โวย‘ธนาธร’กินรวบ
อนค.ร้าวหนัก
ลูกพรรครอจังหวะเผ่น
‘ช่อ’แค้นงูเห่าโผล่หนุนงบ
ต้องสอบสวนแล้วลงโทษ
‘เพื่อไทย’ตั้งเป้าเข้าสู่วาระ2
จ้องหั่นงบด้านความมั่นคง
“อนค.”ร้าวแล้ว สส.เขตแฉไม่มีความเท่าเทียม เป็นแค่ตัวประกอบ“ธนาธร”คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ เผยเตรียมเผ่นตั้งพรรคใหม่-ฝ่ายค้านอิสระ หากพรรคถูกยุบ ด้าน“ช่อ”แค้นงูเห่าโหวตหนุนร่างพ.ร.บ.งบประมาณ จ่อตั้งทีมสอบสวนเชือด ด้านเพื่อไทยตั้งเป้าวาระสอง หั่นลดงบกองทัพ กระตุ้นศก.-พัฒนาสาธารณสุข ผวาข่าว“บิ๊กแดง”จ่อนั่งนายกฯ
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีการโหวตสวนมติพรรคฝ่ายค้าน ผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วาระแรก ของน.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.เขต 7 จ.ชลบุรี ว่า ตอนนี้พรรคอนาคตใหม่อยู่ระหว่างการทุ่มสรรพกำลังทั้งหมดเพื่อการเลือกตั้งซ่อม เขต 5 จ. นครปฐม ที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ต.ค. นี้ และเมื่อการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.นครปฐมเสร็จสิ้น จะมีการประชุมระหว่างกรรมการบริหารพรรคอีกครั้ง ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อกรณีนี้ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า และขณะนี้พบว่ามีรายชื่อการโหวตสวนมติของพรรคออกมาแค่คนเดียวเท่านั้น
ประเด็นดังกล่าว นายเทพพิทักษ์ มะลาศรี หัวหน้าคณะทำงานพรรคอนาคตใหม่ จังหวัดชลบุรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ Mac Malasri ว่า ในฐานะผู้ก่อตั้งกลุ่มอนาคตใหม่ชลบุรี ตนและทีมงานทำงานอย่างหนักเพื่อขยายแนวคิดและอุดมการณ์อันสำคัญของพรรค ผ่านการปรามาศ สบประมาทมามากมายทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายในการถือธงพรรคอนาคตใหม่ในครั้งนั้น ทั้งการรณรงค์หาแนวร่วมเพื่อหาบุคคลที่มีแนวคิดสอดคล้องกับพรรค,รณรงค์หาสมาชิกพรรคเพื่อเปิดศูนย์ประสานงานพรรคที่จังหวัดชลบุรี,รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเพื่อจะชนะการเลือกตั้ง จนในที่สุดก็ทำสำเร็จในระดับหนึ่ง ชนะการเลือกตั้ง 3 เขตจาก 8 เขตของจังหวัดชลบุรี ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ชนะการเลือกตั้ง คือ กระแสพรรค ลงพื้นที่ บวกกับผู้คนเบื่อหน่ายการเมืองแบบเดิม ต้องการเปลี่ยนแปลงและอยากเห็นคนรุ่นใหม่ที่มีอุดมการณ์ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานการเมือง แต่วันหนึ่งกลับมีคนทรยศต่ออุดมการณ์ ทรยศต่อคำมั่นสัญญาที่ให้ใว้กับประชาชน ตนขอเรียกร้องในฐานะประชาชน ขอให้ลาออกจากการเป็นผู้แทนของปวงชนเสีย เพราะไม่สง่างามและผิดคำสัญญาที่ให้ใว้กับประชาชน
อนาคตใหม่ร้าวหนัก
รายงานข่าวจากพรรคอนาคตใหม่ แจ้งว่า ขณะนี้ในพรรคอนาคตใหม่มี ส.ส.เขตบางคน โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยทำงานการเมืองมาก่อน รู้สึกว่า ไม่ได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมแบบที่ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ได้รับ จนทำให้การโหวต พรก.โอนอัตรากำลังพลฯไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกันทั้งหมด
“เวลาพรรคทำอะไร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่พรรคจัดมา มักจะได้รับสิทธิอะไรมากมาย ส่วน ส.ส.เขตจะเป็นตัวประกอบซะส่วนใหญ่อย่างกรณี ที่ไม่ได้รับการบรรจุอยู่ใน กรรมาธิการคณะที่ตัวเองต้องการเข้าไปทำงาน โดยการตัดสินใจกรณีดังกล่าวเป็นการตัดสินใจของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคคนเดียวเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดความอึดอัดในการทำงานเป็นอย่างมาก เมื่อเราก็เรียกร้องอะไรกลับไปบ้าง แต่กลับไม่เคยได้รับอะไรเลย” แหล่งข่าวระบุ
ทั้งนี้ สำหรับ ส.ส.กลุ่มข้างต้นส่วนใหญ่จะเป็น ส.ส.เขตและมีกรรมการบริหารพรรคบางรายทั้งหมด 7 คน อาทิ น.ส.ศรีนวลบุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ นายฐิตินันท์ แสงนาค ส.ส.ขอนแก่น นายนิรามาน สุไลมาน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่เป็นกรรมการบริหารพรรค เป็นต้น
พรรคมองข้ามสส.เขต
รายงานข่าวยังระบุอีกว่า ปัญหาหลักอีกอย่างคือ เรื่องช่วงอายุ และทัศนคติของคนแต่ละกลุ่มที่มาทำงานร่วมกัน อย่าง ส.ส.เขตจะมองเรื่อง ปากท้องของคนในพื้นที่ ที่ต้องการให้ประชาชนกินดีอยู่ดี แต่บางครั้ง นโยบายพรรคที่ต้องการเปลี่ยนแปลงภาพใหญ่ อาจขัดกับสิ่งที่ ส.ส.เขตกำลังผลักดันอยู่ เนื่องจากบรรดาส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ส่วนใหญ่นั้นมองการแก้ปัญหาในเชิงโครงสร้างมากกว่า ปัญหาเฉพาะเจาะจงในแต่ละพื้นที่ เช่นเดียวกับปัญหา เรื่องการส่งผู้สมัครองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ที่บางจังหวัดอย่าง จ.นนทบุรี ที่แม้จะมีการจัดดีเบตไปแล้ว แต่กลับมีข่าว ว่าการคัดเลือกตัวผู้สมัครนั้นไม่ได้ทำอย่างโปร่งใส เช่นเดียวกับ จ.จันทบุรี และ ชลบุรี ที่มีปัญหาในลักษณะใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวนั้นไม่ได้เกี่ยวกับการถูกพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามซื้อตัวไปแต่อย่างใด
“คนเราอยู่ด้วยกัน โตๆกันแล้ว อะไรที่มันยอมกันได้บ้างก็น่าจะยอมกัน ไม่ต้องวินวิน ห้าสิบ-ห้าสิบ เอาแค่ สามสิบ-เจ็ดสิบก็รับได้แล้ว แต่นี่เล่นไม่ยอมเลย การทำงานมันก็อึดอัด บางเรื่องแนวทางความคิดของคุณธนาธรและคุณปิยบุตรก็แรงไป บางเรื่องเขาชนไม่บันยะบันยัง บางเรื่องเราก็ไม่เห็นด้วย เพราะประเทศเรา สามัคคีกันไว้มันก็ดี ”
นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าวระบุว่า ขณะนี้ทางพรรคมี ส.ส.บางกลุ่มเตรียมตัวจะออกไปตั้งพรรคใหม่ หากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ นำโดย นายทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขณะที่อีกกลุ่มคือกลุ่มส.ส.เขตที่มีปัญหา ตามที่กล่าวมาข้างต้น หรืออีกทางหนึ่งคือออกไปร่วมกับพรรคฝ่ายค้านอิสระ
พท.จ่อหั่นงบกองทัพวาระ2
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงเนื้อหาการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ในวาระรับหลักการว่า หากมองด้วยใจเป็นธรรมแล้ว จะเห็นว่ารัฐบาลจัดสรรงบประมาณไม่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ยากลำบากของประเทศ มีการสร้างภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น เมื่อมองไปยังงบประมาณของกระทรวงกลาโหม เหตุที่ต้องจัดสรรงบก้อนโต เพราะมันมีเหตุมาจากการประเมินภัยคุกคามที่ใหญ่เกินควร ขาดความแม่นตรง และการมอบภารกิจให้แก่กองทัพมากมาย ไม่เป็นไปตามแบบอย่างของกองทัพสากล จึงทำให้กองทัพใช้อ้างเป็นเหตุผลในจัดกำลังขนาดใหญ่เพื่อให้พร้อมเผชิญกับภัยคุกคามที่ใหญ่โตตามภารกิจเหล่านั้นไปด้วย ดังนั้น ในหลักการจึงไม่ควรผ่านความเป็นชอบ แต่ที่ผ่านก็เพราะเป็นไปด้วยเหตุผลของผลประโยชน์ต่างตอบแทน
พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ในทางกลับกันถ้าพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล จะใช้นโยบายการสร้างทหารอาชีพ ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง จัดกองทัพให้กะทัดรัดทันสมัย เป็นสากลสอดรับกับการประเมินภัยคุกคามที่เหมาะสม มุ่งเน้นไปที่การป้องกันประเทศ ส่วนภารกิจการรักษาความมั่นคงภายใน การบรรเทาสาธารณภัยและการพัฒนาจะถือเป็นภารกิจรอง กองทัพจะเข้ามาสนับสนุนเมื่อได้รับการร้องขอ และตามคำสั่งของรัฐบาลเท่านั้น หากได้ดำเนินการในแนวทางและหลักการนี้จะประหยัดงบประมาณของกองทัพได้เป็นหมื่นๆล้านได้ เอางบประมาณที่ประหยัดนี้ไปใช้ในงบการลงทุนทางเศรษฐกิจ ทางการศึกษาและการสาธารณสุขก็จะสร้างความพึงพอใจในภาพรวมให้แก่พี่น้องประชาชนได้อย่างแน่นอนและในวาระที่สองในชั้นกรรมาธิการวิสามัญฯนั้น พรรคเพื่อไทยจะการพิจารณาปรับลด โดยคำนึงถึงหลักการเหล่านี้เป็นสำคัญ
สว.ตั้งคณะกมธ.งบ63
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา (เกียกกาย) ที่ประชุมวุฒิสภาได้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติ (พรบ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 จำนวน 40 คน แบ่งเป็น สว.จำนวน 37คนและ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก 3คน ดังนี้ 1.นายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ 2.นายคำนูณ สิทธิสมาน 3.พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง 4.นายเจน นำชัยศิริ 5.นางฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร 6.นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน 7.พล.อ.ชาตอุดม ติตถะสิริ 8.นายณรงค์ สหเมธาพัฒน์ 9.น.ส. ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ 10.นายดุสิต เขมะศักดิ์ชัย 11.พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง 12.พล.อ.ไตรโรจน์ ครุธเวโช 13.ศาตราจารย์นิสดาร์ก เวชยานนท์ 14.พล.อ.บุญธรรม โอริส 15.นายปิยพันธุ์ นิมมานเหมินท์ 16.นางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ 17.พล.อ.ไพชยนค์ ค้าทันเจริญ 18.นายยุทธนา ทัพเจริญ 19.นางสาวเรณู ตังคจิวางกูร 20.นายวิทยา ผิวผ่อง 21.น.ส. วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ 22.น.ส. วิไลลักษณ์ อริมทมะพงษ์ 23.นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ 24.พล.อ.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล 25.นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ 26.นายศรีศักดิ์ วัฒนพรมงคล 27.พล.อ.สนธยา ศรีเจริญ 28.นายสมชาย ชาญณรงค์กุล 29.นายสมชาย หาญหิรัญ 30.นายสมพล เกียรติไพบูลย์ 31.นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ 32.พล.อ.อ.สุจินต์ แช่มช้อย 33.นายสุชัย บุตรสาระ 34.นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ 35.นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ 36.นายอับดุลฮาลิม มินซาร์ 37.นายอำพล จินดาวัฒนะ 38.นายประยงค์ ตั้งเจริญ ผู้แทนสำนักงบประมาณ 39.นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้แทนกระทรวงการคลัง และ 40.น.ส. วลัยรัตน์ ศรีอรุณ อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ที่ประชุมวุฒิสภาระยะเวลาการดำเนินงาน 10 วันนับตั้งแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบและส่งร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯมาให้วุฒิสภา อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการฯจะเริ่มประชุมนัดแรกวันที่ 28 ตุลาคม เวลา 13.30 น.ที่อาคารรัฐสภา
พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 กล่าวว่า การตั้งคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาครั้งนี้เป็นการตั้งคณะกรรมาธิการแบบคู่ขนานเพื่อศึกษาไปพร้อมกับคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากวุฒิสภามีเวลาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯเพียง 20 วันเท่านั้น
ด้าน นายสมชาย แสวงการ สว. กล่าวว่า คาดว่าสว.จะรับร่างพรบ.งบประมาณฯจากสภา ช่วงเดือนมกราคม 2563 เพราะขณะนี้สภาฯต้องพิจารณารายละเอียดเพื่อปรับลดตัวเลขที่เสนอของบประมาณ ทั้งนี้ สว.ไม่มีอำนาจปรับลดรายการของงบประมาณ ที่สภาฯ พิจารณาแล้วได้ มีเพียงหน้าที่กลั่นกรองเนื้อหาเท่านั้น
พปชร.ขอบคุณงบปี63ผ่านฉลุย
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่าฝ่ายค้านไม่ได้ค้านในหลักการของร่างพรบ.งบประมาณ ถือเป็นมิติใหม่ทางการเมือง สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีในสภาฯ
ซึ่งต้องขอบคุณทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลที่อภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ข้อเสนอแนะต่างๆไปพัฒนาประเทศตามกรอบงบประมาณ โดยยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก โดยเฉพาะส.ส.พรรคพลังประชารัฐได้ตอบอภิปรายได้อย่างครบถ้วน ชี้ให้เห็นถึงการจัดสรรงบประมาณที่เป็นไปอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมและกระจายไปในทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียม และเป็นธรรม แม้จะมีการปรับเปลี่ยนโครงการภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ แต่ก็เป็นไปอย่างสอดคล้องและครอบคลุมกับสถานการณ์โลก โดยจะเห็นได้ว่าแผนการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาล มุ่งพัฒนาทักษะทรัพยากรมนุษย์ที่ตรงกับความต้องการของประเทศ และแนวโน้มเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งหลังจากนี้ พรรคฯจะเดินหน้าทำตามนโยบาย่ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าการผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯครั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรก และก้าวสำคัญในการที่รัฐบาลจะได้มีงบประมาณ เพื่อนำมาดูแลประชาชน นำมาเพื่อพัฒนาประเทศต่อไป เพราะงบประมาณเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าทัดเทียมนานาประเทศ และที่สำคัญหลังจากนี้ คือการพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ที่จะต้องมีการปรับเพิ่มหรือลดงบประมาณในบางหน่วยงาน ก็ขอให้ยึดหลักเพื่อประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ ประโยชน์เพื่อประชาชน เพื่อบ้านเมือง มากกว่าเพื่อพวกพ้อง ดังนั้นการพิจารณาจะต้องทำอย่างรอบคอบที่สุด” โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว
พท.ดักคอ”บิ๊กแดง”จ่อนั่งนายกฯ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุถ้าพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.จะเป็นนายกฯ ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าเป็นได้ก็ดีว่า พล.อ.อภิรัชต์ ประกาศจุดยืนทางการเมืองชัดเจนหลายครั้ง จนสังคมมีคำถามว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พล.อ.ประวิตร ยังจะพยายามโยนหินถามทาง เพื่อให้คนอนุมานว่า พล.อ.อภิรัชต์ หนุนหลังพล.อ.ประยุทธ์ อย่างเต็มที่ในทุกๆกรณี ทั้งที่ทราบดีว่ากองทัพไม่ควรเลือกข้างทางการเมืองชัดเจนขนาดนั้น กองทัพหรือทหารอาชีพทั่วโลก ต้องมีมารยาท ไม่ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง พล.อ.อภิรัชต์ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากพล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ อยู่ที่ประชาชน ไม่ใช่พล.อ.ประวิตร ยุคนี้ไม่ใช่ยุคคสช.ไม่มีใครสามารถแต่งตั้งใครได้ตามอำเภอใจ ต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ต้องมีการเสนอชื่อให้สมาชิกรัฐสภาโหวต กว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีมีขั้นมีตอน ไม่ใช่มาตามความต้องการของพล.อ.ประวิตร การออกมาพูดเรื่องนี้อาจเข้าใจว่ารัฐบาลได้ประโยชน์จากสถานการณ์ความเชื่อมั่นลด เศรษฐกิจมีปัญหา การจัดทำงบประมาณไม่สามารถตอบโจทย์เสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศได้
“ก่อนตัดสินใจมาเป็นนายกฯต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อภิรัชต์ ต้องดูสภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ในวันนี้ให้ดี ว่ามีความสุขหรือไม่ 5 ปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากการบ่น เหนื่อย เครียด ท้อ พล.อ.ประยุทธ์ มีผลงานอะไรเป็นที่ประจักษ์ พล.อ.อภิรัชต์ รับได้หรือไม่กับการถูกตรวจสอบ วิพากษ์วิจารณ์ ที่สำคัญต้องเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน ไม่ใช่แค่เพียงของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่พล.อ.อภิรัชต์ ประกาศจุดยืนเลือกข้างชัดมาตลอด” นายอนุสรณ์ กล่าว
ไม่มีงูเห่า-แจ้งลาป่วยไว้ก่อนแล้ว
นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีสส.พรรคเพื่อไทยไม่เข้าร่วมประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2563 ว่า เรื่องดังกล่าวนี้ตนได้มีการพูดคุยกับผู้ใหญ่ภายในพรรคแล้ว ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร และไม่จำเป็นต้องเรียกส.ส. ดังกล่าวเข้ามาพูดคุย เนื่องจากส.ส.ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม เช่น นางพรเพ็ญ บุญศิริวัฒนกุลส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ได้มีการแจ้งล่วงหน้าตั้งแต่ในการประชุมสัมมนาพรรคที่ จ. ประจวบฯ ในช่วงวันที่ 9-10 ต.ค. ที่ผ่านมา ว่ามีอาการเจ็บป่วย จะต้องเดินทางไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ หรือนายเชิดพงษ์ ราชป้อง ส.ส.บึงกาฬ และนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ก็ได้ทำการแจ้งว่าป่วย และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ทั้งนี้เชื่อว่าการไม่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ไม่มีงูเห่า หรือเหตุผลอื่นแอบแฝง
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือไม่ หลังส.ส. ชลบุรี พรรคอนาคตใหม่ มีการโหวตสวนมติพรรค นายสุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุย แต่ช่วงก่อนการลงมติโหวตร่างพ.ร.บ.งบฯ (19 ต.ค.) พรรคร่วมฝ่ายค้านได้มีการประชุมพูดคุยกัน โดยให้แต่ละพรรคเช็คภายใน เช็คส.ส. ของตัวเอง ซึ่งทางพรรคอนาคตใหม่ก็ได้มีการบอกว่ามีการพบสัญญาณแปลกๆแต่เขาพยายามดูแลให้ดีๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี