“สมพร” ตื่นเต้นขึ้นศาลครั้งแรก ยัน 8 ม.ค. “ธนาธร” กลับบ้านเซ็นโอนหุ้นวี-ลัคมีเดีย พร้อมหุ้นในเครือไทยซัมมิท ประเด็นเซ็นโอนให้หลานทดลองบริหารฟื้นฟูกิจการก็เรื่องจริง แต่จำต้องให้โอนกลับเพราะหลานขอให้ใส่เงินเพิ่มอีกหลายล้าน แจงตลอดชีวิตทำธุรกิจ 40 ปียึดมั่นในกรอบกฎหมาย
18 ตุลาคม 2562 ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดไต่สวนพยานจำนวน 10 ปาก ในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ขอให้พิจารณาว่า ความเป็นส.ส.ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98(3) เนื่องจากถือหุ้นสื่อ บริษัทวี-ลัค มีเดียจำกัด เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.หรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีมติรับคำร้องเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม และสั่งนายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.
โดยเมื่อเวลา 13.00 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เบิกตัวนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร ขึ้นเป็นพยาน โดยนางสมพรยืนยันว่า การโอนหุ้นในวันที่ 8 มกราคม 2562 เกิดขึ้นที่บ้านของนายธนาธร โดยกำหนดเวลาหลังเลิกงานแล้วให้มาเซ็นโอนหุ้นกัน
ในส่วนของเอกสารทนายความเป็นคนจัดเตรียมมา โดยรายละเอียดมอบหมายให้นางลาวัลย์ จันทร์เกษม พนักงานบริษัทที่ดูงานด้านบัญชี และนางกานต์ฐิตา อ่วมขำ พนักงานที่ดูแลด้านการเงิน เป็นผู้ประสานโดยตรงกับทนายความ
ในวันดังกล่าวทราบว่านายธนาธรอยู่ที่บุรีรัมย์แล้วจะนั่งรถกลับบ้าน เมื่อตนเดินทางไปถึงบ้านของนายธนาธร พบว่า นายธนาธรและนายณัฐธนนท์ไปถึงก่อนแล้ว เพราะนัดไว้ในเวลา 18.00 น. ก่อนที่ตนจะเซ็นเอกสารได้อ่านดูคร่าวๆว่าถูกต้องแล้วจึงเซ็นซื่อ ในวันดังกล่าวตนได้เตรียมเช็คมา 2 ใบ เพื่อชำระค่าหุ้น สั่งจ่ายนายธนาธร 6,750,000 บาท โดยเช็คลงวันที่ 8 มกราคม 2562 ซึ่งตนไม่รู้ว่าเช็คจะนำไปขึ้นเงินเมื่อไร สำหรับค่าป่วยการทนายความไม่ต้องจ่ายเงินเพราะเป็นทนายความของพรรค
ต่อมาศาลได้พยายามซักถามกรณีหุ้นดังกล่าว ซึ่งมีปัญหาจากการไปจดแจ้งหลังวันที่นายธนาธรสมัครรับเลือกตั้ง
นางสมพร กล่าวว่า ตนบริหารบริษัท 40 กว่าแห่ง ปกติการยื่นสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) จะเคลียร์ให้เรียบร้อยก่อนยื่นงบดุล หลังการโอนหุ้นไม่ได้หมายความว่าเอกสารต้องทำเรียบร้อยในทันที ปกติก่อนการโอนหุ้นบริษัทอื่นๆ จะมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น แต่การโอนวี-ลัคมีเดีย ดำเนินก่อนช่วงก่อนสิ้นปีทุกคนงานยุ่ง นายธนาธรก็เตรียมตัวมาเล่นการเมือง เขาต้องถอนหุ้นออกจากเครือไทยซัมมิททั้งหมด ในส่วนของวี-ลัคมีเดีย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมานานจึงไม่มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น
นางสมพร ชี้แจงถึงการโอนหุ้นให้หลายชาย 2 คน ในวันที่ 11 มกราคม 2562 คือนายทวี จรุงสถิตพงศ์ หรือบี และนายปิติ จรุงสถิตพงศ์ หรือเอ เนื่องจากตนเสียดายที่ต้องปิดวี-ลัคมีเดีย เพราะนางรวิพรรณที่เคยบริหารจนกิจการมีผลประกอบการดี ก็มีลูกตามมาติดๆอีกหลายคน จึงอยากให้หลานเข้ามาทำบริษัท ไม่ใช่บริษัทขาดทุนแล้วอยากปิดบริษัท
โดยนายทวีเรียนจบนิเทศศาสตร์มาโดยตรงมีความสนใจ จึงขอให้นายปิติ (พี่ชาย) มาช่วยเพราะวี-ลัคมีเดีย ไม่มีพนักงานเหลืออยู่แล้ว ตนจึงตกลงโอนหุ้นทั้ง 2 ก้อนไปให้หลานชาย เพื่อฟื้นฟูบริษัท เป็นการโอนให้หลานไม่ใช่การขาย ซึ่งหลานทั้ง 2 คนนี้ เป็นหลานแท้ๆ พี่ชายคนโตของตนเสียชีวิตไปเกือบ 20 ปี ที่ผ่านมาตนอุ้มชูหลานทั้ง 2 คนมาตลอด หลังจากหลานไปเรียนรู้แผนงานได้กลับเสนอตนให้ลงทุนเพิ่มในวี-ลัคมีเดียอีกหลายล้านบาท แต่ตนตัดสินใจไม่ลงทุนเพิ่มเพราะมองว่าเป็นธุรกิจที่ตกเทรนแล้ว จึงให้หลานทั้ง 2 คน โอนหุ้นกลับมา จากนั้นจึงมีการเจรจากับลูกหนี้บางรายให้ทยอยจ่ายหนี้ โดยลดหนี้ให้ครึ่งหนึ่งเพื่อให้สามารถปิดบัญชีได้เร็ว จึงเป็นเหตุให้การปิดบัญชีบริษัททำได้ในเดือนมิถุนายน 2562
นอกจากนี้ นางสมพรยังเบิกความด้วยว่า เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่อายุ 23 ปีหลังเรียนจบจากประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อแฟนมาจีบก็แต่งงานเมื่ออายุ 24 ปี จนถึงขณะนี้อายุ 68 ปีแล้ว ในการบริหารงานตลอด 40 ปี ตนยึดมั่นในกฎหมาย รวมถึงกรอบเวลาต่างๆในกฎหมาย แต่การโอนหุ้นวี-ลัคมีเดียแตกต่างจากหุ้นบริษัทอื่นเพราะเป็นการโอนหุ้นภายในกันเอง จึงไม่มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น
นอกจากนั้น ในวันที่ 8 มกราคม 2562 มีการเซ็นโอนหุ้นในเครือไทยซัมมิทหลายบริษัท แต่มีการชำระเงินเฉพาะบ.วี-ลัคมีเดีย ส่วนหนึ่งเพราะต้องการปิดบริษัทนี้ และการนำเงินจำนวนมากมาชำระค่าหุ้นหลาย 10 บริษัทต้องใช้เวลาเตรียมการนานพอสมควร ส่วนการโอนหุ้นให้หลานชายทั้ง 2 คน ก็เป็นการโอนให้ไปบริหารฟรีๆ แต่ในต้นขั้วเอกสารระบุว่ามีการชำระค่าหุ้นในราคาพาร์ 10 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในการไต่สวนพยานปากนางสมพรเป็นไปอย่างผ่อนคลาย ศาลไม่ได้ซักถามอย่างกดดันหรือตึงเครียด เมื่อเห็นว่านางสมพรไม่เข้าใจหรือมีอาการงุนงงกับคำถามของทนายฝ่ายผู้ถูกร้อง ก็ช่วยอธิบายคำถามพร้อมระบุว่าทนายความซะคุณแม่เวียนหัวเลย
ขณะที่นางสมพรได้เบิกความด้วยอาการตื่นเต้น กล่าวคำเรียกแทนตัวเอง ว่าข้าพเจ้าบ้าง หรือหนูบ้าง หลังเสร็จสิ้นการเบิกความนางสมพรยกมือไหว้ขอบคุณศาลพร้อมกล่าวว่า “หนูก็ตื่นเต้น”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี