‘วิษณุ’เผย16กรกฎาคม
เข้าถวายสัตย์
ครม.ชุดใหม่พร้อมแล้ว
‘บิ๊กตู่’เตรียมแจงนโยบาย
พปชร.ดัน‘นฤมล-ภาดาท์’
ร่วมทีมโฆษกหญิงรัฐบาล
สำนักเลขาธิการครม.ออกหนังสือแจ้งครม.ใหม่ เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ 16 กรกฎาคมนี้ เวลาหกโมงเย็น ขณะที่ “บิ๊กตู่” เล็งถก “ครม.เก่า-ใหม่” ต่อเนื่อง เห็นชอบนโยบายรัฐบาลก่อนส่งประธาน“ชวน”ล่วงหน้าให้สมาชิกรัฐสภาได้อ่าน ด้านฝ่ายค้านวางกรอบอภิปรายเป็นไปตามที่หาเสียง-มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่ามีหนังสือจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงนามโดยนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งรัฐมนตรีและการเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ โดยมีเนื้อหาระบุว่า ด้วยมีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งท่านเป็นรัฐมนตรี บัดนี้ ได้พระราชทานราชวโรกาสให้คณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ในวันที่ 16 ก.ค.2562 เวลา 18.00 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน
ทั้งนี้ ขอให้ไปถึงทำเนียบรัฐบาล ณ ตึกภักดีบดินทร์ ก่อนเวลา 16.30 น. สำหรับการเดินทางไปเข้าเฝ้าฯ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้จัดรถยนต์โดยสารตู้ เพื่อให้รัฐมนตรีเดินทางไปเป็นคณะ โดยจะออกจากทำเนียบรัฐบาลเวลา 17.00 น. และเดินทางกลับพร้อมกันเมื่อเสร็จพิธี โดยในหนังสือ ได้แจ้งการแต่งกายของคณะรัฐมนตรี คือ เครื่องแบบขาวปกติ และติดเครื่องหมายแสดงสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ประเด็นดังกล่าวได้รับการยืนยันจาก นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้แจ้งกำหนดการดังกล่าวให้รัฐมนตรีชุดใหม่รับทราบแล้ว โดยนัดรวมตัวกันที่ตึกภักดีบดินทร์ เวลา 16.30น.จากนั้นจะเดินทางไปเข้าเฝ้าด้วยรถที่สำนักเลขาธิการนายกฯจัดเตรียมไว้ให้
‘บิ๊กตู่’นัดถกครม.ทั้งเก่า-ใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันจันทร์ที่ 15 ก.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะนัดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดเก่านัดพิเศษเป็นการส่งท้าย เนื่องจากมีวาระสำคัญที่ต้องพิจารณา ก่อนที่ครม.ชุดใหม่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในอังคารวันที่ 16 ก.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะนำครม.ชุดใหม่ ประชุมนัดแรกทันที หลังเสร็จสิ้นการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องได้รับคำสั่งให้สแตนบายที่ห้องประชุมครม. ตั้งแต่เวลา 16.00 น. โดยที่ประชุมจะมีการพิจารณาให้ความเห็นชอบนโยบายรัฐบาล ที่จะมีการแถลงต่อสภา
อย่างไรก็ตาม มีการแจ้งประสานจากนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำเนินการส่งนโยบายรัฐบาลที่ผ่านความเห็นชอบจากครม. มายังสภาล่วงหน้า เพื่อเตรียมแจกจ่ายให้กับสมาชิกทุกคน คาดว่าจะเป็นในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะได้แถลงนโยบายต่อสภาในวันที่ 25 ก.ค.นี้
พปชร.ชูพลังหญิงนั่งโทรโข่งะ
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในการพิจารณารายชื่อบุคคลที่เหมาะสมจะเสนอให้เป็นทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น โดยมีชื่อนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค พปชร.ไปก่อนหน้านี้ ล่าสุด ผู้ใหญ่ในพรรคพปชร. จะให้โอกาสผู้หญิงที่มีศักยภาพเข้ามามีบทบาทในการทำหน้าที่ตรงนี้ด้วย ได้แก่ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ด้วยภาพลักษณ์ความเป็นนักวิชาการ มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจ และสังคม เป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการคิดนโยบายด้านสวัสดิการ อาทิ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นโยบายมารดาประชารัฐ เป็นต้น ขณะที่อีกหนึ่งคนที่อาจถูกวางตัวไว้ให้ทำหน้าที่ คือ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. ที่ผ่านการทำงานในองค์กรของรัฐและเอกชนมาแล้ว ซึ่งรายชื่อทั้งหมดจะมีการเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาความเหมาะสมต่อไป เช่นเดียวกับรายชื่อแคนดิเดตในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ ที่ได้โควต้าพรรคละ1คน
ทั้งนี้ แหล่งข่าวในพรรคพปชร. เปิดเผยว่า ผู้ที่จะรับผิดชอบในตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ต้องทำงานและร่วมประชุมกับนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิด และยังต้องรับผิดชอบการสรุปเนื้อหาการประชุม และนำเสนอต่อสาธารณะได้อย่างครบถ้วนแม่นยำ และสามารถชี้แจงเรื่องต่างๆ ได้ ทั้งนี้ เชื่อว่า ในสถานการณ์ทางการเมืองเช่นนี้ อาจจะต้องมีการแต่งตั้งรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ มากกว่า 3 คน เพื่อให้คลอบคลุมงานทุกด้านและช่วยชี้แจงตอบโต้ประเด็นปัญหาต่างๆ
“ธรรมนัส”ไม่หวั่นถูกซักฟอก
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีที่มีชื่อติด1 ใน6 รัฐมนตรีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจและจะเกาะติดการทำงานตลอดเวลา ว่า ตนไม่เคยกลัวเพราะทำทุกอย่างถูกต้องไม่มีอะไรต้องกังวลใจ และพร้อมชี้แจงข้อเท็จจริง ถามว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายในเรื่องใด หากจะยกเรื่องการถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ที่เคยทำธุรกิจหรือสัมปทานสลากกินแบ่งรัฐบาลก็ยืนยันได้ว่าไม่มีหุ้นอะไรเหลืออยู่แล้วแน่นอน เพราะก่อนที่จะเข้ามาทำงานการเมืองดำเนินการทุกอย่างถูกต้องแล้ว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวถึง การพิจารณาบุคคลมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่น เช่น เลขาฯ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่า เรื่องนี้ตนมอบหมายให้ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพปชร.พิจารณาบุคคลที่มีความสามารถและเคยทำงานในพื้นที่มาช่วยงาน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นส.ส.ในส่วนรัฐมนตรีอื่นของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้บริหารพรรคหารือกัน
รมต.พร้อมตอบคำถามฝ่ายค้าน
ขณะที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค พปชร.กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันที่ 25กรกฎาคม ว่า รัฐบาลมีความพร้อมทุกด้าน ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายรัฐมนตรีบางท่านนั้นตนมั่นใจว่ารัฐมนตรีแต่ละท่านสามารถชี้แจงได้ โดยเฉพาะในเรื่องคุณสมบัติต่างๆ เพราะมีการตรวจสอบมาแล้ว ส่วนกรณีที่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) คนใหม่ ระบุว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ นั้นเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่อยากให้รัฐบาลได้มีเวลาในการทำงานให้กับพี่น้องประชาชนก่อนเพราะมีหลายเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะปัญหาปากท้องของประชาชน ทั้งนี้หากเป็นไปได้อยากให้ฝ่ายค้านมาช่วยกันช่วยเหลือประชาชนก่อนจะดีกว่า
นายธนกร กล่าวอีกว่า เมื่อรัฐบาลแถลงนโยบายเสร็จก็จะดำเนินนโยบายเร่งด่วนทันที โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน การกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากประเทศ โดยเฉพาะการดูแลราคาพืชผลทางการเกษตร ในส่วนของรัฐมนตรีแต่ละท่านนั้น จะเห็นได้ว่า แต่ละท่านได้เตรียมความพร้อมไว้ทุกด้าน บางท่านได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนก่อนที่จะแถลงนโยบายด้วยซ้ำ รวมถึงการหารือนโยบายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงที่รับผิดชอบ ดังนั้นเมื่อแถลงนโยบายเสร็จก็จะทำงานได้ทันที
เปิดร่างนโยบายรบ.รวม41หน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงร่างนโยบายรัฐบาลมีทั้งหมด 41หน้า ที่รวบรวมนโยบายจากพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค โดยมีนโยบายเร่งด่วน 1ปี กับ 4ปี เร่งด่วนครอบคลุม4ด้าน ได้แก่ แก้ปัญหาปากท้อง,แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ,การสร้างอนาคตให้ประชาชนและการแก้ปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า นโยบายเร่งด่วนที่ต้องทำทันทีใน 1ปีแรก คือ 1.นโยบายลดความเหลื่อมล้ำ จะต้องสานต่อในเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ(บัตรคนจน) ซึ่งต้องทำให้เหมาะสมและเป็นธรรม นโยบายมารดาประชารัฐ นโยบายเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คนพิการ และค่าแรงขั้นต่ำ 2.นโยบายด้านเศรษฐกิจทั้งระยะสั้น และระยะยาว อาทิ การแก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตร การส่งออกสินค้าทางการเกษตร และการทำอุโมงค์ส่งน้ำจากภาคเหนือไปยังภาคอีสาน เป็นต้น
แก้รธน.ไม่ใช่เรื่องด่วน-ไม่ต้องรีบ
รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างจัดทำร่างนโยบายนั้น มีความพยายามกดดันอย่างหนักจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยื่นเงื่อนไขเรื่องแก้รัฐธรรมนูญภายใน 1ปีแรก อย่างไรก็ตาม ตัวแทนจากพรรคพปชร.และพรรคร่วมรัฐบาลมองว่า เรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องทำคือ แก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน และไม่ต้องการให้มีเงื่อนไขความขัดแย้ง เพราะจะกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล ทำให้นักลงทุนไม่เชื่อมั่น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน พรรคร่วมรัฐบาลจึงเห็นพ้องกันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่วาระสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ หากจะแก้รัฐธรรมนูญควรผ่านกระบวนการอีกหลายขั้นตอน และควรรับฟังความเห็นจากประชาชน อย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญ 560 ผ่านการทำประชามติ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และเพิ่งผ่านการเลือกตั้งมาไม่กี่เดือน พรรคประชาธิปัตย์และฝ่ายค้าน ตั้งธงที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว จะทำให้เกิดความขัดแย้งรอบใหม่ และพรรคประชาธิปัตย์อาจจะเสียงคะแนนนิยม หากมัวแต่เล่นเกมการเมือง การเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะสูญพันธุ์ได้
ใช้ฉบับเดิมไปก่อนมุ่งปราบทุจริต
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า พรรคร่วมเห็นว่าควรใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปก่อน เพราะมีจุดแข็งอยู่ที่การปราบปรามการทุจริต จนได้ชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยมาโดยตลอด และทำให้นักการเมือง ข้าราชการ และภาคเอกชน เกรงกลัวการกระทำผิด และไม่กี่เดือนที่ผ่านมากลไกควบคุมการทุจริตเริ่มมีผลกระทบต่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเฉพาะกรณีของ นางนาที รัชกิจประการ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ที่โดนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้จำคุก1เดือน พร้อมตัดสิทธิทางการเมือง ในคดีไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ปปช.
รีบแก้อาจเข้าทางพรรคฝ่ายค้าน
‘ส่วนคดีห้าม สส.ถือหุ้นกิจการสื่อ ซึ่งเป็นมาตรการควบคุมไม่ให้ สส.เอาเปรียบหรือส่อในทางทุจริต ทำให้มี สส.จากทุกพรรคโดนตรวจสอบ โดยเฉพาะ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ฝ่ายค้านอยากแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นดังกล่าวด้วย เพราะหาก นายธนาธร โดนตัดสินว่ามีความผิด แต่หากแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นดังกล่าวได้ นายธนาธร อาจจะพ้นผิด เนื่องจากอาจจะระบุไว้ในกฎหมายให้ยกเว้นโทษย้อนหลัง ซึ่งฝ่ายค้านหวังจะใช้กรณีดังกล่าวให้เป็นประโยชน์ หากพรรคร่วมตกหลุมพราง อาจเข้าทางของฝ่ายค้านได้” แหล่งข่าวระบุ
พท.วางกรอบอภิปรายนโยบาย
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) และวิปฝ่ายค้านให้สัมภาษณ์ถึงแผนการอภิปรายในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาฯว่า พรรคร่วมจะมีการหารือกันในเร็ววันนี้ เบื้องต้นประชุมกันทุกวันอังคาร โดยจะพิจารณาจากเอกสารนโยบายและเอกสารชี้แจงของรัฐบาลก่อน ตอนนี้ยังไม่ได้เห็น ยังไม่ทราบรายละเอียดใดๆ ทั้งนี้กรอบในการอภิปรายหลักๆ จะดูว่านโยบายของรัฐบาลเป็นไปตามที่ได้หาเสียงกับประชาชนหรือไม่ และดูว่าการหลอมรวมนโยบายจาก 19 พรรคการเมืองนั้นเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนหรือไม่และมากน้อยเพียงใด ส่วนจะอภิปรายตัวบุคคลด้วยหรือไม่ ที่ผ่านมาไม่เคยบอกก่อนว่าจะอภิปรายบุคคลใดและอภิปรายอย่างไร อย่างไรก็ตามการอภิปรายนโยบายถือว่าจะทำให้ฝ่ายค้านรับทราบข้อมูลเพื่อที่จะทำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ขณะที่กรอบเวลา 3 วัน คือ ตั้งแต่ 25-27 ก.ค.มีความเหมาะสมแล้ว
ด้านพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า การอภิปรายนโยบายจะเน้นไปที่ความเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติเพราะการจะปฎิรูปประเทศนั้นไม่ได้เกิดจากกฎหมายแต่ต้องเกิดจากนโยบายที่จะให้ประเทศดีขึ้น สิ่งสำคัญอีกประเด็นนอกจากนโยบายคือตัวบุคคลที่จะมาขับเคลื่อนนโยบายว่ามีความเหมาะสมหรือไม่หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนทำเพื่อพวกพ้องหรือไม่ซึ่ง7 พรรคการเมืองฝ่ายค้านได้พูดคุยกันแล้วและมีข้อมูลเข้ามาค่อนข้างมากขณะนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี