“เมียธนาธร” ยันเหตุขึ้นเช็คค่าหุ้นวีลัคช้า เนื่องจากเป็นแม่ลูกอ่อน มั่นใจเช็คไม่เด้ง ชี้บริษัทแค่รับพิมพ์งานให้นกแอร์ ไม่ได้ทำเนื้อหาเอง ด้าน2 พยาน พนักงานบริษัทไทยซัมมิท ยันไม่แจ้งบอจ. 5 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เหตุเชื่อเป็นการโอนภายใน บริษัทปิดกิจการไม่มีเจ้าหน้าที่รับไม้ทำงานต่อ
18 ตุลาคม 2562 ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดไต่สวนพยานจำนวน 10 ปาก ในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ขอให้พิจารณาว่า ความเป็นส.ส.ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98(3) เนื่องจากถือหุ้นสื่อ บริษัทวี-ลัค มีเดียจำกัด เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.หรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีมติรับคำร้องเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม และสั่งนายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.
โดยนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ , น.ส.ลาวัลย์ จันทร์เกษม และน.ส.กานติ์ฐิตา อ่วมขำ พนักงานบริษัทไทยซัมมิท โอโต้พาร์ค อินดัสตรี จำกัด ได้เข้าให้ถ้อยคำต่อศาล
นางรวิพรรณ ชี้แจงว่า การโอนหุ้นบริษัทวี-ลัคในวันที่ 8 ม.ค. 62 มีการนัดหมายกันที่บ้าน คือก่อน 6 โมง ทนายมาจัดเตรียมเอกสารในห้องทำงาน จากนั้นนายธนาธร กลับมาจากบุรีรัมย์ ทักทายกันเสร็จ ก็ไปอาบน้ำ ซึ่งต่อมาคุณลาวัลย์ กานต์ฐิตาก็เดินทางมาสมทบ พอนายธนาธรอาบน้ำเสร็จก็มานั่งคุยกัน และเซ็นเอกสาร ซึ่งเอกสารสัญญาทางทนายเป็นคนเตรียมมา
โดยในส่วนของตนก็ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน และเมื่อเซ็นเสร็จก็มีการติดอากรแสตมป์ในวันนั้น โดยเจ้าหน้าที่การเงินของบริษัทไทยซัมมิท เตรียมมา หลังเซ็นเสร็จคุณสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร ก็มีการเซ็นเช็คจ่ายค่าตอบแทนการโอนหุ้นบริษัทวี-ลัค ให้คุณธนาธร และตนคนละฉบับ ซึ่งเช็คทั้งสองใบตนเองเป็นคนเก็บ และนำไปขึ้นเดือนพ.ค. 62 ด้วยตนเอง
เหตุที่เว้นหลายเดือนเป็นเรื่องปกติ เพราะที่ผ่านมาก็จะรวบรวมหลายฉบับแล้วนำไปขึ้นพร้อมกันทีเดียวอย่างในปี 60 มีเคยนำเช็คไปขึ้นทีเดียว 10 ฉบับ โดยการขึ้นเช็คก็จะไม่มอบให้ใครไปดำเนินการ ขณะเดียวกันช่วงนั้นเพิ่งคลอดลูกคนเล็กเดือนก.ย. จึงต้องเลี้ยงลูก และเห็นว่าเป็นเช็คบริษัทในเครือ ไม่มีการปัญหาเด้งแน่ จึงไม่ได้รีบนำไปขึ้น แต่ต่อมาเมื่อเกิดกระแสข่าวเรื่องการโอนหุ้น เมื่อได้รับเช็คที่ทนายนำมาแสดงต่อกกต. คืน จึงรีบนำไปขึ้นเงิน
ส่วนการเดินทางไปหาเสียงที่จ.บุรีรัมย์ของนายธนาธรในวันที่ 8 ม.ค. 62 จำได้ว่าวันที่ 7ม.ค. 62 ช่วงเช้านายธนาธร บินจากกรุงเทพไปจ.อุบล แล้วไปต่อที่จ.บุรีรัมย์ โดยนายชัยสิทธิ์ คนขับรถขับไปสมทบกับคุณธนาธรที่จ.อุบล และวันที่ 8 ม.ค. คุณธนาธรกลับมากับคุณชัยสิทธิ์ สองคน สำหรับการเข้ามาเป็นกรรมการบริษัทวี-ลัค ตอนตั้งบริษัทชื่อโซลิค ตนเองยังไมได้เข้าไปมีส่วนร่วม เข้ามาช่วยปลายปี 54 ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ การโอนหุ้นในวันที่ 8 ม.ค. แม้จะมีการโอนหลายบริษัท แต่นางสมพรมีการจ่ายเช็คค่าโอนเฉพาะของบริษัทวี-ลัคให้กับนายธนาธรและตน ส่วนบริษัทอื่นๆ มีกำหนดในสัญญาว่าจะชำระภายใน 6 เดือนหลังจากนั้น
ส่วนที่บริษัทจะเลิกกิจการแต่ทำไมจึงทำสัญญากับบริษัทนกแอร์ นางรวิพรรณ ชี้แจงว่า ตอนเข้ามาบริหารปี 54 นอกจากผลิตนิตยสารฮู แล้วก็รับจ้างนกแอร์ผลิตนิตยสาร จิ๊บ จิ้บ โดยไม่ได้ทำเนื้อหา จนปี59 ธุรกิจสิ่งพิมพ์ซบเซา แต่ในส่วนของการผลิตนิตยสารให้กับนกแอร์ยังมีรายได้ไม่ขาดทุนอยู่และยังมีสัญญาอยู่ จึงมีการปิดกองบรรณาธิการฮูเท่านั้น ส่วนอื่นยังทำหน้าที่ต่อไป ไม่ได้ยุบ
น.ส.ลาวัลย์ จันทร์เกษม ผู้จัดการทั่วไปดูแลสายงานบัญชี บริษัทไทยซัมมิท โอโต้พาร์คอินดัสตรี จำกัด ชี้แจงว่า ทำงานบริษัทนี้มา 15 ปี ซึ่งหลักการๆ โอนหุ้น เมื่อมีการโอนหุ้นแล้ว ก็ได้มีการลงในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น และนำเอกสารไปแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่บริษัทเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ตนจึงไม่ได้เป็นผู้นำ ส่งสำเนาทะเบียนผู้ถือหุ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเรื่องหุ้นที่ผ่านมามีไม่มาก มีปีที่ผ่านมาค่อนข้างเยอะ ยอมรับว่าตนลงนามเป็นพยานในการโอนหุ้นวันที่ 8 ม.ค. โดยเดินทางไปถึงบ้านคุณธนาธรพร้อมกับน.ส.กานต์ฐิตา และได้ร่วมตรวจสอบตราสารการโอนหุ้นว่าการโอนจากผู้โอน ผู้รับโอน ชื่อ มูลค่าหุ้น ถูกต้องหรือไม่ และร่วมลงนามในเอกสารระหว่างผู้โอน ผู้รับโอน โดยไปบ้านคุณธนาธรกับน.ส.กานต์ฐิตาประมาณ 17.00 น. พร้อมๆกับที่นางสมพรเดินทางมาถึง ซึ่งขณะนั้นทนายความรออยู่ภายในบ้านก่อนแล้ว
นอกจากนี้ยังเป็นพยานในการโอนหุ้นวันที่ 14 ม.ค.ระหว่างนางสมพร กับหลานชายทั้งสองคน ที่บ้านนางสมพร ซึ่งมีบ้านอยู่ตรงกับข้ามกับบ้านนายธนาธร ในหมู่บ้านเลคไซด์วิลล่า 2 โดยวันดังกล่าวนางสมพรอยู่ภายในบ้านอยู่แล้ว มีนายพิพัฒน์พงศ์ ทนายความ ตนเอง น.ส.กานติ์ฐิตา และนายทวี นายปิติ จรุงสถิตย์พร หลานชายทั้งสองคนเดินทางมาสมทบตามลำดับ และยังเป็นพยานในการโอนหุ้นคืนระหว่างหลานชายทั้งสองคนกับนายสมพร วันที่ 21 มี.ค. ซึ่งทั้ง 3 ครั้งเมื่อโอนเสร็จจะมีการลงในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นบริษัท
จากนั้นศาลได้ซักว่า ทำไมการโอนหุ้นวันที่ 8 ม.ค.62 กับวันที่ 14 ม.ค. 62 ไม่มีการแจ้งบอจ. 5 แต่การโอนในวันที่ 21 มี.ค. 62 จึงมีการแจ้งบอจ. 5 ซึ่งน.ส.ลาวัลย์ ชี้แจงว่า มีเหตุหลายประการ ส่วนหนึ่งเห็นว่า การโอนหุ้น 3 ครั้งเป็นการโอนภายในบริษัทจึงไม่มีการแจ้งบอจ. 5 ขณะเดียวกันบริษัทวี-ลัคมีการเลิกกิจการทำไห้ไม่มีใครมารับงานจากตนไปดำเนินการต่อ แต่หากมีการสั่งให้ตนไปดำเนินการก็สามารถดำเนินการได้ ส่วนการโอนวันที่ 21 มี.ค.62 มีการแจ้งบอจ.5 เนื่องจากก่อนหน้านั้นวันที่ 19 มี.ค. 62 มีการประชุมและมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นบริษัท ซึ่งจะต้องมีการแจ้งเปลี่ยนแปลงกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงได้มีการแจ้งบอจ.5 ไปในคราวเดียวกัน
ด้านน.ส.กานติ์ฐิตา อ่วมขำ กล่าวว่า รับผิดชอบงานด้านการเงินบริษัทไทยซัมมิทโอโต้พาร์ค อินดัสตรี มา 22 ปี การโอนหุ้นในวันที่ 8 ม.ค. ตนอยู่ในเหตุการณ์ โดยเดินทางไปพร้อมน.ส.ลาวัลย์ ถึงบ้านนายธนาธรเวลา 17.00น. โดยช่วงปลายปี 61 ทราบข้อมูลว่าจะมีการโอนเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นใน 10 บริษัทรวมถึงบริษัทวี-ลัร ในฐานะฝ่ายการเงิน ของบริษัทจึงต้องเข้าไปรับทราบ โดยยอมรับว่าได้ลงนามเป็นพยานในตราสารการโอนหุ้นบริษัทวี-ลัค วันที่ 8 ม.ค. 62 และเป็นพยานการโอนหุ้นระหว่างนางสมพร กับหลานชายในวันที่ 14 ม.ค. 62 และการโอนคืนระหว่างหลานชายมายังนางสมพรวันที่ 21 มี.ค. 62
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี