ฝ่ายค้านยังตามจองเวร
ยื่นสอบ‘บิ๊กตู่’
ขาดมาตรฐานจริยธรรม
เลี่ยงตอบปมถวายสัตย์ฯ
ขู่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ
7 พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมหารือยื่นป.ป.ช.สอบนายกฯ ขาดมาตรฐานจริยธรรมโยงปมตอบคำชี้แจงในเวลาอภิปรายทั่วไปไม่ชัด ในขณะที่ “วิษณุ” บอกไม่มีปัญหา เรื่องที่มาของเงินให้รอฟังในร่างพ.ร.บ.งบฯที่จะแจงต่อสภาในเร็วๆ นี้ ด้าน “บิ๊กตู่” อุบไต๋เอกสาร “โครงข่ายขบวนการทำลายประเทศ” ด้านโฆษกรัฐบาล แจงเป็นเอกสารชั้นความลับ หน่วยความมั่นคงส่งให้นายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าแม้การอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 125 ได้จบลงไปแล้วตั้งแต่เย็นวันที่ 18 กันยายน แต่ก็ยังมีควันหลงตามมาต่อเนื่อง
โดยน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 19 กันยายนว่าภาพรวมของการอภิปรายดังกล่าว ในส่วนของฝ่ายค้าน ถือว่าเป็นไปตามที่ได้พูดคุยกันระหว่าง 7 พรรค โดยมีการเสนอสาระสำคัญเป็นไปตามที่ได้หารือกันไว้ก่อนหน้านี้ แต่ในส่วนของรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถือว่าตอบไม่ตรงคำถาม และไม่ได้ให้ความสนใจกับรัฐธรรมนูญเลย เหมือนที่ก่อนหน้านี้เมื่อสมัยมีมาตรา 44 ก็ใช้มาตรา 44 เหนืออำนาจรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากนายกรัฐมนตรียังทำตามอำเภอใจลักษณะนี้อีก ก็จะเป็นหนึ่งเหตุผลสำคัญที่จะทำให้ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
จ่อยื่นสอบจริยธรรมนายกฯ
ส่วนการชี้แจงประเด็นการแถลงนโยบายโดยไม่แสดงงบประมาณนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีก็ตอบไม่ชัดเจน ดังนั้น 7 พรรคฝ่ายค้านจึงเตรียมพิจารณายื่นเรื่องต่อประธานสภาฯ เพื่อส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตรวจสอบมาตรฐานทางจริยธรรมของนายกรัฐมนตรี โดยในวันที่ 21 กันยายนนี้ จะมีการจัดงาน 7 พรรคฝ่ายค้านพบประชาชนที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งจะมีแกนนำแต่ละพรรคร่วมในการพูดคุยกับประชาชน ก็จะอาศัยโอกาสดังกล่าวหารือถึงแนวทางการเดินหน้ายื่นเรื่องร้องต่อ ป.ป.ช.ด้วย แต่ระหว่างที่รอความชัดเจนเรื่องนี้ พรรคการเมืองแต่ละพรรคยังสามารถยื่นเรื่องเสนอในนามของพรรคตัวเองได้ด้วย
ด้านนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ฝ่ายค้านจะปรึกษาหารือและพิจารณาข้อกฎหมายอีกครั้งว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรได้หรือไม่ กรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ชี้แจงประเด็นถวายสัตย์ฯ แต่สำหรับประเด็นเรื่องการแถลงนโยบายโดยไม่แสดงงบประมาณนั้น ฝ่ายค้าน ยืนยันเดินหน้าดำเนินการต่อแน่นอน เพื่อตรวจสอบมาตรฐานทางจริยธรรมของนายกรัฐมนตรี โดยจะมีการหารือร่วมกันเพื่อยื่นเรื่องในนามของ 7 พรรคฝ่ายค้านร่วมกัน
นายสุทิน กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันจะพิจารณาดูการอภิปรายงบประมาณที่จะมีขึ้นในกลางเดือนตุลาคมนี้ว่ารัฐบาลจะชี้แจงเหตุและผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณอย่างไร และดูการทำงานของรัฐบาลควบคู่ไปด้วย ซึ่งหากพบว่ารัฐบาลไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะปัญหาปากท้องของประชาชน ก็เตรียมจะขออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทันทีที่เปิดสมัยการประชุมสภาฯ.-สำนักข่าวไทย
“วันนอร์”บอกต้องหารือกัน
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมหารือกันในเร็วๆ นี้ ต่อประเด็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ เข้าชื่อเพื่อยื่นเรื่องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา เพื่อไต่สวนกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 161 กำหนด ทั้งนี้ การเข้าชื่อดังกล่าวต้องใช้เสียงส.ส.รวมกันให้เกิน 151 รายชื่อ ขณะที่การเขียนสำนวนเพื่อยื่นต่อหน่วยงานที่มีหน้าที่นั้น คงต้องหารือกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แม้การประชุมสภาฯ นัดพิเศษเพื่ออภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ กรณีซักถามข้อเท็จจริงและให้ข้อเสนอแนะ เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา นายกฯ จะไม่ชี้แจงในประเด็นการกล่าวนำถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วน แต่รายละเอียดสามารถนำเนื้อหามาเขียนเป็นสำนวนได้ การกล่าวคำถวายสัตย์ฯ ที่ไม่ครบถ้วน ถือว่าจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ซึ่งเข้าข่ายประพฤติขัดจริยธรรมตามมาตรฐานจริยธรรมนักการเมืองอย่างชัดเจน ซึ่งเรื่องดังกล่าวสามารถกระทำได้แม้จะเป็นช่วงของการปิดสมัยประชุมสภาฯ ก็ตาม
‘วิษณุ’แจงทุกอย่างจบไปแล้ว
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ระบุกรณีพลเอกประยุทธ์กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ นอกจากผิดรัฐธรรมนูญแล้วยังผิดพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรมพ.ศ. 2562 ด้วย โดยในระเบียบของศาลฎีกาเปิดช่องไว้ให้สมาชิกรัฐสภาหนึ่งในห้าของรัฐสภาเข้าชื่อยื่นต่อประธานรัฐสภาเพื่อส่งไปยังป.ป.ช.ได้ จึงเตรียมคำร้องส่งประธานรัฐสภา และหากศาลฎีการับไว้พิจารณานายกรัฐมนตรีและครม. จะต้องยุติปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา ว่า ตนได้บอกไปในสภาแล้วว่าพระราชบัญญัติดังกล่าว ใช้กับข้าราชการทั้งหลายส่วนนักการเมืองมีอีกฉบับหนึ่งไม่ใช่ฉบับนั้น เป็นประมวลจริยธรรมฉบับหนึ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญร่างขึ้นซึ่งใช้กับองค์กรอิสระทั้งหมด ใช้กับคณะรัฐมนตรี วุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร สรุปว่ามีฉบับข้าราชการประจำ และฉบับการเมือง ซึ่งถ้าฉบับการเมืองจะไม่มีกรรมการไม่มีนายกมาเป็นประธานแต่กลไกคือหากเห็นว่าผิดก็ร้องผ่านประธานสภา ส่งไปป.ป.ช. ไปศาลฎีกา
ผู้สื่อข่าวถามว่าดังนั้นหากนายวันมูหะมัดนอร์ ยังจะดำเนินการตามที่บอกก็สามารถทำได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ผมไม่อยากไปตอบว่าได้หรือไม่ได้ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นช่องทางก็ไม่มีปัญหา แต่ขอวงเล็บไว้นิดเดียวว่ายื่นผ่านป.ป.ช.นั้น ป.ป.ช.ก็เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญใด ในเมื่อศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าการถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลกับพระมหากษัตริย์จึงไม่มีองค์กรใดสามารถตรวจสอบองค์กรตามรัฐธรรมนูญใด ซึ่งองค์กรตามรัฐธรรมนูนใดนั้นก็คือ ศาลรัฐธรรมนูญ สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา องค์กรอิสระ ซึ่งตั้งขึ้นมาตามรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าคิดว่าช่องทางนี้จะไปได้ ก็ไม่ได้มีปัญหารัฐบาลไม่ได้ติดใจอะไร”
เมื่อถามว่านี่เป็นการชี้ช่องให้เห็น นาย วิษณุ กล่าวว่า “ผมถามกลับ แต่ผมไม่ได้ชี้หรือไม่ได้บอกคำตอบ ไม่ได้ว่ากัน”
เรื่องที่มาของงบรอฟังในสภา
นายวิษณุ ยังให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ว่า ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเขาทำกันใกล้จะเสร็จแล้ว ตอนนี้สภาฯปิดแล้วซึ่งวันที่ 17 ต.ค. จะเปิดการประชุมสภาฯสมัยวิสามันเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เป็นเวลา 4 วัน โดยสภาผู้แทนจะใช้ 2 วัน และวุฒิสภาใช้ 2 วัน ซึ่งเรื่องนี้มันมีปฏิทินอยู่แล้ว และเดี๋ยวสัปดาห์หน้านายกฯจะเดินทางไปราชการต่างประเทศ ซึ่งหลังจากกลับมานายกฯอาจจะได้ดูร่างพรบ.งบประมาณฯ ครั้งสุดท้ายก่อนนำเข้าสู่ครม.และส่งสภาฯ เรื่องนี้ผู้ร่างพรบ.งบประมาณฯ คงไม่ต้องมาปรึกษาอะไรตน เพราะกรอบในการทำงบประมาณฯ ระบุอยู่ในมาตรา142 ของรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณฉบับใหม่ รวมถึง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังแล้ว ซึ่งสมัยก่อนไม่มี แต่เดี๋ยวนี้มันมีและต้องดูให้เป็นไปตามกรอบนั้น อย่างที่มาของรายได้ที่จะนำไปใช้ในโครงการต่างๆ ฝ่ายค้านไปยกเอามาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญขึ้นมา แต่ความจริงมาตรา 142 ของรัฐธรรมนูญระบุไว้ว่า พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ ต้องแสดงแหล่งที่มาของรายได้ ซึ่งตรงนี้จะนำเข้ามาพิจารณาในเดือนหน้าที่จะมีการพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในสภา ซึ่งขั้นตอนนี้แหล่ะที่จะต้องมาแสดงรายละเอียดกัน แต่ในนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภาที่ผ่านมานั้นไม่สามารถไปลงรายละเอียดอะไรได้
บอกบรรยากาศเป็นไปด้วยดี
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯให้สัมภาษณ์ถึงการชี้แจงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ซึ่งเจตนาของรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ระบุไว้ชัดเจนว่าต้องการให้มีการสอบถามเพื่อที่รัฐบาลจะนำไปใช้ประโยชน์ไม่ใช่การต่อสู้ทางการเมือง บรรยากาศก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ส่วนที่ฝ่ายค้านยังติดใจอยู่นั้นเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีปัญหาใดๆ
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะนำประเด็นเหล่านี้ไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจอีก สามารถทำได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็แล้วแต่เขา ตนไม่อยากไปพูดอะไรเดี๋ยวจะมองว่าเป็นการชี้นำอีก
บิ๊กตู่ไม่ตอบเอกสารความมั่นคง
เช้าวันเดียวกันที่นำเนียบรัฐบาล ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหมจะไปเยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบอุทกภัยที่ จ.อุบลราชธานี ผู้สื่อข่าวได้ถามนายกฯกรณีมีภาพเอกสาร “โครงข่ายขบวนการทำลายประเทศ” ปรากฏบนโต๊ะของนายกฯขณะกำลังรับฟังการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเพียงสั้นๆว่า “ไม่ได้ให้ใคร”
เมื่อถามย้ำว่าหน่วยงานใดส่งมาให้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถาม ก่อนจะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที โดยมอบหมายให้นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนแทน
ซึ่งนางนฤมลกล่าวว่า ตนทราบเพียงว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารชั้นความลับ ไม่มีการเปิดเผย โดยฝ่ายความมั่นคงเสนอมาให้นายกฯ ตนไม่ได้้เห็นรายละเอียดเนื้อหาข้างในว่าเป็นอย่างไร แต่คิดว่านายกฯไม่ได้มีเจตนาจะให้ปรากฏภาพเอกสารดังกล่าวออกมา ซึ่งตนเข้าใจว่าจากการเตรียมเอกสารจำนวนมากให้นายกฯ ก็คงมีเอกสารดังกล่าวติดเข้าไปด้วย และนายกฯก็ไม่ทราบว่าจะมีช่างภาพมาถ่ายรูปท่านโดยมีเอกสารดังกล่าวอยู่
และย้ำว่า นายกฯต้องการทุ่มเทเวลาในการดูแลประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วม รวมถึงผู้ที่ประสบปัญหาภัยแล้งในบางพื้นที่ โดยในช่วงบ่ายวันนี้ นายกฯจะเดินทางไปจ.อุบลราชธานี ทั้งนี้ นายกฯได้ขอฝากไปถึงนักการเมืองพรรคต่างๆว่าขณะนี้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรขอให้ส.ส.ในพรรคร่วมรัฐบาลลงไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่างๆอย่างเต็มที่ รวมถึงขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกับรัฐบาลในการดูแลประชาชน
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านเตรียมจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายกฯมีความกังวลต่อเรื่องนี้หรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า นายกฯไม่มีความกังวลอะไร จึงได้ฝากแจ้งต่อทุกฝ่ายว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนควรนำความสามารถและสรรพกำลังที่มีมาร่วมกันช่วยแก้ปัญหาให้กับประชาชนซึ่งตอนนี้ไม่ได้มีแค่ปัญหาน้ำท่วม แต่มีอีกหลายเรื่องที่ส.ส.สามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้ ดีกว่าจะไปปักหลักอยู่กับประเด็นเดิมๆ เช่นเดียวกับตน ที่ส่วนตัวเห็นว่านักการเมืองทุกคนควรเห็นเรื่องของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ส่วนการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ตนก็ให้ความเคารพแต่อยากให้ทุกคนมาร่วมกันทุ่มเทช่วยเหลือประชาชนเป็นอันดับแรกก่อนในช่วงที่ปิดสมัยประชุมสภาฯ
‘ชวน’ไม่เห็นคำร้องสอบบิ๊กตู่
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมเข้าชื่อกันจำนวน 1 ใน 5 ส่งเรื่องต่อประธานสภาฯ ขอให้ส่งศาลฎีกาวินิจฉัยตรวจสอบจริยธรรมร้ายแรงของนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับเรื่องดังกล่าว แต่ทั้งหมดต้องเป็นไปตามครรลองของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเรื่องนี้ได้ยินจาก ส.ส.บางคนว่า จะมีการยื่นสอบจริยธรรมนายกรัฐมนตรี แต่ต้องพิจารณากระบวนการว่าจะอ้างอิงกฎหมายใด ซึ่งหากฟังจากคำอภิปรายของสมาชิกเมื่อวานนี้ เป็นการอ้างระเบียบ คุณธรรม จริยธรรม ส่วนฝ่ายค้านอ้างคำชี้ขาดของประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ระบุว่าคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่รับคำร้องเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณว่าไม่ได้ผลผูกพันกับองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญนั้น ตนเห็นว่าหากเป็นไปตามกฎหมายก็ไม่เป็นไร และยินดีพิจารณาหากเป็นไปตามหลักเกณฑ์ เพราะกติกาบังคับว่า ประธานสภาฯ จะต้องดำเนินการให้เป็นตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ซึ่งหากยึด และเดินตามประชาธิปไตยก็ไม่มีอะไรน่าห่วงใย แต่สิ่งสำคัญต้องไม่ฉวยโอกาสทำผิดไปจากที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งก็จะทำให้งานสภาทำงานด้วยความราบรื่น และสามารถดึงสภาฯ ให้กลับมาเป็นที่ยอมรับ และเป็นสภาฯ ที่มีมาตรฐานเช่นเดียวกับประเทศอื่น
นายชวน กล่าวต่อว่า สำหรับการเปิดเวทีอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ว่า เป็นการใช้มาตรา 152 เป็นครั้งแรก อาจะมีข้อกังวลว่าอาจจะวุ่นวาย แต่สิ่งสำคัญต้องคุมให้ได้ เพราะกติกากำหนดไว้สองอย่าง คือให้สมาชิกสอบถาม ซักถาม และให้คำแนะนำกับรัฐบาล หากอภิปรายไม่ไว้วางใจจะต้องไปใช้อีกมาตราหนึ่ง ซึ่งเมื่อวานนี้(18 ก.ย.) ยังมี ส.ส.บางคน ที่อภิปรายเกินเลย ไม่ได้ซักถาม ไม่ได้แนะนำ แต่ประธานฯก็พยายามคุมไม่ให้อภิปรายเกินเลยไปจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 พร้อมยืนยันจะทำให้ดีขึ้น เพื่อให้เห็นว่าสภายึดถือกฎหมายอย่างเข้มข้น ซึ่งรู้สึกว่าสมาชิกได้ให้ความร่วมมือมากขึ้นตามลำดับ ดังนั้นทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันหากต้องการให้สภาฯ มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ เป็นสภาฯ ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง ก็ต้องยึดหลักเกณฑ์อย่างแท้จริง พร้อมปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะไม่อยากแสดงความเห็นล่วงหน้า
วอนฝ่ายค้านเลิกโจมตีนายกฯ
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่าการอภิปรายทั่วไปจบลงแล้ว อยากให้พรรคร่วมฝ่ายค้านยุติเรื่องนี้ได้แล้วเอาเวลามาร่วมกันทำงานให้กับพี่น้องประชาชนในบทบาทหน้าที่ที่ได้รับจะดีกว่าและให้เวลารัฐบาลได้ทำงานให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็ม ที่วันนี้บ้านเมืองต้องการความรักความสามัคคีอย่ามัวแต่มาทะเลาะแบ่งแยกกันเลยทั้งนี้ตนเชื่อว่าหากส.ส.พรรคฝ่ายค้านเปิดใจให้กว้างไม่มีอคติจะสัมผัสได้ถึงความน่ารักความเป็นกันเองความรักชาติรักประชาชนของพล.อ.ประยุทธ์เหมือนที่ตนและส.ส.พรรคพลังประชารัฐได้สัมผัส
ทั้งขอเตือนไปยังฝ่ายค้านบางคนให้หยุดดิศเครดิทองค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญ ไม่เช่นนั้นอาจต้องไปอยู่ต่างประเทศเหมือนผู้นำบางคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี