รมว.เกษตรฯวูบ!
ส่งรพ.เจอ2ม็อบกดดัน
ปมร้อนแบน3สารพิษ
หมอหนูย้ำจุดโหวตโน
ปธ.ผู้ตรวจการแผ่นดินฯจับตาผลประชุม กก.วัตถุอันตรายแบน 3 สารอันตราย ดักคออย่าอ้างยังหาสารทดแทนไม่ได้ ระบุก่อนผู้ตรวจฯมีมติพบข้อมูลสิ่งทดแทนได้เตือนยื้อต่อ ชง ป.ป.ช.เอาผิดได้‘หมอหนู’คอนเฟอร์เรนซ์ ย้ำรพ.ทั่วปท.ขึ้นป้ายต้านสารพิษจนกว่ารู้ผล ลั่นไม่กลัวอิทธิพล ไม่เอื้อนายทุนสารทดแทน หมอจุฬาแฉพาราควอต จัดโปร ชวนเกษตรกรซื้อตุนหวังระบายสต๊อก เตือนเกษตรกรอย่าเชื่อ ด้านรมว.เกษตรฯวูบ ระหว่างรอพบ ม็อบหนุน-ต้าน ยื่นหนังสือแสดงจุดยืน ทีมงานหามส่ง รพ.
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าวถึงกรณี คณะทำงาน 4 ฝ่ายของกระทรวงเกษตรมีมติให้ยกเลิกนำเข้าและใช้สารเคมีวัตถุอันตรายทางการเกษตร3 สารคือ คลอร์ไพริฟอส พาราควอตและไกลโฟเซต เตรียมผลักดันให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1ธันวาคมว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะผู้ตรวจการแผ่นดินมีคำวินิจฉัยไปตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 เสนอให้ยกเลิกนำเข้า มีไว้ในครอบครองตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 และล่าสุด เมื่อวันที่13กันยายน มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอให้เร่งรัดปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของผู้ตรวจฯและได้รับการตอบรับที่ดี
ดังนั้นจึงขอชมเชยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตร กระทรวงอุตสาหกรรม ที่รัฐมนตรีซึ่งกำกับดูแลเอาจริงเอาจังออกมาแถลงยืนยันว่าจะยกเลิกการใช้สารพิษนี้ที่น่าดีใจยิ่งขึ้นคือประกาศจะเร่งให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายประชุมพิจารณายกเลิกใช้เร็วขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมนี้แสดงว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องตั้งใจยกเลิกจริง ตอนนี้ต้องรอมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย
พล.อ.วิทวัสกล่าวต่อว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินเคยยืนยันกับคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อครั้งที่มาประชุมร่วมกัน หลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอ้างว่ายังติดขัดไม่สามารถปฏิบัติตามคำวินิจฉัยผู้ตรวจการแผ่นดินในครั้งแรกได้เพราะยังหาสารทดแทนไมได้ว่าการจะยกเลิก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องออกมาประกาศยกเลิกก่อน ส่วนสารทดแทนใหม่ อาจไม่ใช่การทดแทน แบบ 1:1แต่อาจมีตัวอื่นมาผสม ที่สำคัญก่อนที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน จะออกคำวินิจฉัย ได้ศึกษาหานวัตกรรมใหม่ด้านการเกษตรและลงพื้นที่ไปดูเกษตรกรที่ทำเกษตรแบบเกษตรอินทรีย์พบว่าได้ผลผลิตปลอดภัย ขายได้ในราคาที่สูงขึ้น ดีกับทั้งเกษตรกรและผู้บริโภคที่ปัจจุบันหันมาบริโภคอาหารปลอดภัย
“ดังนั้นการที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายอ้างว่ายังยกเลิกไม่ได้เพราะไม่มีสารทดแทนจึงไม่สมเหตุสมผล ส่วนการหาสารทดแทนคิดว่า ถ้ากรมวิชาการเกษตรจริงจังตามข้อมูลที่ผู้ตรวจฯมี เชื่อว่าหาได้ไม่ยากและมีอยู่เพียงพอ”ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ย้ำ
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายยังมีมติไม่ยกเลิก 3 สารพิษดังกล่าวผู้ตรวจการแผ่นดินจะดำเนินการอย่างไร พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า ถ้ายังไม่ยกเลิกก็ถือว่าไม่มีเหตุอื่นอันสมควร จึงเข้าข่ายหัวหน้าหน่วยราชการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง ตามกฎหมายให้ส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการพิจารณาชี้มูลความผิด หรือถ้าบุคคลใดเข้าข่ายผิดอาญาก็ส่งศาลยุติธรรมพิจารณา หากมีความผิดทางวินัยต้นสังกัดจะดำเนินการตามระเบียบข้าราชการฯ ซึ่งผู้ตรวจฯจะติดตามเรื่องนี้ใกล้ชิด
พล.อ.วิทวัส กล่าวว่าก่อนหน้านี้คณะกรรมการวัตถุอันตรายประชุมลับแล้วมีมติไม่ยกเลิก ตนก็เห็นว่าไม่ถูกต้อง การประชุม ควรเป็นไปโดยเปิดเผย เคารพเหตุผลซึ่งกันและกันแต่ครั้งนี้เมื่อมาถึงขั้นที่รัฐมนตรี3กระทรวง ที่มีผู้แทนเป็นหนึ่งในคณะกรรมการวัตถุอันตรายพร้อมใจกันให้ประชุมโดยเปิดเผยก็เชื่อว่าคณะกรรมการฯที่จะประชุมกันในเดือนนี้จะหารือคุยกันอย่างมีเหตุผลและผลประชุมจะส่งผลดีกับประชาชน
“อยากฝากถึงคณะกรรมการวัตถุอันตรายว่าขอให้พิจารณาโดยคำนึงถึงเรื่องสุขภาพประชาชนเป็นสำคัญ มากกว่าเน้นเรื่องหาสารทดแทน หากไม่ยกเลิกครอบครัวของบุคคลที่เป็นคณะกรรมการวัตถุอันตรายก็ต้องได้รับพิษภัยจากสารพิษนี้เช่นกัน และปกตินวัตกรรมใหม่ๆ จะเกิดขึ้นภายใต้ข้อจำกัดอยู่แล้ว ดังนั้นทำอย่างไรให้ประเทศไทยเป็นเกษตรปลอดภัย อาหารปลอดภัยและคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า จึงอยากให้คิดให้รอบคอบ “ พล.อ.วิทวัสกล่าว
วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พร้อมผู้บริหาร สธ.ประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นส์เรื่องการยกเลิกใช้สารเคมีอันตรายในภาคเกษตร 3 ชนิด ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ผู้อำนวยการโรงพยาบาล (ผอ.รพ.)ทั่วประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมมีการรายงานจากสสจ.นครราชสีมาถึงการเก็บตัวอย่างเลือดประชาชนมาตรวจวิเคราะห์พบปริมาณสารเคมีตกค้างร้อยละ 42 ขณะที่จ.พัทลุงรายงานว่าการที่กระทรวงสาธารณสุขยืนยันหนักแน่นเรื่องไม่เอาสารเคมีภาคเกษตรทำให้การผลักดันนโยบายเกษตรอินทรีย์ที่จังหวัดทำอยู่บรรลุผลเร็วขึ้น
นายอนุทิน กล่าวชื่นชมการขึ้นป้ายต่อต้านของหน่วยงานในสังกัด สธ.ซึ่งเป็นพลังอันยิ่งใหญ่อย่างที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะไม่อยากต้องมารักษาประชาชนที่เจ็บป่วยจากสารเคมีในภาคเกษตร ทั้งที่ป้องกันได้ ขอเอางบประมาณสุขภาพไปดูแลรักษาประชาชนที่เจ็บป่วยด้วยโรคที่ไม่สามารถป้องกันได้ดีกว่า ดังนั้น ขอให้หน่วยงานที่ขึ้นป้ายต่อต้านอยู่ คงมาตรการนี้ไว้จนกว่าจะสิ้นสุดการประชุม และทราบผลประชุม หากผลการประชุมออกมาไม่ดีก็ขอให้ขึ้นป้ายคัดค้านเอาไว้อย่างนั้น
“ผมไม่กังวลเรื่องผลโหวต ไม่กลัวอิทธิพล ซึ่งผู้แทน สธ. 2 คนคือปลัด สธ. และเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)นั้น บันทึกไว้ได้เลยว่า โหวตแบนสารเคมีอันตรายแน่นอน และจะกดดันให้ลงมติแบบเปิดเผยด้วย และยืนยันไม่มีเรื่องนายทุนนำเข้าสารเคมีทดแทนแน่นอน”นายอนุทินกล่าว
ด้าน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่ปรึกษารมว.สาธารณสุขกล่าวว่า เรามีหลักฐานประจักษ์ชัดว่าสารเคมีทั้ง 3 ชนิดมีผลต่อการเกิดโรคเนื้อเน่า มะเร็ง พาร์กินสัน ทั้งทางตรง ทางอ้อม เฉียบพลัน อย่างผลตรวจเลือดประชาชนในจ.นครราชสีมาพบสารเคมีตกค้างร้อยละ 42 ทั้งที่ไม่ใช่เกษตรกร และพบน้ำประปาในหมู่บ้านปนเปื้อนสารเคมีอันตราย ทั้งนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดขณะนี้คือ พบว่าสารเคมีอันตรายทั้ง 3 ชนิดส่งผลกระทบต่อหญิงตั้งครรภ์ เพราะจากข้อมูลวิชาการทั้งในและต่างประเทศสอดคล้องกันว่า หญิงตั้งครรภ์ทั้งในและนอกพื้นที่เกษตรต่างได้รับสารพาราควอต แม้ในปริมาณต่างกันแต่สารเคมีนี้มีผลต่อทารกในครรภ์ กระทบพัฒนาการด้านร่างกาย และทำให้สเปิร์มและฮอร์โมนในเพศชายลดลง ส่งผลให้เกิดปัญหาภาวะมีบุตรยาก รวมถึงความต้องการทางเพศลดลง
ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมาจึงมีมติยกระดับสารเคมีทั้ง 3ชนิด เป็นวัตถุอันตรายประเภท 4 ซึ่งอันตรายเทียบเท่าลูกระเบิด ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 จะห้ามผลิต นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองสารเคมีทั้ง 3 ตัว เด็ดขาด
“ขณะนี้จะพบว่าพาราควอต มีการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายให้เกษตรกรซื้อไปตุนในปริมาณมาก ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีความพยายามจะขายระบายสต๊อก จึงขอเตือนเกษตรกรว่าไม่ต้องซื้อสารเคมีทั้ง 3 ชนิดเก็บไว้ เพราะถ้ามีมติแบนสารเคมีแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไป จะไม่สามารถใช้สารทั้ง 3 ได้อีก ต้องทำลายทิ้งและไม่ใช่การเททิ้งลงแม่น้ำต้องทำลายถูกวิธี หรือส่งคืนโดยไม่ได้รับเงินชดเชย และเมื่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติชัดเจนแล้วบริษัทไม่สามารถมาฟ้องไทยได้ ดังนั้น กรณีแบนสารเคมีนี้ไทยจะไม่เสียค่าโง่แน่นอน” ศ.นพ.ธีระวัฒน์กล่าว และว่า ส่วนที่ตนถูกขู่ทำร้ายตอนนี้ สถานการณ์เงียบลงแล้ว เพราะมีคนเห็นแบบเดียวกันจำนวนมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี