ประธาน กสม. ชี้ “สิทธิผู้สูงอายุต้องไม่ถูกเลือกปฏิบัติ” เป็นประเด็นท้าทายสังคมไทย เผยผลวิจัยนิด้ามีข้อเสนอแนะ 3 มิติ
เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2562 ที่โรงแรมทีเคพาเลซ ถนนแจ้งวัฒนะ นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวเปิดการเสวนาวิชาการเพื่อเผยแพร่ผลงานการศึกษาวิจัยด้านสิทธิมนุษยชน (สิทธิผู้สูงอายุ) ว่า ประเทศไทยเริ่มได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Ageing Society) ตั้งแต่ปี 2548 คือ ร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมดเป็นประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และคาดว่าในปี 2564 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ หรือร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมดจะเป็นประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุไม่ได้เกิดขึ้นเพียงในประเทศไทย แต่เป็นสถานการณ์ระดับโลกซึ่งปี 2545 ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติได้มีมติให้จัดตั้งคณะทำงานเปิดกว้างว่าด้วยผู้สูงอายุ (UN Open-ended Working Group on Ageing) เพื่อศึกษาสิทธิมนุษยชนของผู้สูงอายุ และความเป็นไปได้ในการจัดทำตราสารระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันทางกฎหมายในเรื่องดังกล่าว
นายวัส กล่าวว่า สิทธิของผู้สูงอายุ เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ กสม. มีแผนที่จะศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ และประมวลสภาพปัญหาสิทธิของผู้สูงอายุในด้านต่างๆ เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลตามหน้าที่และอำนาจของ กสม. ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใดๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน โดย กสม. ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อรับฟังข้อมูลและความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของผู้สูงอายุโดยใช้กระบวนการไต่สวนสาธารณะ (Public Inquiry) และได้จัดทำร่างรายงานกระบวนการไต่สวนสาธารณะในประเด็นสิทธิของผู้สูงอายุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันสำนักงาน กสม. ได้มอบหมายให้สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เป็นที่ปรึกษาโครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะ นโยบาย หรือมาตรการเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุ : กรณีการเลือกปฏิบัติในผู้สูงอายุ โดยผลการศึกษาวิจัยเน้นข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหากรณีการเลือกปฏิบัติในผู้สูงอายุใน 3 มิติ คือ ด้านเศรษฐกิจและสังคม ด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิต และด้านกระบวนการยุติธรรม
“พัฒนาการโดยลำดับของสิทธิมนุษยชนของผู้สูงอายุภายใต้บริบทสังคมไทยนั้น มีข้อท้าทายประการหนึ่ง คือ การทำให้กลุ่มประชากรดังกล่าวไม่ถูกรอนสิทธิเนื่องจากสภาพแห่งอายุ และหากยังสามารถเข้าถึงสิทธิของตนได้ จะทำอย่างไรไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติเกิดขึ้นในกลุ่มประชากรดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อผู้สูงอายุของไทยจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกันเช่นเดียวกับสมาชิกอื่นๆ ในสังคม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายแห่งวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความสมดุลและยั่งยืนโดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง” นายวัส กล่าว
ประธาน กสม. กล่าวอีกว่า ประเด็นสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุเป็นเรื่องที่มีความเป็นพลวัต เช่น เรื่องการเข้าถึงที่อยู่อาศัยหรือบ้านพักผู้สูงอายุ จากแนวคิดเดิมเป็นการสงเคราะห์ มาเป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุ ซึ่งมีทั้งภาครัฐ มูลนิธิ และภาคเอกชนดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัย ในรูปแบบโครงการบ้านพักผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ (nursing home) แต่การเข้าถึงที่อยู่อาศัยดังกล่าว ต้องอาศัยปัจจัยทางเศรษฐกิจในระดับหนึ่ง แนวคิดการดูแลผู้สูงอายุซึ่งเดิมเน้นการทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดด้วยการทำกายภาพบำบัด (physical therapy) ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นการดูแลผู้สูงอายุโดยเน้นกิจกรรมบำบัด (occupational therapy) คือ การหางานหรือกิจกรรมที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต โครงการธนาคารเวลาเพื่อผู้สูงอายุ และโครงการจิตอาสาเพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะที่บ้าน เป็นต้น
นายวัส กล่าวอีกว่า ประเทศไทยได้มีการเตรียมการด้านกฎหมายและนโยบายรองรับกลุ่มประชากรสูงอายุแล้ว เช่น เช่น รัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 71 วรรคสาม กำหนดให้ รัฐพึงให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ และคุ้มครองป้องกันมิให้ถูกใช้ความรุนแรงหรือปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม มาตรา 27 วรรคสาม กำหนดให้ การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องอายุจะกระทำมิได้ และวรรคสี่ บัญญัติว่า มาตรการที่รัฐกำหนดขึ้นเพื่อคุ้มครองหรืออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สูงอายุ ย่อมไม่ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553 มีการจัดตั้งกองทุนผู้สูงอายุ และ พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 ได้เพิ่มเรื่องการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย และการเก็บเงินภาษีสรรพสามิตสินค้าสุราและยาสูบในอัตราร้อยละ 2 เข้ากองทุนผู้สูงอายุ นอกจากนี้ สิทธิมนุษยชนของผู้สูงอายุยังเป็นหนึ่งในวาระสำคัญในการพัฒนาและปฏิรูปประเทศตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอีกด้วย
นายวัส กล่าวว่า การเสวนาวิชาการในวันนี้ นอกจากนำเสนอผลการปฏิบัติงาน ข้อค้นพบ และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสิทธิของผู้สูงอายุที่ได้มาจากกระบวนการไต่สวนสาธารณะของ กสม. แล้ว ยังมีเวทีการอภิปรายทางวิชาการเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นสิทธิมนุษยชนของผู้สูงอายุกรณีการเลือกปฏิบัติในผู้สูงอายุในมิติเศรษฐกิจและสังคม มิติสุขภาพและคุณภาพชีวิต และมิติกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่ดำเนินงานเกี่ยวกับผู้สูงอายุไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษา และนักวิชาการได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น รวมทั้งรับฟังข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความก้าวหน้าในการดำเนินงาน ปัญหาข้ออุปสรรคต่าง ๆ เพื่อสำนักงาน กสม. จะได้รวบรวมข้อมูลและประมวลผลเสนอ กสม. นำไปจัดทำข้อเสนอแนะนโยบายหรือมาตรการเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุให้สอดคล้องกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของผู้สูงอายุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี