รศ.ดร.พรอัมรินทร์ พรหมเกิด อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งได้ทำวิจัยเรื่อง "การศึกษาเครือข่ายกลุ่มอิทธิพลซึ่งนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชันอย่างเป็นระบบ ของภาคการศึกษา กรณีศึกษา โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขตที่ 24 , 25 , 26 (กาฬสินธุ์ , ขอนแก่น , มหาสารคาม)" โดยได้ทำการศึกษาในช่วงปี 2560 - 2561 ที่ผ่านมา และพบว่ามีการทุจริตในหลายรูปแบบ จนทำให้ผู้บริหารสถานศึกษาบางรายร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐกิจ
รศ.ดร.พรอัมรินทร์ ได้เปิดเผยผลการวิจัยว่า การทุจริต คอร์รัปชันในวงการศึกษาพบว่ามีหลายรูปแบบมาก ทั้งรูปแบบและลักษณะความร่วมมือการทุจริตคอร์รัปชันอย่างเป็นระบบในภาคการศึกษาเครือข่าย กลุ่มอิทธิพล มี 2 กลุ่มใหญ่ คือ การทุจริตจากการจัดซื้อจัดจ้าง การก่อสร้าง และการจัดซื้อวัสดุ คุรุภัณฑ์ทางการศึกษา การทุจริตคอร์รัปชันจากระบบบริหารงานบุคคล การทุจริตคอร์รัปชันจากการรับนักเรียนเข้าสถานศึกษา การทุจริตจากการเบี่ยงเบนงบประมาณที่ได้รับจากส่วนกลาง และเงินอุดหนุนประเภทต่างๆ นอกจากนั้นยังมีการทุจริตจากระบบสหกรณ์ออมทรัพย์ครู การก่อสร้างสนามฟุตซอล และอื่นๆ อีกมากมาย
โดยการทุจริตจะทำเป็นเครือข่าย เรียกว่าเครือข่ายอิทธิพล ประกอบด้วย ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในกรม กระทรวง และเขตพื้นที่การศึกษา ลงมาถึงผู้อำนวยการโรงเรียน หากเป็นโครงการใหญ่ๆ จะมี นักการเมือง นักธุรกิจ พ่อค้า ผู้รับเหมาเข้ามาร่วมในวงจรเครือข่ายผู้มีอิทธิพลด้วย โดยเฉพาะเรื่องการก่อสร้าง ซึ่งเป็นแหล่งทำมาหากินของผู้มีอำนาจ โดยมีการขอเปอร์เซ็นต์กันเฉลี่ยที่ 30 เปอร์เซ็นต์ ผู้เกี่ยวข้องหลักในกระบวนการทุจริตในการก่อสร้างกลุ่มแรกคือผู้บริหารสถานศึกษาเพราะมีอำนาจในการกำหนดสเปคงาน พิจารณาอนุมัติงบประมาณก่อสร้างได้ โดยเฉพาะในโรงเรียนขนาดใหญ่ ผู้บริหารสถานศึกษาถือเป็นผู้มีอิทธิพล เพราะนั่งหลายเก้าอี้ มีเงินในมือ และเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขต่างๆ ได้
นอกจากนั้น ยังพบการทุจริตในการจัดซื้อหนังสือ วัสดุ และคุรุภัณฑ์ รายใหญ่ จะมีเครือข่ายอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ตั้งแต่ระดับนโยบาย ซึ่งเชื่อมโยงกับนักการเมือง นักธุรกิจ ผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ลงมาถึงผู้บริหารสถานศึกษาในระดับโรงเรียน รูปแบบการทุจริตเห็นได้ชัด ว่า หากกระทรวงมีการอนุมัติงบประมาณการจัดซื้อหนังสือ วัสดุ คุรุภัณฑ์ลงมา แม้ผู้บริหารบางโรงเรียนไม่ได้ต้องการวัสดุดังกล่าว แต่จำเป็นต้องรับ เพราะถูกสั่งการลงมา
จากการศึกษาวิจัยพบว่าทำให้เกิดการฮั้วประมูลเต็มรูปแบบ ล็อคสเปคหนังสือตำรา วัสดุคุรุภัณฑ์ทางการศึกษา การหาประโยชน์จากส่วนต่างของราคา เคยมีคนให้ข้อมูลพบว่าที่จังหวัดแห่งหนึ่งจับการทุจริตได้ทำให้รัฐได้เงินคืนกว่า 30 ล้านบาท และนอกจากนั้นยังมีรูปแบบทุจริตแบบจัดซื้อจัดจ้างอำพราง โดยมีการ ทำโครงการเอางบประมาณมาใช้ แต่ไม่มีการก่อสร้างอะไร เป็นการหลอกลวง โดยรูปแบบนี้มีค่อนข้างเยอะ แต่ที่เยอะมากคือการซื้อใบเสร็จแลกเงินสด ด้วยการออกใบเสร็จซื้อวัสดุสิ้นเปลืองเพราะสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินหรือ สตง.ตรวจสอบไม่ได้ เช่นอยากได้เงิน 5 หมื่นบาท ก็ให้ร้านออกใบเสร็จมา 5 หมื่นบาท แต่จ่ายเงินซื้อใบเสร็จนั้นแค่ 5 พันบาท ร้านค้าก็ยอม เพราะได้เงินแต่ไม่ต้องเสียของให้ ถือเป็นการสมประโยชน์ทั้งสองฝ่ายและทำกันมาก
จากการศึกษาวงจรทุจริตแบบนี้พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาบางรายในโรงเรียนชื่อดังของจังหวัดแห่งหนึ่งพอเกษียณและพ้นจากตำแหน่งกลายเป็นมหาเศรษฐี บางคนมีทรัพย์สินเป็นร้อยล้านบาท ว่ากันว่าวันสำคัญๆ กระเช้าของขวัญที่มีคนให้มาด้านบนเป็นของขวัญแต่ด้านล่างมีเงินวางเต็มไปหมด แต่เรื่องแบบนี้ตรวจสอบไม่เจอแม้จะมีการร้องเรียน เพราะระบบการตรวจสอบของไทยหย่อนยาน เจ้าหน้าที่ ปปช. , ปปท. , สตง.เข้าไม่ถึง ไม่สามารถลงไปหาข้อมูลเหล่านี้ได้ แต่การวิจัยได้ข้อมูลจากการไปสอบถามคนแวดล้อม และคนที่เคยใกล้ชิด จึงได้ข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากการศึกษาเชิงลึก
"ตอนนี้สังคมไทยเดินทางมาถึงจุดที่ผู้มีอำนาจทุกระดับ ถ้าเขามีโอกาส เขาจะทุจริต เขาคิดเรื่องการทุจริตทุกลมหายใจ ไม่เว้นแม้แต่ผู้บริหารสถานศึกษาที่มาจากสายพระ หรือเคยบวชเรียนมาก่อน เป็นเจ้าอาวาส เป็นเจ้าคณะอำเภอมาก่อน เพราะผู้มีอำนาจ มองการทุจริตเป็นเรื่องธรรมดาจนกลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว" รศ.ดร.พรอัมรินทร์ กล่าว และว่า ส่วนเรื่องการทุจริตอาหารกลางวันเป็นตัวอย่างรายเล็กรายน้อยเท่านั้น เพราะรายใหญ่ๆ ไปอยู่ที่การก่อสร้าง การซื้อหนังสือ วัสดุ คุรุภัณฑ์มากกว่า รวมไปถึงเรื่องสหกรณ์ออมทรัพย์ครูที่มีอยู่ในทุกจังหวัด ยิ่งมีเงินเยอะ ยิ่งมีการทุจริตเยอะ ผู้จัดการสหกรณ์บางราย ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี แถมยังเกี่ยวพันกับเรื่องการเมือง จนกลายเป็นผู้มีอิทธิพลไปแล้ว
ส่วนการป้องกันกลุ่มอิทธิพลซึ่งนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชันนั้น รศ.ดร.พรอัมรินทร์ กล่าวว่า ต้องสนับสนุน กลไกเครือข่ายภาคประชาสังคม การสร้างกลไกแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันของบุคลากรทางการศึกษา การป้องกันด้านกฎหมายและระเบียบต่างๆ เพื่อให้เรากล้าที่จะมองเรื่องการทุจริตเป็นความผิด อย่ามองว่าเป็นแค่เรื่องปกติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี