อัยการยื่นฟ้องเพิ่ม"อารี-วิเชียร-อดิศร"คดีนปช.ก่อการร้าย จัดม็อบชุมนุมป่วนเมืองปี2553 ศาลอนุญาตให้ประกันคนละ6แสน แต่ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2562 นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ได้นำตัว นายอารี ไกรนรา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ และอดีตการ์ดแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายวิเชียร ขาวขำ นายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดอุดรธานี (นายก อบจ.อุดรธานี) แนวร่วม นปช.มายื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาเป็นคดีหมายเลขดำที่ 2738/2562 ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย
ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา 83 , 135/1 , 135/2 , 135/3 ซึ่งจำเลยทั้งสองให้การปฎิเสธ และได้ยื่นประกันตัว โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัว ตีราคาประกัน 6 แสนบาท และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และนัดตรวจหลักฐาน วันที่ 2 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
กรณีจำเลยร่วมการชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ปี 2553 ซึ่งมี นายจตุพร พรหมพันธ์ุ ประธาน นปช.กับพวก 24 คน เป็นจำเลยในคดีหมายเลขดำ อ.2542/2553 ซึ่งคดีดังกล่าวศาลอาญาได้พิพากษายกฟ้องไปเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา
โดยคดีของนายจตุพรกับพวกยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์ของอัยการอยู่
นอกจากนี้ วันนี้พนักงานอัยการได้นำตัว นายอดิศร เพียงเกษ อายุ 67 ปี โฆษกผู้นำฝ่ายค้าน และอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ไปยื่นฟ้องคดีก่อการร้ายและข้อหาอื่นที่ศาลอาญาในช่วงบ่ายวันนี้ ข้อหาที่ฟ้องนายอดิศร เป็นลักษณะเดียวกันกับแกนนำและแนวร่วม นปช.ชุดนายจตุพร จากกรณีเหตุการณ์ชุมนุมปี 2553 เช่นเดียวกัน
กระทั่งเมื่อเวลา 12.00 น.เศษ ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 ได้ยื่นฟ้อง นายอดิศร เพียงเกษ แกนนำ นปช.เป็นจำเลยในความผิด ฐานร่วมกันก่อการร้าย โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการใดให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ โดยมีความมุ่งหมายขู่เข็ญรัฐบาลไทยให้กระทำการใด หรือเพื่อสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 , ขู่เข็ญว่าจะทำการก่อการร้าย โดยสะสมกำลังพลหรืออาวุธ หรือตระเตรียมการสมคบกันเพื่อก่อการร้าย ตาม ม.135/2 , ร่วมกันชุมนุมหรือมั่วสุม ณ ที่ใดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปในท้องที่ผู้รับผิดชอบประกาศกำหนด อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
ศาลได้ประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณา หมายเลขดำ อ.2745/2562 พร้อมกับสอบคำให้การจำเลยว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ปรากฏว่านายอดิศร จำเลย แถลงให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 2 ธ.ค.เวลา 09.00 น.
ภายหลังญาติและทนายความนายอดิศร จำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 6 แสนบาท ขอปล่อยชั่วคราว
ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้นายอดิศรประกันตัว โดยตีราคาประกัน 6 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับคำฟ้อง คดีหมายเลขดำ 2738/2562 ที่พนักงานอัยการพิเศษ 1 ยื่นฟ้อง นายอารี ไกรนรา และ นายวิเชียร ขาวขำ จำเลยที่ 1 - 2 ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา 83 , 135/-135/3 ระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 พ.ย. - 20 พ.ค.2553 กลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองร่วมกับ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อายุ 71 ปี อดีตประธาน นปช. , นายจตุพร หรือตู่ พรหมพันธุ์ อายุ 54 ปี ประธาน นปช. , นายณัฐวุฒิ หรือเต้น ใสยเกื้อ อายุ 44 ปี เลขาธิการ นปช. , นพ.เหวง โตจิราการ อายุ 68 ปี , นายก่อแก้ว พิกุลทอง อายุ 54 ปี , นายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา อายุ 67 ปี , นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก อายุ 61 ปี , นายนิสิต สินธุไพร อายุ 63 ปี , นายการุณ หรือเก่ง โหสกุล อายุ 52 ปี , นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท อายุ 68 ปี , นายภูมิกิติ หรือพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง อายุ 59 ปี , นายสุขเสก หรือสุข พลตื้อ อายุ 43 ปี
นายจรัญ หรือยักษ์ ลอยพูล อายุ 48 ปี , นายอำนาจ อินทโชติ อายุ 63 ปี , นายชยุต ใหลเจริญ อายุ 46 ปี , นายสมบัติ หรือผู้กองแดง มากทอง อายุ 57 ปี , นายสุรชัย หรือหรั่ง เทวรัตน์ อายุ 34 ปี , นายรชต หรือกบ วงค์ยอด , นายยงยุทธ ท้วมมี อายุ 63 ปี , นายเจ็มส์ สิงห์สิทธิ์ อายุ 38 ปี , นายมานพ หรือเป็ด ชาญช่างทอง อายุ 58 ปี , นายสมพงษ์ หรืออ้อ หรือแขก หรือป้อม บางชม และนายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงศ์เรืองรอง อายุ 55 ปี ทั้งหมดเป็นแกนนำ , การ์ด และแนวร่วม นปช.เรียงตามลำดับเป็นจำเลยที่ 1 - 24 ในคดี นปช.ก่อการร้าย หมายเลขดำ อ.2542/2553 กับพวกอีกหลายคนซึ่งหลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง และ พล.ต.ขัตติยะ หรือ เสธ.แดง สวัสดิผล (เสียชีวิตแล้ว) ซึ่งเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง ได้กระทำความผิดต่อกฎหมาย มั่วสุม ยุยง ปลุกปั่น ประชาชนทั่วประเทศให้เข้าร่วมชุมนุมและทำกิจกรรม มีความมุ่งหมายเพื่อต่อต้านรัฐบาลและบังคับขู่เข็ญ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ประกาศยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ทันที อ้างว่ารัฐบาลเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินโดยมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550
นอกจากนี้ จำเลยทั้งสองกับพวกดังกล่าวยังร่วมกันจัดให้มีการชุมนุมกลุ่ม นปช.หรือกลุ่มคนเสื้อแดง จำนวนหลายหมื่นคน ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ตามแนวถนนราชดำเนินตั้งแต่สี่แยกคอกวัว ถึงสี่แยกมิสกวันและแนวถนนพิษณุโลก จากสะพานชมัยมรุเชษฐ ถึงสี่แยกวังแดงและแยกราชประสงค์ และมีการเดินขบวน หรือเคลื่อนย้ายประชาชนที่ร่วมชุมนุมไปล้อมสถานที่ต่างๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) , สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย , รัฐสภา , กรมทหารราบที่ 22 และบ้านพักของนายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี มีการใช้อาวุธเครื่องยิงลูกระเบิดแบบ M 79 ยิงใส่บ้านพักประชาชน อันเป็นการกระทำการใดอันก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต หรืออันตรายอย่างร้ายแรงต่อร่างกายหรือเสรีภาพของบุคคลใดๆ หรือประชาชนทั่วไปโดยมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญ หรือบังคับรัฐบาลไทย นายกรัฐมนตรียุบสภา หรือเพื่อสร้างความปั่นป่วน โดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน อันเป็นการกระทำความผิดฐานก่อการร้าย จำเลยทั้งสองกับพวกดังกล่าวยังได้ร่วมกันสมคบเพื่อก่อการร้าย โดยสะสมกำลังพล และอาวุธสงครามร้ายแรง มีการฝึกกำลังคนและฝึกการใช้อาวุธโดยเรียกชื่อกลุ่มกองกำลังว่ากลุ่มนักรบพระเจ้าตาก กลุ่มนักรบโรนิน หรือกลุ่มนักรบพระองค์ดำเพื่อการก่อการร้ายและจำเลยทั้งสองกับพวกได้ยุยง ปลุกปั่น ให้ประชาชนผู้ร่วมชุมนุมสร้างความปั่นป่วน เพื่อให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน โดยจำเลยทั้งสองและกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมได้ใช้เลือดของจำเลยและกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมจำนวนมากไปเทราดที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์และหน้าบ้านพักนายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีและมีการใช้เครื่องยิงลูกระเบิดชนิด M 79 ยิงใส่กองรักษาการณ์ของกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์
ทั้งนี้ เพื่อบีบบังคับกดดันรัฐบาลให้เร่งดำเนินการตามคำเรียกร้องของกลุ่ม นปช.จำเลยทั้งสองกับกลุ่มผู้ชุมนุม ได้ร่วมกันเคลื่อนไหวเดินขบวนไปตามถนนในเขต กทม.แบบดาวกระจาย โดยใช้รถจักรยานยนต์และรถยนต์ รวมประมาณ 1 หมื่นคันเศษ เพื่อสร้างความปั่นป่วนก่อให้เกิดความเสียหายแก่การคมนาคมและทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เดือดร้อนเกรงกลัวอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน ขัดขวางการใช้ชีวิตโดยปกติสุขของประชาชนทั่วไป มีการใช้เครื่องยิงจรวด อาร์พีจี ยิงใส่กระทรวงกลาโหม ใช้เครื่องยิงลูกระเบิดแบบ M 79 ยิงใส่กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยิงใส่กองบัญชาการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ และขว้างระเบิดแบบ M 67 เข้าไปในกรมบังคับคดี เขตตลิ่งชน ยิงปืนเข้าใส่อาคารมูลนิธิ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มีการใช้อาวุธปืนยิงใส่ ธนาคารกรุงเทพ สาขาสะพานขาว ขว้างระเบิดปิงปองไปยังบริเวณประตูทางเข้า 5 ของทำเนียบรัฐบาล มีการวางระเบิดแสวงเครื่องตามสถานที่ราชการต่างๆ และที่อื่นๆ อีกหลายแห่ง อันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของรัฐและผู้อื่น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 135/1 , 135/2 , 135/3 เหตุเกิดใน กทม.และจังหวัดในเขตปริมณฑล และจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศเกี่ยวพันกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี