"วรวัจน์"ชี้รัฐบาลล้มเหลวแก้ปัญหาเศรษฐกิจจากการจัดงบประมาณ เหมือนประเทศกินยาพิษทุกวัน หวั่นเกิดสภาวะล้มเหลวทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่
เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะอดีตรองประธานกรรมาธิการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณ กล่าวถึงกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ว่า จากการศึกษาทั้งหมดเชื่อว่ารัฐบาลนี้จะล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะดูจากงบประมาณที่ควรจะลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจหรือสร้างรายได้ให้กับประชาชนมีน้อย ส่วนใหญ่ไปอยู่ในงบประมาณที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งท่ามกลางกระแสโลกที่อยู่ในสภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน และมีความผันผวน จึงไม่เข้าใจว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) จัดสรรงบประมาณเช่นนี้ได้อย่างไร รวมถึงความไม่ชัดเจนของหลายโครงการ ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่เชื่อมั่น และเกิดสภาวะถดถอย รวมถึงมีผลกระทบต่อการจัดเก็บภาษีรายได้ของประชาชนที่อาจได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยในปีต่อไป
"การจัดทำงบประมาณครั้งนี้ คล้ายกับว่าจะมีการกู้เงินมากขึ้น แต่รายได้ที่เกิดกับประชาชนและเม็ดเงินภาษีที่กลับมาจะได้น้อยลง จึงเหมือนกับประเทศไทยกำลังกินยาพิษทุกวัน และเป็นการสะสมโรคร้ายในทุกวัน หากเกิดลักษณะแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็จะเกิดสภาวะล้มเหลวทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่" นายวรวัจน์ กล่าว
เมื่อถามถึงข้อเสนอการจัดทำงบประมาณที่ฝ่ายค้านจะให้ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล นายวรวัจน์ กล่าวว่า รัฐมนตรีต้องรับผิดชอบในการจัดทำงบประมาณในลักษณะนี้ เข้าใจว่าพรรครัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลที่มีส่วนแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอาจไม่มี อำนาจต่อรองนำงบประมาณไปช่วยเหลือเกษตรกรที่อยู่ในสภาวะยากลำบาก ดังนั้น การอัดฉีดเงินไปสู่เกษตรกรจะช่วยทำให้เกิดการหมุนเวียนของกระแสเงินสดและทำให้จัดเก็บภาษีได้มากขึ้น ส่วนที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่มีอำนาจในการต่อรองในช่วงจังหวะของการจัดสรรงบประมาณและสภาวะรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำ พรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงและอำนาจพอที่จะสร้างบทบาทต่อรอง หรือเจรจาได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราไม่เห็นสิ่งเหล่านี้หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ครม.นี้จะต้องรับผิดชอบหากความเป็นอยู่ประชาชนลำบากขึ้น เพราะมีรายได้ที่ไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นเพราะการจัดสรรงบประมาณของปีที่ที่ขาดความรับผิดชอบ
เมื่อถามว่า ควรมีการปรับ ครม.ด้านเศรษฐกิจ ตามที่หลายฝ่ายเรียกร้องหรือไม่ นายวรวัจน์ กล่าวว่า ครม.เศรษฐกิจ เป็นอีกเรื่อง แต่หากไม่มีเม็ดเงินที่ลงไปในการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะจัดตั้ง ครม.เศรษฐกิจ อย่างไรก็ไม่เป็นผล ส่วนการจัดงบมาทุกครั้งตั้งแต่สมัยรัฐบาล คสช.มองว่าการจัดสรรงบประมาณขาดดุลไม่ใช่เรื่องเสียหายถ้าเราไปกู้เงินมาแล้ว และสามารถนำเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจให้โตขึ้น ประชาชนมีรายได้ รัฐบาลจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่หากดูการจัดสรรงบประมาณที่เป็นอยู่ตอนนี้ มีการกู้และงบประมาณขาดดุลเงินที่จัดสรรไม่ไปกระตุ้นเศรษฐกิจก่อให้เกิดเงินหมุนเวียน ก็เหมือนพิษร้ายระยะยาว จะทำให้ประเทศไทยทรุดโทรม และประชาชนจะอยู่ไม่ไหว และวันนี้ประชาชนเป็นหนี้ครัวเรือนจนเต็มเพดานแล้ว และอาจทำให้การเรียกร้องของประชาชนตั้งขึ้นเรื่อยๆ
นายวรวัจน์ กล่าวถึงการอภิปรายงบประมาณปี 63 ในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ ว่า เชื่อว่าประชาชนจะเห็นชัดเจนว่าการจัดทำไม่ถูกต้องและต้องแก้ไขเยอะมาก เชื่อว่าถ้า กมธ.ตระหนักถึงเรื่องนี้ และพิจารณางบประมาณที่ไม่จำเป็น และตัดออกตัวเลขงบประมาณที่ไม่เกิดรายได้ ก็อยากให้นำไปเพิ่มกับงบประมาณของหน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องใช้เชื่อว่าจะเป็นผลดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี