เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 8 สิงหาคม 2562 ที่วิหารมูลนิธิพุทธธรรมการกุศล ฮุก 31 นครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคชาติพัฒนา ประธานที่ปรึกษาพรรคฯ ให้สัมภาษณ์ถึงหน้าตาคณะรัฐมนตรี (ครม.) การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และบุคลิกของ พ.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่เปลี่ยนลุกใหม่ ว่า จากนี้ไปเมื่อบ้านเมืองเราเข้าสู่ภาวะปกติมีการเลือกตั้ง มีรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย มีการแถลงนโยบาย ซึ่งจากนี้ไปเป็นเรื่องของการทำงาน ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อย เป็นไปตามแผนงาน และได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ตนเชื่อว่าการแก้ไขปัญหาต่างๆ ก็คงจะดีขึ้น เพราะการเป็นรัฐบบาลในระบอบประชาธิปไตยจะมีความได้เปรียบอยู่แล้ว ได้เปรียบในเรื่องความเชื่อมั่น การลงทุนจากต่างประเทศ การท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งเขามองว่ารัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยเป็นมาตรฐานของประเทศ ฉะนั้น วันนี้เราไม่ได้เสียเปรียบอะไรใคร หลังจากนี้ไปเป็นเรื่องการทำงานของคณะรัฐบาล
ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ตนคิดว่าน่าจะเห็นผลใน 6 เดือน เพราะรัฐบาลแยกนโยบายไว้ว่า เป็นนโยบายหลักกับนโยบายเร่งด่วน แสดงว่ารัฐบาลมองออกแล้วว่าเรื่องเร่งด่วนเฉพาะหน้าคืออะไร ซึ่งคงจะเน้นเศรษฐกิจรากหญ้า เรื่องราคาพืชผล เรื่องความเหลื่อมล้ำคนยากคนจน ฉะนั้น นโยบายชัดเจนอยู่แล้วว่านโยบายเรื่องด่วนต้องทำทันที นโยบายหลักก็เป็นนโยบายที่อยู่ในกรอบของการทำงาน 4 ปี ฉะนั้น ตนคิดว่าเราไปได้ เพียงแต่ว่าปัจจัยบางอย่างที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น สหรัฐฯ กับจีน มีสงคราการค้ากัน มันก็จะกระทบตัวเลข อันนี้เป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ เราก็ต้องไปแก้ไขปัญหา แต่ปัจจัยที่เราควบคุมภายในประเทศ ตนเชื่อว่าด้วยกลไกและด้วยระบอบประชาธิปไตย และนโยบายที่ได้แถลงไป ตนมีความมั่นใจว่าจะทำให้สถานภาพต่างๆ ของเศรษฐกิจดีขึ้น
เมื่อถามถึงเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำจะมีปัญหานั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่า เสียงปริ่มน้ำถ้าดูเป็นตัวเลขอาจจะมีความรู้สึกว่ามีความน่ากังวล แต่ตนว่าขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการบริหาร ถ้ามีประสิทธิภาพในการบริหารเสียง มีประสิทธิภาพในการบริหารงานของรัฐบาล รัฐบาลประสบความรำเร็จในการบริหาร และสามารถประสานความเข้าใจกันในพรรคร่วมรัฐบาลได้อย่างมั่นคง ตนเชื่อว่าสามารถที่จะประคับประคองสถานการณ์ต่างๆ ไปได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความสำเร็จของงานกับความสามัคคีของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ตนดูว่าทุกคนก็มีความตั้งใจกัน เพราะเราว่างเว้นว่างงานกันมา 5 ปี ตอนนี้มีระบอบประชาธิปไตยแล้ว มีรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ทุกคนก็อยากจะทำงานรับใช้ประชาชน ฉะนั้น ตนคิดว่าตอนนี้เป็นบรรยากาศที่ดีที่ทุกคนมีความรู้สึกอยากจะทำงานให้กับประชาชน
"ณ วันนี้ตนยังมองว่าเรื่องเศรษฐกิจถ้ามองตัวเลขก็จะเฉียดๆ ฉิวๆ แต่ถ้ามองว่าความเป็นปรึกแผ่นในรัฐบาลขณะนี้ถือว่ายังไม่มีอะไรมากระทบ และถ้ารัฐบาลทำงานตามนโยบายที่แถลงไว้ ได้รับความนิยมจากประชาชา ก็คิดว่าที่จะสามารถทำงานต่อไปได้ ส่วนจะอยู่ครบ 4 ปีหรือไม่นั้น อันนั้นตนไม่ทราบ ไม่ทราบว่าจะอยู่ได้กี่ปี แต่มีเทอมอยู่แล้ว 4 ปี แต่ถ้าอยู่ได้ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะว่ายิ่งอยู่นานความต่อเนื่องของนโยบายก็จะเกิดผลสัมฤทธิ์ ถ้าอยู่ไม่นานความต่อเนื่องก็น้อย ความเชื่อมั่นจากต่างประเทศก็น้อย ฉะนั้น ถ้าช่วยกันสนับสนุนให้รัฐบาลอยู่ครบ อยู่ยาวได้เป็นเรื่องที่ดี ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการบริหารจัดการภายในด้วย แต่ ณ ขณะนี้เริ่มต้นมาได้ด้วยดี ทุกคนตั้งใจทำงาน อย่าง จ.นครราชสีมา ถือว่าโชคดีที่มีรัฐมนตรี 3 คน อยู่ใน 36 ครม.ถือว่าจะเป็นหูเป็นตาให้กับประชาชนชาวโคราชได้เป็นอย่างดีว่า ปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ สามารถที่จะได้รับการแก้ไขได้ดีขึ้น"
เมื่อถามว่า บุคลิกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปลี่ยนภาพลักษณ์ยิ้มแย้มขึ้น ไม่ตะคอก เป็นอย่างไรบ้าง จะรอดไหม นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตนว่าท่านายกฯ เป็นคนใจดี ตอนท่านเป็นทหารก็แบบหนึ่ง เป็นหัวหน้า คสช.ก็แบบหนึ่ง แต่วันนี้เมื่อท่านมาเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว ดูจากวันท่านชี้แจงในสภาฯ ตนเชื่อว่าท่านเข้าในการเมือง และท่านสามารถที่จะปรับบทบาทอะไรต่างๆ ให้สามารถกลมกลืนเข้ากับสภาการเมืองไทยได้ ถือว่าท่านเป็นผู้นำที่มีความพร้อม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี