เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2562 นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Watana Muangsook "เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมยกแนวทางสมัยนายทักษิณ ชินวัตร มาเปรียบเทียบ โดยระบุว่า
เมื่อคราวที่พรรคไทยรักไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลในปี 2544 ประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากวิกฤตต้มยำกุ้ง ทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศหมดต้องกู้จากไอเอ็มเอฟ นโยบายที่นายกทักษิณใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยเรียกว่า Dual Tracks Policy หรือนโยบายคู่ขนาน ด้วยการกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายในเพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับการส่งออกเพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถยืนอยู่ได้บนขาตนเองไม่ต้องพึ่งพาการส่งออกเพียงอย่างเดียว เพราะหากโลกมีปัญหาเหมือนที่เกิดขึ้นอีกในวันนี้ไทยจะป่วยไปด้วย
สิ่งแรกที่นายกทักษิณทำคือการทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้เพื่อให้ประชาชนและนักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นในตัวผู้นำและรัฐบาล เพราะหัวใจสำคัญของการบริหารคือความเชื่อมั่น (trust) ที่จะมีต่อรัฐบาลและนโยบายอันจะนำมาซึ่งความมั่นใจ (confidence) ที่จะมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ได้แก่ การจัดตั้งธนาคารประชาชนหรือที่เรียกว่ากองทุนหมู่บ้าน เพื่อเป็นแหล่งทุนให้ประชาชนได้กู้ยืมมาเป็นทุนหมุนเวียนใช้ทำมาหากินแต่ต้องคืนเพราะไม่ใช่การแจกหรือให้เปล่า โดยรัฐบาลได้โอนเงินผ่านธนาคารออมสินไปให้หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ประชาชนเข้าไม่ถึงแหล่งทุน เมื่อมีกองทุนหมู่บ้านทำให้ประชาชนสามารถกู้ยืมเงินไปเป็นทุนทำมาหากินได้ จึงเกิดการบริโภคที่ยั่งยืนเพราะมาจากการผลิต
นายกทักษิณยังสนับสนุนให้แต่ละท้องถิ่นผลิตสินค้าเด่นของตนเองภายใต้โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP ซึ่งอาจเป็นของกินหรือเครื่องมือเครื่องใช้โดยรัฐบาลสนับสนุนแหล่งทุนที่ใช้ผลิตและสนับสนุนแหล่งจำหน่ายสินค้า จึงทำให้เกิดการผลิต การพัฒนาสินค้าและการบริโภค นอกจากนี้รัฐบาลยังพักหนี้เกษตรกรเป็นเวลา 3 ปี เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ทำให้คนยากจนนำเงินที่ผลิตได้นั้นไปจับจ่ายใช้สอยเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทาง รัฐบาลยังลดรายจ่ายของประชาชนด้วยโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เพื่อเป็นหลักประกันสุขภาพให้กับประชาชนทุกคนที่นายกทักษิณถือว่าเป็นผู้มีบุญคุณกับประเทศเพราะเมื่อทุกคนจ่ายภาษีให้รัฐจึงควรได้รับการดูแลจากรัฐเช่นกัน
โครงการ 30 บาทดังกล่าวทำให้ประชาชนไม่ต้องพะวงกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหากเจ็บป่วย เพราะมีเพียง 30 บาทก็รักษาได้ทุกโรคจึงกล้าจับจ่ายใช้สอยจากเงินที่หามาได้อันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ นายกทักษิณไม่เคยแจกเงิน แต่ท่านแจกโอกาสให้กับประชาชนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นโอกาสหาเงินเพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยทำให้เศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็งจึงสามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด จากนั้นในปีงบประมาณ 2548 และ 2549 รัฐบาลทักษิณได้จัดทำงบประมาณสมดุลได้เป็นครั้งแรก
ภายใต้สถานการณ์ที่ทั้งโลกประสบปัญหาเศรษฐกิจ รัฐบาลประยุทธ์ก็เหลือทางเดียวเช่นกันคือต้องกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายใน โดยมีปัจจัยที่สำคัญคือประชาชนต้องมีเงินที่จะจับจ่ายใช้สอยและที่มากไปกว่านั้นคือต้องมีความมั่นใจที่จะใช้เงินซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในตัวผู้นำและทีมเศรษฐกิจ พูดเหมือนง่ายแต่ทำโคตรยากครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี