‘ปลัดมท.’กำชับ‘พ่อเมือง’งบฯ 15,800 ล้านแก้แล้ง-อุทกภัย เป็นนโยบายภาพรวมรัฐบาล ไม่ใช่มหาดไทยขอ ชี้ขั้นตอนเป็นแม่งานร่วม‘กษ.-ทส.’ กำชับห้ามเกลี่ยเงินเอาโครงการหาร หลบใช้วิธีเฉพาะเจาะจง เลี่ยงวิธีจัดซื้อจัดจ้างเป็นอุปสรรคแก้ไขปัญหาประชาชน
29 สิงหาคม 2562 ที่กระทรวงมหาดไทย(มท.) นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวชี้แจงในที่ประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย แก่ผู้บริหารและผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเร็นซ์ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย รมช.มหาดไทย และผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมประชุม กรณีการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่อันเนื่องมาจากปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยในจังหวัด ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติอนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น กรอบวงเงิน 15,800 ล้านบาท แยกเป็นจังหวัดละ 200 ล้านบาท สำหรับ 74 จังหวัด กับจังหวัดละ 500 ล้านบาท สำหรับ จ.สุรินทร์ และบุรีรัมย์ โดยเว้นกรุงเทพมหานคร
นายฉัตรชัย กล่าวว่า หลักเกณฑ์แนวทางปฏิบัติภายหลังการหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องมีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะกรอบวงเงินทั้งหมดนั้น ไม่ใช่การนำเสนอของหน่วยงานในกระทรวงมหาดไทย แต่เป็นโครงการภาพรวมของรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาภาพรวมของทั้งประเทศ ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ และงบประมาณที่จะดำเนินการจัดสรรไปนั้น ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดละ 200 ล้านบาท หรือ 500 ล้านบาท ส่วนตัวเห็นว่าเป็นงบประมาณเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับปัญหาภัยพิบัติ และมีความจำเป็น เร่งด่วน
“ตามมติครม. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นผู้ว่าฯจำเป็นต้องมีหนังสือแจ้งไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ โดยการที่มท.จะต้องเป็นเจ้าภาพนั้นเพราะเหตุว่ามีความยึดโยงเชิงพื้นที่และการแก้ไขปัญหา ประการต่อมาคือการใช้งบประมาณจะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและต้องมีแผนงาน ดังนั้นการใช้งบประมาณที่เกิดขึ้นจะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (กบจ.) ซึ่งมีทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น และภาคประชาชน” นายฉัตรชัย กล่าว
ปลัด มท. กล่าวอีกว่า ในวันนี้ทราบว่าหลายจังหวัดจะมีการประชุมกรมการจังหวัดที่มีหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วม ขอเน้นย้ำให้ผู้ว่าฯ ไปชี้แจงให้ที่ประชุมทราบถึงความสำคัญ และให้ไปกำชับนายอำเภอให้ดำเนินการชี้แจงกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้ทราบถึงเจตนารมณ์ที่รัฐบาลมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาของชาวบ้านและโครงการที่เสนอนั้นต้องมีความจำเป็นและเร่งด่วน โดยการดำเนินงานของผวจ.หลังจากนี้ กำหนดให้วันที่ 2-3 กันยายน นี้ ต้องมีการประชุมกบจ. เพื่อพิจารณาคำขอโครงการ โดยตนได้ประสานกับสงป. ให้จังหวัดเป็นหน่วยรับงบประมาณเท่านั้น ซึ่งจะไม่โอนงบประมาณไปยังหน่วยดำเนินงาน
นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นในห้วงวันที่ 3-5 ก.ย.นี้ ให้ส่งคำขอโครงการที่ผ่านการพิจารณาจากกบจ. ไปยังสำนักงบประมาณเขตพื้นที่ หรือ CBO โดยสามารถทยอยส่งเข้าไปได้ในห้วงเวลาดังกล่าว แต่โครงการที่ส่งเรื่องเข้าไปจะต้องไม่มีปัญหามวลชน เป็น พื้นที่ที่ไม่มีปัญหาทางกฎหมาย และต่อไปในวันที่ 6-11 ก.ย.นี้ ทาง CBO จะพิจารณาอนุมัติงบประมาณในพื้นที่นั้นๆ โดยโครงการใดที่ได้รับการอนุมัติแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องรองวดงบประมาณ ซึ่งผู้ว่าฯ หรือส่วนราชการที่ได้รับมอบหมายสามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้เลย แต่จะไม่ลงนามในสัญญาจนกว่าจะได้รับงบประมาณ
“ท่านอย่าเอาจำนวนโครงการมาหารให้เหลือโครงการละ 5 แสน เพื่อใช้วิธีเฉพาะเจาะจง เว้นแต่เป็นเรื่องจริงตามสภาพธรรมชาติ จังหวัดที่เอาไป 200 ล้านบาท อย่าเอาไปหารเท่า มันจะกลายเป็นโลกวัชชะ แล้วส่อเจตนาว่าหลีกเลี่ยงวิธีการ เราจะดำเนินการอย่างถูกต้อง และที่สำคัญจะไม่นำวิธีการจัดซื้อจัดจ้างมาเป็นอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาของประชาชน” ปลัดมท. ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี