‘ชาดา’ป้องน้องสาว
เจอป่วนลุยแบน3สารพิษ
จัดหนักขรก.ไร้สำนึก!
ทำตัวเป็นเซลส์ขายของ
รมว.เกษตรฯเซ็นหนังสือถึงรมว.อุตสาหกรรม แจ้งมติคณะทำงาน 4 ฝ่าย เอกฉันท์ให้ยกเลิก 3 สารอันตรายมีผลทันที 1 ธันวาคม ชงต่อเข้าคณะกรรมการวัตถุอันตรายเคาะเลิกใช้ ด้านเอ็นจีโอ 686 องค์กร หนุนแบน จี้นายกฯแสดงจุดยืนอย่าปล่อยไปตามขั้นตอนรอกรรมการฯพิจารณาอย่างเดียว ขณะที่ “ชาดา” ออกโรงป้อง “น้องสาวข้าใครอย่าแตะ” หลังเจอป่วนจากกลุ่มเสียประโยชน์ ซัดข้าราชการเกษตรฯทำเสมือนเป็นเซลล์ขายสารเคมี ขาดสำนึกทำเพื่อประชาชน
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยความคืบหน้าการยกเลิกใช้สารเคมีอันตรายทางการเกษตร 3 ชนิดคือ คลอร์ไพริฟอส พาราควอต ไกลโฟเซตว่า เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ตนลงนามหนังสือแจ้งมติคณะทำงาน 4 ฝ่ายเพื่อพิจารณาความเห็นของส่วนรัฐ ผู้นำเข้า เกษตรกร และผู้บริโภค ที่มีมติเป็นเอกฉันท์ให้สารเคมี 3 ชนิดดังกล่าวปรับจากวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 เป็นชนิดที่ 4 ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป
นายเฉลิมชัยกล่าวต่อว่า พร้อมกันนี้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯทำหนังสือแจ้งมติคณะทำงานข้างต้นให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาเสนอคณะกรรมการฯ เพื่อปรับสารเคมีทั้ง 3 ชนิดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 โดยด่วน มีผลให้ห้ามผลิต นำเข้า ส่งออก และครอบครอง ดังนั้น จากนี้ไปขึ้นอยู่กับคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งจะประชุมวันที่ 22 ตุลาคมว่า จะบรรจุเรื่องนี้เข้าวาระการประชุมหรือไม่ และจะมีมติอย่างไร กระทรวงเกษตรฯพร้อมทำตามมติ
นอกจากนี้ กระทรวงฯเร่งเดินหน้าช่วยเหลือเกษตรกรปรับเปลี่ยนวิถีทำเกษตร โดยสั่งการอธิบดีกรมวิชาการเกษตรผลักดันนโยบายส่งเสริมการผลิตพืชปลอดภัยตามมาตรฐาน GAP และเกษตรอินทรีย์ เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตการเกษตร รวมถึงความปลอดภัยของเกษตรกรและผู้บริโภคทั้งประเทศ โดยจะเร่งให้ความรู้ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย และประสานหาตลาดรองรับผลผลิต
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายยังไม่ได้ประชุม เพื่อมีมติใหม่ กระทรวงเกษตรยังปฎิบัติตามมติเดิมในการจำกัดการใช้ โดยวันที่ 20 ตุลาคมนี้ ประกาศกระทรวงเกษตรฯ 5 ฉบับจะมีผลบังคับใช้ ไม่เช่นนั้นจะมีความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ถ้ามีมติใหม่อย่างไรก็พร้อมปฏิบัติตาม
ด้านนายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธีชีววิถีกล่าวถึงการลงนามของรมว.เกษตรฯในหนังสือแจ้งมติคณะทำงาน 4 ฝ่ายให้ยกเลิกใช้สารเคมีอันตราย 3 ประเภทดังกล่าวพร้อมส่งเรื่องให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาว่า ถือเป็นการทำหน้าที่ได้ถูกต้อง เนื่องจาก เกษตรกรและผู้บริโภคคือ เหยื่อของสารพิษร้ายแรง 3 ชนิดมานาน นอกจากนี้ ขอเรียกร้องให้นายกฯและคณะรัฐมนตรี ไม่ปล่อยให้การตัดสินเรื่องสำคัญนี้เป็นไปตามขั้นตอนของคณะกรรมการวัตถุอันตรายเท่านั้น เพราะคณะกรรมการฯ พิจารณาเรื่องนี้มา 2 ปีครึ่งแล้ว ทุกครั้งจะอ้างว่า ผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมยังไม่ชัดเจนและการใช้วิธีการอื่นมีต้นทุนสูงกว่า เป็นวัฎจักรซ้ำซากวนเวียนตรึงประเทศให้ติดกับดักประเทศผลิตวัตถุดิบราคาถูกเพื่อส่งออก รวมทั้งเอื้อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมบางกลุ่มและผู้บริโภคในต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลนำงบประมาณที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจมาสนับสนุนเกษตรกร มุ่งไปสู่ระบบทำเกษตรและผลิตอาหารปลอดภัย
“ถ้านายกฯหรือครม.ไม่พูดถึงมาตรการสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยเหล่านี้ เราตั้งข้อสงสัยว่า ท่านไม่ได้มีเจตนาสนับสนุนการยกเลิกสารพิษ ไม่ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงสาธารณสุข หรือคณะกรรมการวัตถุอันตรายเท่านั้น” นายวิฑูรย์กล่าวย้ำ
ขณะเดียวกันมีความเคลื่อนไหวของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Chada Thaised” ระบุว่า ตนขอพูดเรื่องแบนสาร 3 ตัวที่ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯดำเนินการอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้มีหลายคนเตือนว่าผลประโยชน์เยอะ ทำยาก ไม่สำเร็จแล้วอันตราย ตนก็บอกให้เอาหลักการเหตุผลมาคุยกัน อยู่บนผลประโยชน์สุขภาพของประชาชนคนไทยทั้งชาติ อย่ามาใช้วิธีการทำลายล้างกัน อย่ามาทำอะไรน้องสาวตนนะ
นายชาดายังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า นายทุนครอบงำจนข้าราชการบางคนทำเหมือนว่า ถ้าเลิกสารสามตัวนี้ประเทศจะล่มสลาย เรื่องเกษตรกรจะใช้อะไรกำจัดวัชพืช เป็นเรื่องสำคัญที่ราชการเกี่ยวข้องต้องดำเนินการหาวิธีจัดการวัชพืชและเยียวยาให้ดีที่สุด เรื่องสารพิษไม่ใช่ความผิดของเกษตรกร กระทรวงเกษตรเป็นผู้แนะนำส่งเสริมให้เกษตรกร โดยไม่ได้บอกว่าโทษเป็นอย่างไร ใช้อย่างไรให้ถูกต้อง
“ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯบางคน หน่วยงานบางหน่วยงาน ทำตัวเป็นเอเย่นต์หรือเซลล์ของบริษัทขายสารเคมี วันนี้กรมที่รับผิดชอบไม่เคยออกพูดว่า ทางแก้คืออะไร ชี้ว่าแนวทางว่าถ้าใช้ต่อต้องทำแบบไหน ไม่ใช้ต้องดำเนินการอย่างไร แต่วันนี้กลับทำตัวเป็นผู้แทนบริษัทขายสารเคมี เรื่องทั้งหมดเกิดจากกระทรวงเกษตรฯขาดสำนึกในการทำหน้าที่เพื่อเกษตรกร และประชาชน องค์กรนี้ต้องปฏิรูปใหม่ วันนี้ปัดความรับผิดชอบตลอดเวลา” นายชาดา ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการรณรงค์และขับเคลื่อนเพื่อยุติการใช้สารเคมีทางการเกษตร ที่มีอันตรายต่อสุขภาพ โดยมี นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ ที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข พร้อมนพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์ประจำคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมอนามัย และ อย.ซึ่งเป็นที่ปรึกษา มีการรายงานผลประชุมกรรมาธิการวิสามัญเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ถึงข้อโต้แย้งและชี้แจงข้อมูลของเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง ที่สนับสนุนการใช้สารเคมีในภาคเกษตร ว่าการใช้สารเคมี ไม่มีผลกระทบกับสุขภาพประชาชน มีผลย้อนแย้งกับกระทรวงสาธารณสุข อย่างกรณีโรคเนื้อเน่า จังหวัดน่าน หรือพัฒนาการของเด็กในพื้นที่อิสานล่าช้า ที่ประชุมจึงนำข้อมูลทางการแพทย์มาชี้แจงอีกครั้ง ย้ำว่าข้อมูลผลกระทบด้านสุขภาพจากสารเคมีเป็นเหมือนกันทั่วโลก มีอันตรายต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดโรคพาร์กินสัน มะเร็ง สมองฝ่อ พัฒนาการล่าช้าในเด็ก และเนื้อเน่า ดังนั้นเห็นว่าผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ควรนำข้อมูลสุขภาพ ที่เป็นผลกระทบจากสารเคมีเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องไม่ใช่รู่กันแค่ในวงประชุม หรือ นักวิชาการเท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี