“เพื่อไทย” จัดสัมมนาใหญ่“สมพงษ์” ปลุกคน พท.ต้องรักและสามัคคีกัน-ยึดมั่นคำสัญญาที่ให้ ปชช.-เดินหน้าผลักดันแก้ รธน.-ดู งบประมาณให้ ปท.-ปชช.ได้ประโยชน์สูงสุด ด้าน“หญิงหน่อย” ยกลูกพรรคหัวใจแกร่งแม้โดนยั่วยุแต่ไม่ทรยศประชาชน ขอรวมพลังผลักดันให้บรรลุ 3 เป้าหมาย
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2562 ที่โรงแรมเชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา จ.เพชรบุรี พรรคเพื่อไทยจัดสัมมนา”โครงการเสริมสร้างศักยภาพ ส.ส.และบุคลากรทางการเมือง”โดยมีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค คุณหญิงสุดารัตน เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค อดีตคณะกรรมการบริหารพรรค ส.ส. และสมาชิกพรรค เข้าร่วมอย่างคึกคักและพร้อมเพรียง โดยครั้งนี้ถือเป็นการสัมนาใหญ่ครั้งแรกของพรรคเพื่อไทยหลังการเลือกตั้ง
โดยนายสมพงษ์ กล่าวเปิดสัมมนาตอนหนึ่งว่า พรรค พท.ก่อร่างมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย มาจนถึงพรรคพลังประชาชน โดยมีบุคคลสำคัญที่เป็นผู้ก่อร่างสร้างพรรค และทำประโยชน์ให้กับประชาชนคือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยท่านได้เห็นความเดือดร้อนของประชาชน แล้วนำมาจัดทำนโยบายที่จับต้องได้ กินได้ เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งยังคงใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้ หรือกองทุนหมู่บ้าน การฝ่าฟันต่างๆ จนทำให้พรรคเกิดความสามัคคี
อย่างไรก็ตาม สาระสำคัญมี 2 เรื่องใหญ่ ที่อยากคุยกับทุกท่านของพรรค พท. คือ 1.เรื่องความสามัคคีและร่วมมือกันสร้างวัฒนธรรมองค์กรพรรค พท.ให้เข้มแข็งยิ่งๆ ขึ้น โดยพรรคเราผ่านอุปสรรคและวิบากกรรมมาได้ด้วยความรักสามัคคีภายในองค์กร ที่เรารักผูกพันกัน เอื้ออาทรต่อกันไม่ทอดทิ้งกัน ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรรคมา
นายสมพงษ์ กล่าวว่า การทำงานของพรรคตลอดเวลาที่ผ่านมา จัดวางอยู่บนพื้นฐานของพลังศรัทธาและความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนที่มอบให้มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพรรค พท.ตระหนักดีถึงภารกิจที่สำคัญยิ่งนี้ เราซื่อสัตย์ต่อประชาชน และซื่อตรงต่ออุดมการณ์ ยึดมั่นในสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนอย่างต่อเนื่องมาตลอด ประชาชนจึงรัก และโอบอุ้มเราอย่างอบอุ่น ทั้งไม่เคยทอดทิ้งพรรคเรา ทำให้เรายังคงได้รับความไว้วางใจ ให้เป็นพรรคที่ได้รับการตัดสินจากประชาชน ให้เป็นพรรคที่ครองที่นั่งอันดับหนึ่งมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเรายังคงซื่อสัตย์ต่อทุกคำพูด ยึดมั่นในพันธะสัญญาทั้งปวงที่เราให้ไว้กับประชาชน ภารกิจของเราเป็นภารกิจในทุกคำมั่นที่เราให้ไว้กับประชาชน ไม่มีบิดพลิ้ว ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานภาพใดก็ตาม สิ่งนี้เป็นความเชื่อมั่นที่ประชาชนเชื่อถือพรรคเรา
นอกจากนี้ เรายังคงยึดมั่นในจุดยืนที่จะมีส่วนร่วมกับประชาชนไทยร่วมกันสร้างระบอบประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง มีการกระจายอำนาจ อย่างทั่วถึงเพื่อให้เกิดรัฐที่ประชาชนมีส่วนร่วม มิใช่รัฐแบบรัฐราชการ ที่รวมศูนย์อำนาจส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่แต่ในส่วนกลาง ความสำเร็จทั้งปวงล้วนเกิดขึ้นบนฐานความรัก ความสามัคคี ของคนภายในองค์กรเป็นพื้นฐาน ดังนั้น เราต้องช่วยกันสร้างวัฒนธรรมองค์กรของพรรคที่มีความเข้มแข็ง สามารถปรับเปลี่ยนตามพัฒนาการของสถานการณ์และสังคมได้
“คนทำงานการเมืองของพรรค พท.ต้องรู้จักเล็กเป็น และใหญ่เป็น เพื่อร่วมกันคิดร่วมกันทำให้งานมีผลสัมฤทธิ์ต่อพี่น้องประชาชนสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โลกปัจจุบันที่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นพลวัต และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งต้องการ ‘การนำร่วมแบบใหม่ ในโลกยุคใหม่’ ที่ผู้นำจักต้องบริหารจัดการทรัพยากรทั้งหมดที่พรรคเรามี มาช่วยกันสร้างพรรคให้เข้มแข็ง เพื่ออำนวยประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับสมาชิกในองค์กร ให้ทุกคนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ให้มากที่สุด ทำให้ทุกคนรักพรรค และมีความรู้สึกเป็นเจ้าของพรรค พร้อมจะช่วยกันอุทิศตัวสร้างประโยชน์สูงสุดให้เกิดขึ้นแก่พรรคของเรา วันนี้ เราต้องเร่งสร้างความร่วมมือ ความเข้าใจ ความเอื้ออาทรต่อกัน เพื่อให้เรารักกัน รักประชาชน และรักประเทศของเราต่อไป” นายสมพงษ์กล่าว
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า 2.เป้าหมายในการมาสัมมนาของพรรคในครั้งนี้ คือ ขอให้พวกเราทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ และทำงานในฐานะ ส.ส.อย่างรับผิดชอบต่อประโยชน์ของประชาชนอย่างสุดความสามารถ อย่าให้ประชาชนผิดหวัง และอย่าให้พี่น้องประชาชนเสียประโยชน์ เราทุกคนจะมุ่งมั่นผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ ถือเป็นภารกิจสำคัญที่เรา ได้รับปากกับพี่น้องประชาชนไว้ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญ คือ กุญแจดอกสำคัญ ในการไขไปสู่การนำพาพี่น้องประชาชนของเราให้พ้นออกจากวิกฤตชีวิต และวิกฤตเศรษฐกิจที่พวกเขาทุกคนกำลังเผชิญ
นอกจากนี้ ขณะนี้ เฉพาะหน้าต้องเตรียม และเร่งศึกษากรอบงบประมาณ ที่รัฐบาลปัจจุบันเพิ่งจะนำมาเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ ซึ่งเราได้รับการประสานงานจากวิปรัฐบาลเมื่อเช้าว่าจะได้เวลาในการอภิปราย 3 วัน โดย ส.ส.ของพรรค พท. จะร่วมมือกันพิจารณากรอบงบประมาณอย่างเคร่งครัด มิให้มีการรั่วไหล และไม่ปล่อยให้เกิดช่องว่างของการทุจริต หรือมีช่องทางการนำงบประมาณของแผ่นดินไปหาประโยชน์เฉพาะกลุ่ม เฉพาะตน เพื่อให้เงินของแผ่นดินถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติ เงินงบประมาณแผ่นดินต้องถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
"เราจะไม่ยินยอมให้เกิดการเล่นเกมการเมือง เพื่อดึงการพิจารณางบประมาณแผ่นดินให้ยืดเยื้ออกไปอย่างไม่รู้จบโดยไร้เหตุผลเพราะถือเป็นการทำร้ายพี่น้องประชาชน ทำให้งบประมาณไม่สามารถลงไปสู่ชีวิตของพี่น้องประชาชนทั้งๆ ที่กำลังต้องการให้การเคลื่อนย้ายงบประมาณรีบไปกระตุ้นเศรษฐกิจ และใช้ประโยชน์ให้พี่น้องที่กำลังเผชิญปัญหาวิกฤตโดยเร็ว"นายสมพงษ์ กล่าว
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนขอคารวะยกย่องในหัวใจแกร่งของสมาชิกพรรคทุกคน ที่ต้องต่อสู้กับแรงกดดัน แรงยั่วยุ แรงจูงใจ สารพัด แต่ทุกสิ่งมิได้ทำให้หวั่นไหว ทุกคนยังคงยืนหยัดสู้กับพายุที่ถาโถมโดยไม่ยอมทรยศต่อประชาชน ไม่ยอมทรยศต่ออุดมการณ์ของตนเอง และพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้หลังเลือกตั้ง แม้พรรคจะส่งแค่ 250 เขต แต่พรรคเพื่อไทยก็ยังคงชนะเป็นที่ 1 ของประเทศ ได้ ส.ส.มากที่สุด แม้จะโดนเอาเปรียบด้วยสารพัดกลวิธี ตั้งแต่ใช้ ม.44 แบ่งเขต, บัตรเกิน ,บัตรเขย่ง , บัตรออกลูกในหีบ แต่เพื่อไทยก็ยังชนะที่ 1 ถึงแม้เพื่อไทยจะเป็นฝ่ายค้าน แต่เพื่อไทยก็เป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ที่จะทำงานทุ่มเทเพื่อประชาชน
“ขอให้ทุกคนได้ร่วมใจกันเป็นหนึ่ง รวมพลังกันให้มั่น เพื่อความหวังที่คนไทยทั้งประเทศฝากไว้กับเพื่อไทยให้สำเร็จ ให้บรรลุ 3 เป้าหมาย คือ1.คืนความอยู่ดีกินดี และความสงบสุขให้กับคนไทย 2. ธำรงไว้ซึ่ง 3 สถาบัน คืนประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่แท้จริงให้ประเทศไทย และ3. คืนศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของประเทศไทย สร้างชาติไทยให้กลับมาทันสมัยทัดเทียมโลกอีกครั้งหนึ่งเพื่อไทยจะเป็นฝ่ายค้านที่แข็งแกร่ง ในการดูแลผลประโยชน์ของประชาชน และเพื่อไทยจะเป็นสะพานเชื่อม นำความรู้ วิธีทำมาหากินใหม่ ๆ จากโลกยุคใหม่ไปให้ประชาชน โดยไม่ต้องรออำนาจรัฐ”คุญหญิงสุดารัตน์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี