ซูเปอร์โพลสำรวจฉลุย
เชื่อมั่น‘บิ๊กตู่’
เดินหน้านโยบายเต็มสูบ
สะกิดอย่าลืมแก้ปัญหาปากท้อง
‘ชวน’เคาะแล้วแถลงวันที่25กค.
‘อุตตม’ลั่นศอกกลับฝ่ายค้าน
เตือนห้ามซักฟอกชกใต้เข็มขัด
ผลสำรวจซูเปอร์โพล เชื่อมั่น “บิ๊กตู่” บริหารประเทศฉลุยตามนโยบายที่หาเสียงไว้ พร้อมสะกิดอย่าลืมแก้ปัญหาปากท้อง ประกันรายได้พืชผลทางการเกษตร ด้านประธานชวน กำหนดวันประเดิมแถลงนโยบายชัดเจนแล้ว 25 กรกฎาคม จะลากยาวกี่วันให้วิปไปหารือกัน ในขณะที่ “อุตตม”พร้อมแจงในสภา ทั้งประกาศศอกกลับฝ่ายค้านหากชกใต้เข็มขัด ลูกทีม “พปชร.” โดดขวางพรรคร่วมเสนอนโยบายเปิดบ่อน
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง เสียงของประชาชน ทวงสัญญานโยบายเร่งด่วน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,063 คน ระหว่างวันที่ 10-12 กรกฎาคม 2562
เมื่อถามถึงความต้องการต่อรัฐบาลทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 91.4 ระบุต้องการ ในขณะที่ร้อยละ 8.6 ไม่ต้องการ
เมื่อถามถึงนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลที่ประชาชนต้องการตามที่เคยหาเสียงไว้ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 83.3 ระบุ นโยบายประกันรายได้ของพรรคประชาธิปัตย์ พืชผลทางการเกษตร เช่น ยางพารา กิโลละ 60 บาท ข้าวไม่ต่ำกว่าเกวียนละ 10,000 บาท ปาล์ม 10 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ร้อยละ 74.2 ระบุ จบปริญญาตรีรับขั้นต่ำ 20,000 บาทต่อเดือนของพรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 70.2 ระบุขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาทต่อเดือนของพรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 68.4 ระบุ พักหนี้เงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 5 ปี ผ่อนคืนเงินต้น 10 ปี ใช้ภาษีเงินได้หักลดยอดหนี้ได้ของพรรคภูมิใจไทย
นอกจากนี้ ร้อยละ 66.2 ระบุ ตั้งท้องรับ 3,000 บาท ค่าคลอด 10,000 บาท ค่าดูแลลูก 2,000 บาทต่อเดือนนาน 6 ปีของพรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 65.4 ระบุ เพิ่มสิทธิประชาชนได้ลดค่าน้ำ 100 บาทต่อเดือน ค่าไฟฟ้า 230 บาทต่อเดือน เงินซื้อสินค้า 500 บาทของพรรคพลังประชารัฐ และร้อยละ 59.1 ระบุ กัญชาเสรี ให้ประชาชนปลูกหารายได้ได้ของพรรคภูมิใจไทย
มุ่งแก้ค่าครองชีพ-ทุจริตคอร์รัปชั่น
เมื่อถามถึงแนวทางแก้ปัญหาที่ประชาชนต้องการเห็นในนโยบายรัฐบาลพบว่าร้อยละ 61.5 ระบุค่าครองชีพสูง ร้อยละ 55.2 ระบุปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ร้อยละ 51.4 ระบุความไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติ ร้อยละ 49.1 ระบุความไม่ปลอดภัยทางถนน อุบัติเหตุ หวาดกลัวแม้ข้ามทางม้าลาย ร้อยละ 45.4 ระบุปัญหาคนไทยตกงาน ถูกแย่งอาชีพ อาชีพไม่มั่นคง ร้อยละ 37.8 ระบุอาชญากรรม ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ร้อยละ 35.7 ระบุความไม่มีวินัยของคนไทย ร้อยละ34.2 ระบุทัศนคติที่ไม่ดี การสร้างความเกลียดชังต่อกัน ร้อยละ31.5 ระบุหนี้นอกระบบ และร้อยละ27.8ระบุกฎระเบียบรัฐ อุปสรรคทำมาหากิน ตามลำดับ
ปชช.เชื่อมั่น‘พล.อ.ประยุทธ์’มากสุด
เมื่อถามถึงรัฐมนตรีที่ประชาชนเชื่อมั่นมากที่สุด พบว่าประชาชนร้อยละ 73.8 เชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะที่ร้อยละ 7.1 เชื่อมั่นนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร้อยละ 4.8 เชื่อมั่นนายวิษณุ เครืองาม ร้อยละ 3.6 เชื่อมั่นนายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 3.2 เชื่อมั่นนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ร้อยละ 2.4 เชื่อมั่นนายเทวัญ ลิปตพัลลภ ร้อยละ 1.2 เชื่อมั่น ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล และร้อยละ 3.9 เชื่อมั่นคนอื่น ๆ เช่น คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และ นายดอน ปรมัตถ์วินัย เป็นต้น
เมื่อถามถึงความต้องการเอาผิดพรรคการเมืองตามกฎหมาย ถ้าไม่ทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้กับประชาชนพบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 92.1 ระบุต้องการเอาผิด ขณะที่ร้อยละ 7.9 ระบุไม่ต้องการเอาผิด
แนะรบ.เร่งทำงาน-ไม่มีฮันนีมูน
ทั้งนี้ ผอ.ซูเปอร์โพล ยังกล่าวด้วยว่า ผลโพลครั้งนี้ ชี้ให้เห็นได้ว่าหลังจากมีความชัดเจนในการตั้งรัฐบาล และได้คณะรัฐมนตรี ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นของประชาชนต่อคณะรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเช่นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สูงขึ้น ในระดับที่มากพอต่อการทำงานได้ระยะหนึ่ง แต่ให้เวลาพิสูจน์ผลงานไม่เกิน1ปีเท่านั้นจึง ไม่มีเวลาฮันนีมูน ที่คณะรัฐมนตรีจะเสียเวลาไปกับการฉลองตำแหน่ง เพราะประชาชนส่วนใหญ่กำลังทุกข์ และเดือดร้อน ทำมาหากินขัดสน
‘ชวน’กำหนดแถลงนโยบาย25กค.
วันเดียวกัน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา เปิดเผยถึงการประชุมรัฐสภา เพื่อรับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาว่ามีการประสานเป็นการภายในแล้วและตนได้หารือกับประธานวุฒิสภาว่าจะให้เวลารัฐบาลแถลงนโยบายในวันที่ 25 กรกฎาคมเป็นต้นไป
โดยมอบหมายให้ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ประสานไปยังรัฐบาลเพื่อแจกเอกสารให้สมาชิกล่วงหน้า ซึ่งมีเวลาถึงวันที่ 27 กรกฎาคม ก่อนวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2562
ส่วนจะใช้เวลากี่วัน ขึ้นอยู่กับวุฒิสภา วิปฝ่ายค้านและวิปรัฐบาลไปตกลงกันเรื่องกรอบเวลา ซึ่งเดิมกำหนดให้วันที่ 24กรกฎาคม แต่รัฐบาลติดภารกิจสำคัญจึงทำให้ต้องเลื่อนเป็นวันที่ 25 กรกฎาคม โดยในวันแถลงนโยบายจะยังใช้หอประชุมทีโอที แจ้งวัฒนะเพราะห้องประชุมรัฐสภาแห่งใหม่ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ ทั้งนี้จะสามารถประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดแรก หลังแถลงนโยบายที่รัฐสภาแห่งใหม่ได้หรือไม่นั้น จะต้องดูวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ว่าระบบเสียงในห้องประชุมจันทราแล้วเสร็จหรือไม่เช่นกัน
พุทธิพงษ์เผยร่างนโยบายมี2ส่วน
ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)เปิดเผยว่าขณะนี้ร่างนโยบายรัฐบาลที่ต้องแถลงต่อรัฐสภาได้ส่งถึงมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้วในวันนี้ ถือเป็นร่างนโยบายรัฐบาล ที่พรรคร่วมรัฐบาลได้สรุปมาในระดับหนึ่ง แน่นอนว่า นายกฯจะนำไปพิจารณาดูอีกได้ หากเห็นว่าต้องมีการปรับปรุง แต่อย่างน้อยเป็นร่างที่ได้พยายามรวบรวมนโยบายจากพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ทำร่วมกันอย่างดีที่สุดเพื่อให้ครอบคลุมนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลที่ได้ร่วมกันคิดร่วมกันทำ
“ขณะนี้ต้องถือว่าเป็นร่างนโยบายที่ได้รับความเห็นชอบจากพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดและการร่างนโยบายนี้ ทางสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)ได้อยู่ร่วมพิจารณา ดูเรื่องการปรับปรุงถ้อยคำและเนื้อหาเพื่อให้เกิดความถูกต้อง สำหรับร่างนโยบายจะจัดทำเป็นสองส่วนคือส่วนที่นายกฯจะต้องแถลงต่อรัฐสภาที่จะเอาเฉพาะประเด็นหลักๆที่ครอบคลุมในเบื้องต้น และอีกส่วนหนึ่งที่จะขยายลงรายละเอียด”นายพุทธิพงษ์ กล่าว
‘อุตตม’พร้อมแจง-ขู่ฟ้องถ้าบิดเบือน
วันเดียวกันที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กทม.นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงกรณีเป็น 1 ในรัฐมนตรีที่ฝ่ายค้านเตรียมรับน้องใหม่อภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีว่า ตนได้เคยชี้แจงเรื่องคดีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยไปแล้วว่าเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนทางยุติธรรมในชั้นศาล ได้ผ่านมาทุกขั้นตอนแล้วโดยชี้ชัดเจนว่าตนไม่ได้กระทำความผิด ดังนั้น ถือว่าเรื่องนี้ผ่านขั้นตอนมาหมดแล้ว และมีความบริสุทธิ์
“การซักถามทั้งหลาย ผมเข้าใจ และได้ชี้แจง แต่ถ้านำไปบิดเบือนมากไปจนทำให้เกิดความเสียหาย ก็จะพิจารณาว่าจะดำเนินการตามกฎหมายหรือไม่ หากจะต้องมีการอภิปรายไม่ไว้วางในสภาฯ ผมก็พร้อมตอบ เพราะถือเป็นหน้าที่และพร้อมชี้แจงเช่นเดียวกับรัฐมนตรีทุกคนและไม่ได้รู้สึกหนักใจ”นายอุตตม ย้ำ
ค่าแรง400-ทำคู่ขนานพัฒนาทักษะ
นายอุตตมยังกล่าวถึงเรื่องนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ400บาทของพรรคพลังประชารัฐว่าเชื่อว่าจะสามารถหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลได้เพื่อให้มีแนวทางร่วมกัน อยากฝากไว้ว่าเรื่องค่าแรงต้องไปควบคู่กับการยกระดับทักษะขีดความสามารถของผู้ประกอบการ เราไม่สามารถทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยตนเองได้ เนื่องจากโจทย์ใหญ่ คือ ต้องการปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยร่วมกันเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งในอนาคต ดังนั้นเรื่องบุคลากรจึงสำคัญที่สุด ความยุติธรรมเรื่องรายได้จึงจำเป็นต้องดูแลแต่ความยั่งยืนต้องขึ้นอยู่กับฝีมือและทักษะของแรงงานที่ต้องไปพร้อมกันดังนั้นเชื่อว่าเรื่องแรงงานและค่าแรงทางรัฐบาลจะพิจารณาควบคู่กันไปเมื่อมีนโยบายรัฐบาลออกมา เพราะการยกระดับทักษะฝีมือแรงงานคือหัวใจสำคัญ
พปชร.เบรคทรงกลดดันเปิดบ่อนเสรี
ด้านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย เสนอนโยบายการเดินหน้าโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ หรือ บ่อนเสรี ในที่ประชุมพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวานนี้ว่า ตนค้านเรื่องนี้มาตลอดตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านสังคม ตนเคยผ่านมาหมดแล้วเป็นประสบการณ์ชีวิตของตัวเอง จึงรู้ดีว่าการพนันทำลายชีวิตคนมากแค่ไหน อย่าง ตนก็เคยเล่นการพนันมาและต้องสูญเสียลูกเมียและทรัพย์สินจนหมดตัว จึงไม่อยากให้คนไทยติดการพนัน
“หากรัฐบาลมีแนวนโยบายที่จะเปิดบ่อนเสรีจริงผมจะคัดค้านเรื่องนี้จนถึงที่สุด เพราะถ้าผมยังมีชีวิตอยู่ ผมไม่มีทางยอมให้ประเทศของเรามีบ่อนการพนันเสรีอย่างแน่นอน ฝากไปถึงพลตรีทรงกลดด้วย หากอยากเปิดบ่อนเสรีให้ข้ามศพผมไปก่อน”นายสิระ กล่าว
อย่างไรก็ดี นายสิระยังเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ในรัฐบาลชุดที่ผ่านมาว่าไม่คิดจะมีนโยบายสนับสนุนทำกาสิโน ตนก็ยังเชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถรอบด้าน ประสบการณ์การบริหารประเทศมายาวนาน รู้ดีว่านโยบายเรื่องใดที่จะทำให้เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชนหรือเรื่องใดที่จะทำลายประเทศและเสถียรภาพของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
‘บิ๊กท๊อป’เชื่อทุกคน ตั้งใจทำงาน
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)ให้สัมภาษณ์ว่าก่อนที่จะพูดอะไรล้วงลึกเกี่ยวกับการทำงานในทส. ขอเวลาเข้าไปทำงานในกระทรวงก่อนเพราะสิ่งที่คิด กับความเป็นจริง อาจคลาดเคลื่อนได้ เหรียญย่อมมีสองานเสมอ จะต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย โดยตนมีหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหาให้ได้ เท่าที่ได้รู้ และเห็นมาพบการทำงานในทส.มีหลายมิติทั้งเรื่องกฎหมาย สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรและเรื่องของคน เฉพาะเรื่องของกฎหมายก็เยอะมาก กฎหมาย มีประสิทธิภาพ เมื่อปฏิบัติกลับไม่มีประสิทธิผล ข้าราชการทำงานอย่างเต็มที่แล้วแต่อาจจะมีบางเรื่องที่ยังติดขัดอยู่ แต่โชคดีอย่างหนึ่ง ก็ คือ หลายๆเรื่องที่เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม เวลานี้ล้วนเป็นวาระเร่งด่วนของโลก เมื่อเข้าไปทำ เข้าไปกระตุ้น ให้ทำแล้วจะได้รับความร่วมมืออย่างดี
เมื่อถามว่าทราบไหมว่าภายในทส.โดยเฉพาะกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชมีขาใหญ่หลายคน นายวราวุธตอบว่า“แต่หากผมเข้าไปแล้ว ผมคงจะใหญ่สุด”พร้อมว่าขาใหญ่อาจจะหมายถึง การปฏิบัติหน้าที่ ที่เข้มแข็งใช่ไหม แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่น เมื่อเข้าไปทำงาน ก็คงจะรู้มากขึ้นว่าอะไรเป็นอะไร
‘เทวัญ’ชี้เป็นมิติใหม่รัฐบาลผสม
ขณะที่ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา กล่าวถึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของรัฐบาลผสม19 พรรคที่ได้ร่วมกันนำเสนอนโยบายแต่ละพรรคนำไปพิจารณาให้เกิดภาพรวมที่สมบูรณ์ของนโยบายรัฐบาล การที่พรรคพลังประชารัฐได้ให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมกันจัดทำนโยบายร่วมกันในลักษณะเช่นนี้ ถือว่าเป็นมิติใหม่ในการร่วมกันทำงานของรัฐบาลผสม และเป็นการตอกย้ำถึงการให้ความสำคัญของเสถียรภาพและความร่วมมือกันของพรรคร่วมในภาวะเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาล จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพรัฐบาล เป็นอย่างดียิ่งและจะทำให้ได้เห็นนโยบายที่ดีและสมบูรณ์ในทุกมิติ สามารถสร้างความมั่นใจให้กับภาพรวมทางเศรษฐกิจและนักลงทุนและสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศให้สำเร็จตามความต้องการของพี่น้องประชาชน
ย้ำชพน.มุ่งเน้นเศรษฐกิจรากหญ้า
นายเทวัญ ยังกล่าวว่าพรรคชาติพัฒนาได้นำเสนอนโยบายในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจรากหญ้าของคนในชนบทและเกษตรกรอย่างเร่งด่วน การปรับนโยบายการศึกษา ที่ให้ความสำคัญในด้านเทคโนโลยีและการให้เด็กไทยมีความสามารถด้านภาษาอย่างน้อย2ภาษา การนำระบบsmart farmerมาใช้กับภาคเกษตร การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและรักษาขีดความสมารถด้านการแข่งขันของประเทศการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนการลงทุนและเร่งรัดการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานอาทิเช่นรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ มอเตอร์เวย์ ถนนเป็นต้นให้ทั่วถึงและเชื่อมโยงทุกภูมิภาคเพื่อกระจายความเจริญ และรองรับการลงทุน การส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้เป็นอุตสาหกรรมหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจ การดูแลผู้สูงอายุและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม การกระจายอำนาจและสวัสดิการต่างๆของผู้นำท้องถิ่นและการส่งเสริมด้านกีฬาเป็นต้น
ธรรมนัสยันไร้ปัญหาแย่งห้องทำงาน
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ พรรคพลังประชารัฐกล่าวถึงกระแสข่าวว่าตนกับนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ พรรคชาติไทยพัฒนา มีปัญหาขัดแย้งเรื่องห้องทำงานที่กระทรวงเกษตรฯว่า เรื่องดังกล่าว ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด อีกทั้ง ส่วนตัวยังไม่ได้ส่งทีมงานเข้าไปดูห้องทำงานด้วย เพราะถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก หากทางกระทรวงฯจัดให้ส่วนไหนก็ไม่มีปัญหาเพราะตั้งใจทำงาน เพื่อพี่น้องเกษตรกรมากกว่า จะมายึดติดเรื่องห้องทำงาน
3รมช.เกษตร นัดทานมื้อค่ำพรุ่งนี้
ทั้งนี้ ส่วนตัวรู้จักและให้ความเคารพนับถือนายประภัตร มาตลอดที่ผ่านมาก็ปรึกษาหารือกันอย่างดี ดังนั้น ขอสื่ออย่าจับประเด็นในเรื่องที่จะสร้างความขัดแย้งขึ้นมาโดยไม่มีความจำเป็น และไม่มีมูลความจริง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ขัดแย้งกันด้วยเรื่องเล็กน้อยแบบนี้
มีรายงานระบุว่าทั้ง 3 รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า,นายประภัตร โพธสุทน และนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ ได้นัดรับประทานอาหารมื้อค่ำร่วมกันในวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค.นี้เวลาประมาณ 19.00น. ที่โรงแรง แมริออท กรุงเทพฯ สุขุมวิท 57
‘ดิสทิต’ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำเนียบฯ
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ที่ทำเนียบรัฐบาลว่าหลังทีมงานรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ทยอยเข้าดูห้องทำงานตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 ก.ค.นั้น ล่าสุด นายดิสทัต โหตระกิตย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล สักการะพระพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า ศาลพระภูมิและศาลตาศาลยายก่อนขึ้นไปยังตึกบัญชาการ1เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของห้องทำงานรองนายกฯและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ
นายดิสทัตกล่าวว่าเนื่องจากนายกฯเป็นห่วง เพราะเป็นช่วงรอยต่อ ครม.ชุดใหม่และเพื่อรองรับการทำงานครม.ใหม่ ให้มีความเรียบร้อย ต้องดูแลให้ดีเชื่อว่าไม่มีปัญหา ขณะนี้เป็นที่ปรึกษานายกฯ ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการ ซึ่งการแต่งตั้ง น่าจะมีหลังครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณ
ครม.เก่าถกนัดพิเศษสั่งลา15กค.
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าในการประชุม ครม.ใหม่ หลังเสร็จสิ้นพิธีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จะมีการเสนอ ครม.พิจารณาแต่งตั้ง นายดิสทัต โหตระกิตย์ ที่ปรึกษานายกฯเป็น เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และจะเสนอแต่งตั้ง นางฐะปานีย์ อาจารวงศ์ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ด้วย และมีรายงานข่าวด้วยว่าในวันจันทร์ที่15 ก.ค.นี้จะมีการประชุมครม.ชุดเก่านัดพิเศษ เนื่องจากมีเรื่องที่ต้องพิจารณา
7สส.ปชป.ส่งแจงศาลรธน.18กค.
ที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ได้เรียกประชุมทีมกฎหมายต่อสู้คดี สส.พรรคประชาธิปัตย์ 7 คน ถูกศาลรัฐธรรมนูญ รับเรื่องตีความปมถือหุ้นสื่อ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอเอกสารจากกระทรวงพาณิชย์และเอกสารจาก กสทช.ในการสอบถามรายละเอียดว่าสส.ทั้ง 7 คน มีการดำเนินการกิจการสื่อตามที่ถูกร้องหรือไม่ หลังได้รับเอกสารจะยื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน15วันตามกรอบของกฎมาย จะครบกำหนดในวันพุธที่ 17กรกฎาคมแต่ตรงกับวันหยุดเข้าพรรคจึงต้องส่งเอกสารในวันที่ 18 กรกฎาคม ครบตามกำหนด15 วัน จึงอยากให้รอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด พร้อม ยืนยัน 7 สส.ที่ถูกร้องปมถือหุ้น แตกต่างจากคดีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เพราะกกต.มีคำวินิจฉัยแล้วก่อนส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด
ส่วนความคืบหน้าตำแหน่งทางการเมือง ทั้งรองโฆษกรัฐบาล ผู้ช่วยรัฐมนตรี เลขานุการ และที่ปรึกษารัฐมนตรี ทางพรรค ยังไม่มีการหารือเรื่องนี้ ทุกตำแหน่งต้องผ่านความเห็นชอบในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ตามข้อบังคับพรรคก่อนและขณะนี้ รัฐมนตรีทั้ง7 คนกำลังเดินหน้าทำงานลงพื้นที่ แก้ไขปัญหา เพื่อพี่น้องประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี