีกจำนวนหนึ่งกำลังรวบรวมข้อมูล การถือครองหุ้น ของ ส.ส.ฝ่ายค้าน 7 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคพลังปวงชนไทย พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคเพื่อชาติ และพรรคประชาชาติ ที่มีชื่อเป็นผู้ถือครองหุ้นในบริษัทที่มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการ ประเภท หนังสือพิมพ์ และสื่อมวลชน เพื่อทำคำร้องยื่นต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเข้าข่ายขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ห้ามผู้สมัคร ส.ส.เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ โดยเบื้องต้น ตรวจสอบรายชื่อ ส.ส.ฝ่ายค้านแล้วพบว่าเข้าข่ายดังกล่าวประมาณ 20 คนขึ้นไป
ทั้งนี้กรณีที่นายปิยะบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ได้ร่วมกันยื่นคำร้องให้ตรวจสอบ ส.ส. 41 คนของฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ตนเห็นว่า ควรจะต้องตรวจสอบ ส.ส.ที่มีชื่อเป็นผู้ถือครองหุ้นในลักษณะเดียวกันให้ครบทุกพรรค เพื่อความชัดเจน และปฏิบัติให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่เลือกตรวจสอบแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เหมือนที่พรรคอนาคตใหม่ทำ เพราะหากดูจากรายชื่อ ส.ส.ที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นตรวจสอบล้วนเป็น ส.ส.ในฝั่งของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ปรากฎชื่อ ส.ส.ของฝั่ง 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ดังนั้นจึงอยากจะยกคำกล่าวของนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ว่าที่เลขาธิการประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเคยบอกกับนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ขึ้นมาเตือนสติอีกสักครั้งว่า ถ้าอยากเป็นส.ส.ที่ดี การตรวจสอบไม่ควรเลือกปฏิบัติบัติ คาดว่า จะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดประกอบคำร้องและลงชื่อร่วมกับ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลให้ครบ 50คนและยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรภายในสัปดาห์นี้ เพื่อส่งให้ยังศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
เชื่อชาวบ้านจะสั่งสอนครม.
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวรายชื่อคณะรัฐมนตรีในขณะนี้ว่า รายชื่อที่ออกมาไม่มีอะไรแปลกใหม่ เป็นรายชื่อของสมาชิก คสช.และกลุ่มการเมืองที่สนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะอยู่ต่อ บางพรรคยอมกลืนน้ำลายตัวเอง ยอมผิดสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนก่อนการเลือกตั้ง ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองเก่าเคยเป็นรัฐมนตรีมาก่อนแทบทั้งนั้น รู้เห็นฝีไม้ลายมือกันอยู่ แต่ส่วนตัวเห็นว่า การเดินหน้านโยบายของรัฐบาลคงเป็นไปได้ยาก เพราะแต่ละพรรคต่างก็มีนโยบายของตัวเอง ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างทำ สุดท้ายอาจไปคนละทิศละทาง และประชาชนจะเดือดร้อน ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา ซึ่งการที่รัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้นานหรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นกับฝ่ายค้านในสภาฯ แต่อยู่ที่ฝ่ายรัฐบาลเองที่จะเป็นตัวแปร เพราะวันนี้คณะรัฐมนตรียังไม่ออกมาแต่มีการปล่อยข่าวให้ร้ายกันแล้ว วันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว นักการเมืองทำอะไรไว้ประชาชนเขาจำได้ และจะสั่งสอนเมื่อมีการเลือกตั้ง
โพลล์อยากให้รัฐแก้ปากท้อง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง แก้ปากท้อง กับ เป็นธรรมก่อน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,094 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ระหว่างวันที่ 3-15มิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อถามถึงสถานการณ์การเมืองกับความเป็นธรรมทางการเมืองว่ามีความเป็นธรรมมากน้อยเพียงไร ร้อยละ87.0 ระบุมีความเป็นธรรมน้อยถึงไม่มีเลย ร้อยละ13.0 ระบุมีมากถึงมากที่สุด เมื่อจำแนกออกตามกลุ่มตัวอย่างคนกรุงเทพมหานคร กับ คนต่างจังหวัด พบว่า ทั้งคนกรุงเทพมหานคร และ คนต่างจังหวัดส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 87.9 และ 86.1 ระบุมีความเป็นธรรมทางการเมืองน้อยถึงไม่มีเลย
เมื่อถามถึงปัญหาที่ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขเร่งด่วนเป็นอันดับแรก ร้อยละ84.4 ระบุแก้ปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูง รายได้ตกต่ำ ร้อยละ4.0 ปัญหาความไม่ยุติธรรม ความไม่เป็นธรรมทางการเมือง ร้อยละ3.0 ระบุปัญหาการพัฒนาประเทศ ร้อยละ2.6 ระบุปัญหาคมนาคม อุบัติเหตุ ปัญหาจราจร
ร้อยละ2.5 ระบุปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ร้อยละ3.5 ระบุปัญหาอื่น ๆ เช่น ปัญหาการศึกษา ปัญหาน้ำท่วมขัง ปัญหาสวัสดิการพนักงานลูกจ้าง เป็นต้น
เมื่อจำแนกออกเป็นคนกรุงเทพฯ และ คนต่างจังหวัด พบว่า ทั้งคนกรุงเทพฯ และ คนต่างจังหวัดส่วนใหญ่หรือร้อยละ86.8 ของคนกรุงเทพฯ และ ร้อยละ 81.7 ของ คนต่างจังหวัด ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูง รายได้ตกต่ำ เป็นอันดับแรก แต่ที่น่าสนใจคือ คนต่างจังหวัดมีสัดส่วนของคนที่เห็นถึงความไม่เป็นธรรมทางการเมืองสูงกว่าคนกรุงเทพฯ คือร้อยละ 5.6 ต่อร้อยละ 2.6 ในการสำรวจครั้งนี้
เพิ่มเงินในกระเป๋าชาวบ้าน
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ถึงแม้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นถึงความไม่เป็นธรรมทางการเมืองก็ตาม แต่ปัญหาปากท้อง รายได้ตกต่ำเป็นโจทย์ใหญ่สุดของประชาชนทั่วไปในเวลานี้ และที่น่าเป็นห่วงยิ่งขึ้นไปอีกคือ ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นกลับตกเป็นอันดับท้าย ๆ ดังนั้น การรณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญในปัญหาอื่น ๆ มากกว่าปัญหาปากท้อง จึงเป็นสิ่งท้าทายของทุกหน่วยงาน โดยที่อารมณ์ของสาธารณชนขณะนี้น่าจะเป็นผลมาจากสภาวะการเมืองที่อ่อนแอและอาจส่งผลเป็นลูกโซ่ต่อระบบทางสังคม (Social System) ในมิติอื่น ๆ ได้จนยากจะเยียวยา ทางออก3เร่งคือ 1.เร่งประสานลดความขัดแย้งในตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ 2.เร่งเพิ่มเงินในกระเป๋าของประชาชนผ่านนโยบายสาธารณะ ลดอุปสรรคที่สกัดรายได้สุจริตของประชาชนและ3.เร่งรณรงค์ขับเคลื่อนสังคมให้เห็นความเป็นธรรมทางการเมืองและความซื่อสัตย์สุจริตของผู้นำทางการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี