ภท.เตรียมชงแก้ไขกฎหมายยาเสพติด ดันปลูกกัญชาบ้านละ 6 ต้น หลังประชุมรับฟังความเห็นครั้งสุดท้ายคาดเสนอเข้าสภาฯสัปดาห์หน้า ทันสมัยประชุมนี้ ขณะอย.ร่วมลงนาม สปสช. ใช้ระบบสารสนเทศเกี่ยวกับ กัญชาทางการแพทย์-ยาควบคุมอื่นกับสถานพยาบาล หน่วยงานที่ได้รับอนุญาต มีความทันสมัย ตอบสนองต่อความต้องการของทุกภาคส่วนอย่างเหมาะสม
เมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่รัฐสภา เกียกกาย นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย(ภท.) แถลงว่าในวันเสาร์ที่ 7 กันยายนนี้พรรคภูมิใจไทยจะจัดประชุมเพื่อรับฟังความเห็นภาคประชาชน ทั้งผู้ป่วย ภาครัฐ แพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้าน เป็นครั้งสุดท้าย เกี่ยวกับการประโยชน์จากกัญชา ก่อนจะเสนอร่าง แก้ไข พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.... และร่าง พ.ร.บ.สถาบันพืชยาเสพติดแห่งประเทศไทย ต่อสภาผู้แทนราษฎร ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อบรรจุเป็นระเบียบวาระ ซึ่งคาดว่าเมื่อเปิดสมัยประชุมมาก็สามารถพิจารณาได้ทันที โดยมีเนื้อหาสาระเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และปลดล็อคให้ปลูกกัญชาได้ครัวเรือนละ 6 ต้น เพื่อรักษาสัญญาตามที่พรรคได้หาเสียงไว้
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า พรรคภูมิใจไทย เตรียมร่างกฎหมายตั้งแต่เรื่องกัญชา รวมทั้งเรื่องอื่นๆทั้งการแก้ปัญหาสินค้าเกษตรด้วยระบบ Profit Sharing การแก้ปัญหา กยศ. และเรื่องอื่นๆที่เคยหาเสียงไว้รวมทั้งหมด 13 ร่างกฎหมายที่จะเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรภาย ในสมัยประชุมนี้ คาดว่าจะมีการพิจารณาทันทีที่เปิดสมัยประชุมครั้งเช่นกัน
วันเดียวกัน ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ประชุมวาระพิเศษกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเป็นสักขีพยาน
โดย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(เลขาธิการ อย.) กล่าวว่าตามที่เปิดโอกาสให้มีการอนุญาตให้จำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 5(กัญชา)แก่ผู้ป่วย ภายใต้การดูแลของแพทย์ ผู้ได้รับอนุญาต เช่นสถานพยาบาลต่างๆต้องจัดทำบัญชีรับ-จ่าย จำแนกตามชนิดของผลิตภัณฑ์พร้อมระบุรายละเอียดของแพทย์ผู้สั่งจ่าย ข้อมูลผู้ป่วยแต่ละราย รวมถึงรายงานการประเมินประสิทธิผลและความปลอดภัยจากการใช้ยาในผู้ป่วยทุกราย โดยต้องจัดทำเป็นรายงานเสนอต่อเลขาธิการฯทราบเป็นรายเดือนและรายปี ในรูปแบบ SAS monitoring program (intensive monitoring)
สำหรับการบูรณาการความร่วมมือดังกล่าว จะเป็นการพัฒนาต่อยอดจากระบบเดิม เป็นระบบสารสนเทศเกี่ยวกับการใช้กัญชาทางการแพทย์และยาควบคุมอื่น สำหรับสถานพยาบาลหรือหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตซึ่งในปัจจุบันการจัดเก็บข้อมูลต่างๆในระบบสุขภาพ ยังมีการแยกการจัดเก็บในแต่ละหน่วยงานโดยขาดการเชื่อมโยงข้อมูล ส่งผลให้ข้อมูลเกิดความซ้ำซ้อนเช่นข้อมูลประวัติผู้ป่วย ประวัติการรักษาโรค ข้อมูลการเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา เป็นต้น
“การพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าว จะช่วยลดภาระหน่วยบริการในการนำเข้าข้อมูลผ่านระบบเพื่อจัดทำรายงาน ลดภาระหน่วยงานภาครัฐในการจัดเก็บข้อมูล ลดอัตราเสี่ยง ในการเบิกยาซ้ำซ้อนในผู้ป่วยรายเดียว และส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐมีข้อมูลมากพอที่จะประมวลผล วิเคราะห์ความปลอดภัยจากการใช้กัญชาทางการแพทย์ ยาควบคุมอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ” เลขาธิการ อย.กล่าว
ด้าน นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า สปสช.มีระบบสารสนเทศเพื่อการจ่ายชดเชยยารายบุคคลเพื่อให้หน่วยบริการสุขภาพบันทึกข้อมูลการสั่งใช้ยาให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาได้อย่างเหมาะสม ซึ่งอย.เล็งเห็นถึงประโยชน์ข้อมูลจากระบบสารสนเทศดังกล่าว เป็นการอำนวยความสะดวกในการจัดทำบัญชีรับจ่าย และรายงานที่เกี่ยวข้องกับการสั่งจ่ายกัญชาทางการแพทย์และยาควบคุมอื่น ทำให้ระบบข้อมูลสาธารณสุขมีความทันสมัย มีเสถียรภาพ ตอบสนองต่อความต้องการของทุกภาคส่วนอย่างเหมาะสม
‘ปัจจัยความสำเร็จสำคัญเหล่านี้จะช่วยให้ผู้รับอนุญาตฯ นำเข้าข้อมูลผ่านระบบ เพื่อจัดทำรายงานตามกฎหมาย ในรูปแบบ Single Sign On ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐมีข้อมูลมากพอจะประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูลการใช้และความปลอดภัยจากการใช้กัญชาทางการแพทย์และยาควบคุมอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดรับกับนโยบายรัฐบาล (e-government) ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมสู่ยุคดิจิทัล สามารถเชื่อมโยงการใช้ข้อมูลสุขภาพด้านสาธารณสุขเพื่อความเป็นเลิศ’ เลขาธิการ สปสช.กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้นพ.ธเรศ ยังมาทำหน้าที่ตำแหน่งเลขาธิการ อย.หลังเมื่อวันที่3ก.ย.มีคำสั่งด่วนที่สุด เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงลงนามโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ให้นพ.ธเรศไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพหรือกรม สบส.จะมีผลในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่าการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ เป็นเพียง 1 ในนโยบายที่กระทรวงสาธารณสุข เร่งรัดดำเนินการเป็นอันดับแรกๆ หลังรับตำแหน่งเนื่องจากกัญชาถูกกำหนด เป็นยาเสพติดมีข้อจำกัดในการนำมาใช้ ต้องศึกษาวิจัย จัดระบบการบริหารจัดการรวมทั้งแก้ไข ข้อกฎหมายเพื่อให้นำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง ไม่มีผลเสียต่อสุขภาพผู้ใช้ โดยในเรื่องกัญชาทางการแพทย์ ต้องถูกปรับให้เป็นงานปกติในระบบบริการ เหมือนงานตามนโยบายอีกจำนวนมาก ที่กระทรวงฯต้องเร่งรัดดำเนินการเพื่อดูแลสุขภาพประชาชนเช่นกันอาทิวัคซีน การยกระดับระบบบริการ การป้องกันโรค ภัยสุขภาพ เป็นต้น
โดยได้เพิ่มเป็นอีกสาขาที่20 ในแผนพัฒนาระบบบริการ (Service Plan)เป็นสาขาการให้บริการกัญชาทางการแพทย์โดยมีนพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานและขณะนี้มีการเปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์ มีการจัดอบรมผู้ให้บริการ มีการผลิตสารสกัดกัญชา เข้าสู่ระบบบริการเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาและการนำมาใช้อย่างเป็นระบบ มีแผนการพัฒนาครบวงจรทั้ง“คน เงิน ของ”
“การทำเรื่องกัญชาต้องได้ประโยชน์นำมาใช้ทางการแพทย์จริงๆ ไม่ยินยอมให้นำไปใช้เพื่อสันทนาการ การเปิดให้บริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์โรงพยาบาล ต้องพร้อมให้บริการได้จริง มีทั้งคนทั้งของ และหากทำแล้วไม่มีประโยชน์ หรือ เกิดผลเสียต่อสุขภาพต้องรายงานทันที” นายอนุทิน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี