“เทพไท” ชี้ หลังญัตติ ผลกระทบคำสั่ง “คสช.” เสร็จ ถึงคิวญัตติ แก้ “ รธน.”  แย้ม สเปค กมธ. แก้ รธน.  “ปชป.”  มีจุดยืนด้านประชาธิปไตยที่ชัดเจน เป็น ส.ส. มาหลายสมัย ผ่านการใช้รัฐธรรมนูญมาหลายฉบับ 

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมสภา เพื่อพิจารณา ญัตติด่วน ขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหา และแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ถ้าดูจากระเบียบวาระการประชุมแล้ว ญัตตินี้มีโอกาสจะนำมาพิจารณาได้ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน (27-28 พ.ย.)  เพราะในสัปดาห์หน้าคงจะต้องพิจารณาญัตติการศึกษาผลกระทบเกี่ยวกับการใช้คำสั่ง คสช.  ของนายปิยบุตร แสงกนกกุล และของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตยก่อน และคาดว่า จะมีผู้อภิปรายญัตตินี้เป็นจำนวนมาก อาจจะใช้เวลาในการอภิปรายนานพอสมควร 

ส่วนญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญของตนเองนั้น จะนำเข้าวาระพิจารณาตอนไหนนั้น ตนไม่มีความกังวลใดๆ เพราะเชื่อว่า หลังการพิจารณาญัตติการศึกษาผลกระทบเกี่ยวกับคำสั่ง คสช.แล้ว ก็ถึงคิวของญัตติของตนเองอย่างแน่นอน จะเตะถ่วงหรือยื้อเวลาออกไปไม่ได้อีกแล้ว 

สำหรับการนำเอาญัตติการศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญมาพิจารณาในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนั้น ก็จะเป็นผลดีต่อ ส.ส.ที่ใช้สิทธิ์ในการอภิปรายหลายคน จะได้มีเวลาเตรียมตัว เตรียมข้อมูลให้สมบูรณ์มากขึ้น และพรรคการเมืองต่างๆก็จะมีเวลาในการสรรหาบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาเป็นกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคนั้นๆด้วย และอยากจะนำเสนอว่าพรรคการเมืองทุกพรรคไม่ควรเสนอชื่อบุคคล ที่คาดว่า จะสร้างปัญหา หรือเป็นอุปสรรคในการทำงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้เข้ามา ซึ่งอาจจะทำให้การทำงานไม่ราบรื่น เกิดความวุ่นวายในการทำงานได้ 

นายเทพไท กล่าวว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์นั้น มีความชัดเจนในจุดยืนเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่การประกาศเงื่อนไขการเข้ารัฐบาลแล้ว ขณะนี้พรรคกำลังรอการประสานงานของแกนนำพรรค และวิปของพรรคที่ได้รับมอบหมายให้ไปเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค เพื่อผลักดันมติพรรคในการสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ให้เป็นผลสำเร็จ และการตั้งกรรมาธิการของพรรคในครั้งนี้ พรรคจะคัดสรรหา ส.ส.ของพรรคที่มีความอาวุโสทางการเมือง มีจุดยืนด้านประชาธิปไตยที่ชัดเจน เป็นส.ส.มาหลายสมัย ผ่านการใช้รัฐธรรมนูญมาหลายฉบับ ในความเห็นส่วนตัว เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายสุทัศน์ เงินหมื่น นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ เป็นผู้เหมาะสม สำหรับตนเองนั้นในฐานะเจ้าของญัตติ ซึ่งมีสิทธิ์เป็นกรรมาธิการคนหนึ่งด้วยนั้น ตนไม่ติดใจถ้าพรรคจะพิจารณาบุคคลอื่นที่พรรคเห็นว่า มีความเหมาะสมกว่า เพราะเป้าหมายสูงสุดของตนนั้นต้องการผลักดันให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยมติเอกฉันท์ด้วยความเห็นพ้องของทุกคนเท่านั้น